นับเป็นโอกาสดีที่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ "James Bond 007" ภาคล่าสุด "No Time to Die" ได้ฤกษ์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ โดยยังคงใช้รถ Aston Martin เป็นพาหนะคู่กาย "James Bond" สายลับเจ้าเสน่ห์แห่งอังกฤษ ทาง Aston Martin Bangkok จึงไม่พลาดโอกาสในการนำลูกค้า และแขกวีไอพี มาร่วมชมภาพยนตร์เรื่องนี้ไปด้วยกัน ซึ่งในภาคนี้ก็มีรถยนต์ Aston Martin ร่วมแสดงถึง 4 รุ่น
DBS
เปิดฉากอย่างอลังการด้วย Aston Martin DBS (แอสตัน มาร์ทิน ดีบีเอส) ที่ขับโดยสายลับ รหัส 00 คนใหม่ แสดงโดยสาวผิวสี ซึ่งยนตรกรรมคันนี้ นับเป็นรุ่นสูงสุดในสายการผลิตของ Aston Martin มาพร้อมรูปลักษณ์แบบผู้ดี แต่พร้อมขยี้คู่ต่อสู้ ด้วยพละกำลังสูงถึง 715 แรงม้า (BHP)
DB5
คงไม่มีใครปฎิเสธ ว่ารถรุ่นนี้มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับ James Bond 007 เพราะเป็นพาหนะคู่ใจมาตั้งแต่ภาคแรก "Gold Finger" เมื่อ 57 ปีที่แล้ว และได้รับความนิยมสูงจนได้กลับมาร่วมแสดงในอีก 6 ภาค คือ Thunderball, Golden Eyes, Tomorrow Never Dies, Casino Royale, Skyfall และ Spectre ขับโดย ฌอห์น คอนเนอรี, เพียร์ส บรอสแนน และแดเนียล เคร็ก โดยรถนั้นมีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับรุ่นพี่อย่าง DB4 (ดีบี 4) แต่มีทีเด็ดใต้ฝากระโปรง เพราะเครื่องยนต์ถูกขยายความจุเป็น 4.0 ลิตร และส่งกำลังผ่านเกียร์ซินโครเมช 5 จังหวะของ ZF
Valhalla
ไฮบริดซูเพอร์คาร์ สายพันธุ์ใหม่ ใช้เทคโนโลยีจากสนามแข่ง Formula 1 โครงสร้างตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ ออกแบบโดยเน้นประ สิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ จับคู่ขุมพลังพลัก-อิน ไฮบริด วางกลางลำ ผสมผสานเครื่องยนต์เบนซิน วี8 สูบ ทวิน-เทอร์โบ 4.0 ลิตร 750 แรงม้า เข้ากับระบบแบทเตอรีไฮบริด มีกำลังรวมสูงถึง 950 แรงม้า (PS) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.5 วินาที ทอพสปีด 350 กม./ชม.
V8 Saloon
การกลับมาอีกครั้งของยนตรกรรมคลาสสิค หลังเคยโลดแล่นอยู่ในตอน "The Living Daylights" ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน วี 8 สูบ 432 แรงม้า (BHP) นับเป็นรถยนต์ 4 ที่นั่ง ที่เร็วที่สุดในยุคนั้น และถูกยกย่องให้เป็นซูเพอร์คาร์พันธุ์แท้คันแรกของอังกฤษ