ธุรกิจ
Ford เผยโฉม Ranger Raptor
Ford Motor Company เผยโฉม Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แรพเตอร์) เจเนอเรชันใหม่ ครั้งแรกอย่างเป็นทางการ โดยรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงรุ่นที่ 2 ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อพร้อมตะลุยทะเลทราย พิชิตภูเขาสูงชัน และทุกสภาพเส้นทางหฤโหดยิ่งกว่าเดิม พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ในตลาดรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง เพื่อผู้หลงใหลการขับขี่ออฟโรดตัวจริง
Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ได้รับการพัฒนาโดยทีม Ford Performance ให้เป็นที่สุดแห่งรถกระบะออฟโรดที่ทรงพลังที่สุดในตระกูล Ranger ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ทันสมัยมากขึ้น ควบคุมการทำงานของตัวถังที่แข็งแกร่ง และเหนือชั้นยิ่งขึ้น Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ จึงเป็นรถกระบะตระกูล Ranger ที่อัดแน่นด้วยสมรรถนะขั้นสูงสุดเท่าที่ Ford เคยพัฒนา
“เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอรถกระบะสมรรถนะสูงตัวจริงด้วย Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่” เดฟ เบิร์น หัวหน้าวิศวกร ทีม Ford Performance โครงการพัฒนา Ford Ranger Raptor กล่าว “รถกระบะคันนี้จะมาพร้อมความเร็วที่เพิ่มขึ้น รูปโฉมที่สะดุดตา และอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ใหม่มากมาย จึงเรียกได้ว่าเป็นรถกระบะเกิดมาแกร่งที่สมบุกสมบันที่สุดเท่าที่ Ford เคยพัฒนา”
อีกขั้นของขุมพลัง
ข่าวใหญ่ที่สุดสำหรับแฟนรถสมรรถนะสูง นั่นคือ การติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เทอร์โบคู่ ที่มอบกำลังสูงสุดถึง 397 แรงม้า ที่ 5,650 รตน. และแรงบิด 583 นิวตัน-เมตร ที่ 3,500 รตน. ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร จะยังคงมีอยู่ใน Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ที่จะวางจำหน่ายในปี 2566 รายละเอียดรถสำหรับแต่ละประเทศจะแจ้งเมื่อใกล้ถึงกำหนดการเปิดตัว
เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เทอร์โบคู่ ใช้เสื้อสูบกราไฟท์ที่มีขนาดกะทัดรัด เมื่อเทียบกับเสื้อสูบเหล็กหล่อทั่วไปจะมีความแข็งแรงมากกว่าถึง 75 % และทนทานกว่าถึง 75 % โดยทีม Ford Performance ได้ออกแบบเพื่อให้เครื่องยนต์ตอบสนองกับการเร่งความเร็วได้อย่างฉับไว พร้อมระบบป้องกันการรอรอบแบบที่ใช้ในรถแข่ง เพื่อมอบอัตราเร่งทันใจ
ระบบป้องกันการรอรอบ (ALS: Anti-Lag System) เป็นส่วนหนึ่งของโหมดบาฮา ใน Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ จะรักษาการหมุนของเทอร์โบชาร์เจอร์ที่ความเร็วสูงต่อไปอีกถึง 3 วินาที หลังจากผู้ขับขี่ปล่อยคันเร่ง รถจึงคืนความเร็วได้ทันใจขณะเร่งออกจากทางโค้ง หรือระหว่างการเปลี่ยนเกียร์
“เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร ทำให้ Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ เป็นรถที่ตอบโจทย์คนรักรถออฟโรดสายฮาร์ดคอร์ที่ต้องการรถสมรถนะสูงอย่างแน่นอน” เดฟ กล่าว “อัตราเร่งที่ทรงพลัง และสมรรถนะเต็มพิกัดของขุมพลังใหม่ จะทำให้คุณสะใจแน่นอน”
เครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่จะทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ซึ่งเกียร์แต่ละจังหวะได้รับการตั้งค่าเฉพาะตัวแตกต่างกัน ทำให้ Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ พร้อมเอาชนะทุกเส้นทางหฤโหด ไม่ว่าจะเป็นกรวด ดินลูกรัง โคลน หรือทราย และด้วยระบบท่อไอเสียควบคุมไฟฟ้าพร้อมโหมดปรับเสียงให้เลือกได้ถึง 4 โหมด (โหมดเงียบ โหมดปกติ โหมดสปอร์ท และโหมดบาฮา) ผู้ขับขี่จึงปรับระดับความดังเสียงท่อไอเสียของ Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ให้มีความนุ่มนวลไปจนถึงเสียงกระหึ่มเร้าอารมณ์ได้ตามต้องการ
ผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับความดังของท่อไอเสียได้เพียงกดปุ่มบนพวงมาลัย หรือเลือกโหมดการขับขี่ดังต่อไปนี้
โหมดเงียบ - ออกแบบมาเพื่อตั้งค่าให้ท่อไอเสียเงียบมากกว่าการอวดสมรรถนะ เหมาะสำหรับการสตาร์ทรถตอนเช้าตรู่ เพื่อลดเสียงรบกวนเพื่อนบ้าน หรือผู้คนในชุมชน
โหมดปกติ - สำหรับใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่ดังเกินไปสำหรับการขับบนท้องถนน โดยจะเป็นค่าเริ่มต้นกับการขับขี่โหมดปกติ โหมดถนนลื่น โหมดโคลน และโหมดหิน
โหมดสปอร์ท - มอบเสียงดังกระหึ่มขึ้น เมื่อต้องการเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจยิ่งขึ้น
โหมดบาฮา - โหมดเสียงที่อวดความแรงสูงสุด ทั้งความดัง และความทุ้ม เสมือนระบบต่อตรง ออกแบบมาสำหรับการขับขี่ออฟโรดเท่านั้น
ความแกร่งเพื่อทุกสภาพแวดล้อมสุดหฤโหด
Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ใช้แชสซีส์อันเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจาก Ford Ranger เจเนอเรชันใหม่ โดยเพิ่มการประกอบ และอุปกรณ์เสริมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสาซี กระบะท้าย ล้ออะไหล่ ไปจนถึงโครงรถแบบพิเศษ ที่พร้อมรองรับแรงกระแทกจากกันชน ขายึดชอคอับ และฐานยึดชอคอับหลัง ทั้งหมดนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ พร้อมตะลุยเส้นทางออฟโรดสุดแสนหฤโหด
รถออฟโรดสมรรถนะสูงอย่าง Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ต้องใช้ช่วงล่างที่แกร่งเพียงพอ ช่วงล่างของรุ่นนี้จึงได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้วยปีกนกบน และล่างใหม่ ที่ทำจากอลูมิเนียมที่แข็งแรง แต่มีน้ำหนักเบา รวมถึงระบบกันสั่นสะเทือนที่มีระยะยืด/ยุบสูง พร้อมวัตต์ลิงค์ด้านหลังที่พัฒนามาเพื่อให้เจ้าของรถขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนถนนขรุขระได้อย่างมั่นใจ
“การพัฒนาระบบช่วงล่างใหม่ของ Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ใช้ประโยชน์สูงสุดจากชอคอับแบบ Live Valve ของ FOX ระบบช่วงล่างของรถปรับได้แบบเรียลไทม์ เพื่อประสบการณ์การขับขี่ทางเรียบที่เหนือระดับ ในขณะที่ยังสามารถซับแรงกระแทกจากพื้นผิวขรุขระ และทางลูกรังในการขับขี่แบบออฟโรดได้อย่างง่ายดาย ช่วยเรื่องการทรงตัว และการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น” เดฟ กล่าว
องค์ประกอบสำคัญของรถที่ทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกจากลูกกระโดด และหลุมบ่อ คือ ระบบกันสะเทือน FOX แบบ Live Valve Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ที่ควบคุมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ช่วยลดการสะเทือนตามการเคลื่อนไหวของรถ นับได้ว่าระบบกันสะเทือนนี้ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยใช้ใน Ford Ranger Raptor นอกจากนี้ Ford ยังเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่นผสม Teflon™ ที่ลดการเสียดสีลงได้ถึง 50 % เมื่อเทียบกับ Ford Ranger Raptor รุ่นก่อนหน้านี้”
ขณะที่ส่วนฮาร์ดแวร์ผลิตโดย FOX แต่ทีม Ford Performance คือ ผู้รับหน้าที่ปรับทูน และพัฒนาชอคอับรุ่นนี้ โดยผสมผสานการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในงานด้านวิศวกรรม (Computer-Aided Engineering หรือ CAE) และการทดสอบรถในสถานการณ์จริง ตั้งแต่การปรับการทำงานของสปริง ไปจนถึงการกำหนดความสูง การปรับแต่งวาล์ว และการออกแบบระดับการยืด-หดของชอคอับ เพื่อสร้างความสมดุลที่สมบูรณ์แบบที่สุด มอบทั้งความสะดวกสบาย การควบคุมรถ ความมั่นคง และการยึดเกาะถนน ทั้งบนทางเรียบ และเส้นทางออฟโรด
ระบบช่วงล่างแบบ Live Valve Internal Bypass ยังได้รับการปรับแต่งให้มอบความสบายบนทางเรียบ และประสิทธิภาพการขับขี่ออฟโรดทั้งแบบความเร็วสูง และความเร็วต่ำได้ โดยทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ใหม่ ที่ผู้ขับขี่เลือกได้เอง
นอกจากการทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ต่างๆ แล้ว ระบบดังกล่าวยังเตรียมความพร้อมให้ตัวรถในการตะลุยพื้นที่ได้หลากหลาย โดยเมื่อชอคอับได้รับแรงกด ระบบบายพาสส์จะทำงานเพื่อตอบสนอง และช่วยซับแรงได้อย่างพอเหมาะ และผลักแรงกลับไปเมื่อชอคอับมีการคืนตัวเต็มที่
ระบบป้องกันการหดตัวค้าง (Bottom-Out Control) ของ FOX ที่ได้รับการพิสูจน์จากสนามแข่ง ช่วยสร้างแรงหน่วงสูงสุดในระยะ 25 % สุดท้ายของการหดตัว เพื่อป้องกันไม่ให้ชอคอับค้าง ในทำนองเดียวกัน ระบบดังกล่าวยังช่วยชะลอการหดตัวของชอคอับหลัง เพื่อไม่ให้รถกระแทกแรงเกินไปขณะเร่งความเร็ว เพิ่มความมั่นคงในการขับขี่มากขึ้น เมื่อระบบกันสะเทือนสร้างแรงหน่วงในปริมาณที่พอเหมาะในทุกการเคลื่อนไหวของรถ Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ จึงยึดเกาะพื้นผิวได้ดีทั้งบนถนน และเส้นทางสมบุกสมบัน
สมรรถนะในการฟันฝ่าเส้นทางที่ท้าทายของ Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ยังมาจากการติดตั้งแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถที่มีขนาดใหญ่เกือบ 2 เท่าของขนาดปกติที่ใช้กับ Ford Ranger อีกทั้งยังทำขึ้นจากเหล็กเหล็กที่มีความแข็งแรงหนา 2.3 มม. เมื่อประกอบเข้ากับแผ่นปิดใต้เครื่องยนต์ และชุดเกียร์ จึงช่วยปกป้องชิ้นส่วนสำคัญ อาทิ หม้อน้ำ ระบบบังคับเลี้ยว คานด้านหน้า อ่างน้ำมันเครื่อง และชุดเฟืองได้ดีเยี่ยม
ตะขอลากจูงคู่หน้า และหลัง ทำให้รถพร้อมลุยในเส้นทางออฟโรดทุกสถานการณ์ ให้ผู้ขับขี่เลือกใช้ตะขอใดตะขอหนึ่งเป็นจุดยึดสายลากจูงได้ ในกรณีที่ตะขออีกด้านเข้าถึงได้ยาก ขณะเดียวกันก็เพิ่มความสมดุลด้วยการใช้สายลากจูง 2 เส้น เพื่อดึงรถขึ้นจากหลุมทรายลึก หรือหล่มโคลนได้
ควบคุมดีเยี่ยมบนทุกสภาพถนน
นับเป็นครั้งแรกที่ Ford Ranger Raptor มาพร้อมระบบการขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบตลอดเวลา โดยใช้ระบบเกียร์ไฟฟ้าใหม่ที่ปรับได้ 2 ระดับ และยังมาพร้อมระบบควบคุมเฟืองท้ายคู่หน้า และหลัง แบบ locking differentials ครั้งแรก นับเป็นคุณสมบัติที่ตอบโจทย์คอออฟโรดตัวจริง
“Ford Ranger Raptor ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งบนทะเลทรายก็จริง แต่ก็นับเป็นรถเพื่อการเดินทางผจญภัยที่ตอบโจทย์การใช้งานแบบอเนกประสงค์ด้วย เราจึงสร้าง Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ จากโรงงาน ให้เป็นรถกระบะออฟโรดเพื่อการเดินทางพร้อมลุยในทุกเส้นทางที่ปลอดภัย โดยที่คุณไม่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติม” เดฟ กล่าว
สิ่งที่ช่วยให้ Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ พร้อมลุยทุกสภาพพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ เส้นทางโคลน หรือทางลูกรัง คือ โหมดการขับขี่เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลาย รวมไปถึงโหมดขับขี่ความเร็วสูงบนทางออฟโรดอย่าง โหมดบาฮา ซึ่งระบบไฟฟ้าทั้งหมดปรับให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด
“เราต้องการให้โหมดบาฮาเป็นตัวแทนขั้นสุดของการขับขี่ออฟโรดความเร็วสูง” เดฟ กล่าว “ฟีเจอร์นี้เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญที่ลูกค้า Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ คาดหวัง” โหมดการขับขี่แต่ละโหมด จะควบคุมการตั้งค่าการทำงานส่วนต่างๆ ของรถโดยละเอียด ตั้งแต่เครื่องยนต์ เกียร์ ความไวในการใช้ระบบเบรคอัตโนมัติ (ABS) การประมวลผล การยึดเกาะถนน ความมั่นคง ระบบท่อไอเสีย พวงมาลัย การตอบสนองต่อการเร่งเครื่อง ไปจนถึงการแสดงผลบนแผงหน้าปัดรถยนต์ และจอทัชสกรีน นอกจากนั้น สีของแผงหน้าปัดยังปรับเปลี่ยนให้เข้ากับการขับขี่แต่ละโหมดอีกด้วย
โหมดการขับขี่ทางเรียบ
โหมดปกติ - ออกแบบมาเพื่อความสบาย ประหยัดเชื้อเพลิง และขับขี่สะดวก
โหมดสปอร์ท - ออกแบบมาให้ตอบสนองไวขึ้นสำหรับการขับขี่บนถนนอย่างสนุกสนาน
โหมดทางลื่น - ออกแบบมาให้ผู้ขับมีความมั่นใจในการขับขี่บนถนนลื่น หรือพื้นถนนที่ไม่สม่ำเสมอ
โหมดการขับขี่ออฟโรด
โหมดหิน - มอบการยึดเกาะและการทรงตัวที่เหนือชั้นบนพื้นผิวที่ลื่นไถลได้ง่าย
โหมดทราย - สำหรับใช้ขับบนพื้นทราย หรือหิมะ เพิ่มประสิทธิภาพการส่งกำลัง และการเปลี่ยนเกียร์
โหมดโคลน - เพิ่มศักยภาพในการยึดเกาะขณะออกตัว และรักษาการทรงตัวของรถ
โหมดบาฮา - เปลี่ยนเข้าสู่การขับขี่ด้วยความเร็วสูงเต็มสมรรถนะ โดยปรับทุกระบบให้พร้อมสำหรับการลุย
Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ยังมาพร้อมระบบควบคุมความเร็วสำหรับการขับขี่ออฟโรด (Trail Control™) ทำหน้าที่เสมือนระบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติสำหรับการขับขี่ออฟโรด ผู้ขับขี่สามารถเลือกความเร็ว (ไม่เกิน 32 กม./ชม.) รถจะควบคุมการเร่งความเร็ว และการเบรค ผู้ขับขี่เพียงจดจ่อกับการบังคับควบคุมพวงมาลัยเพื่อฝ่าเส้นทางสุดท้าทายได้ง่ายขึ้น
การออกแบบที่ทรงพลัง
Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ภายนอกดุดัน สมกับสมรรถนะที่ได้รับการยกระดับไปอีกขั้น ทั้งซุ้มล้อที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มความกว้างของรถ ไฟหน้าใหม่รูปตัว C อันเป็นดีเอนเอของรถกระบะ Ford ตัวอักษร F-O-R-D ขนาดใหญ่บนกระจังหน้า และกันชนที่เป็นอิสระจากกระจังหน้า
“ทุกส่วนประกอบออกแบบมาเพื่อ Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ โดยผ่านการวางแผนมาอย่างดี” เดฟ ดูวิทท์ ผู้จัดการฝ่ายออกแบบภายนอก Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ กล่าว “เพียงแค่มองรูปลักษณ์ภายนอก คุณจะรับรู้ได้ทันทีว่ารถคันนี้เป็นรถยนต์ออฟโรดสมรรถนะสูง”
ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Day-time running lights) แบบแอลอีดี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่องสว่างขึ้นอีกระดับ โดดเด่นด้วยไฟเลี้ยวแบบไดนามิค ไฟสูงแบบตัดแสง และการปรับระดับแสงแบบอัตโนมัติ เพื่อให้แสงสว่างที่ปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ รวมถึงผู้สัญจรที่ขับสวนทาง
ล้ออัลลอยใหม่ขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมยางออลล์ เทอร์เรน BFGoodrich® KO2® ให้ความเท่ และดุดัน ภายใต้ซุ้มล้อที่สะดุดตา ช่องลมข้างบังโคลน นอกจากความสวยงามแล้วยังมีประโยชน์ด้านอากาศพลศาสตร์เช่นเดียวกับการออกแบบพื้นผิวทั้งหมด บันไดข้างดีไซจ์นใหม่ ทำจากอลูมิเนียมที่แข็งแรง ช่วยเสริมรูปลักษณ์ และฟังค์ชันการใช้งานให้แก่รถ ส่วนด้านหลังใช้ไฟท้ายแบบแอลอีดีกลมกลืนกับไฟหน้า กันชนหลังสีเทาเข้ม มีบันไดเหยียบเพื่อขึ้นกระบะท้าย และชุดลากในตัวที่ติดตั้งในตำแหน่งสูง เพื่อเพิ่มมุมจาก โดยรายละเอียดของอุปกรณ์แตกต่างกันไปในแต่ละตลาด
การออกแบบภายในยังคงสื่อถึงพลัง และความดุดันของการเป็นออฟโรดสมรรถนะสูงเช่นเดียวกับการออกแบบตัวถังภายนอก ห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดโดยใช้เบาะที่นั่งแบบสปอร์ท ทั้งเบาะหน้า และหลัง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินรบ มอบทั้งความสบาย และกระชับ แม้รถวิ่งด้วยความเร็วบนทางโค้ง
การตกแต่งรายละเอียดด้วยสีส้ม "โคด ออเรนจ์" บนแผงหน้าปัด การตัดขอบชิ้นส่วนหลักๆ ในห้องโดยสาร รวมถึงบนเบาะที่นั่งแบบสปอร์ท ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นอีกเมื่อเปิดไฟส่องสว่างสีอำพันอบอุ่นภายในห้องโดยสาร เสริมความหรูหราอีกขั้นด้วยพวงมาลัยหนังเกรดพรีเมียมจับกระชับมือ พร้อมแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัย หรือ on-centre mark และแป้นแพดเดิล ชิฟท์เคลือบแมกนีเซียม
ห้องโดยสารของ Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ทำงานด้วยระบบดิจิทอลทั้งหมด ด้วยแผงหน้าปัดความชัดเจนสูงขนาด 12.4 นิ้ว และหน้าจอแบบสัมผัสตรงกลางขนาด 12 นิ้ว แสดงผลการเชื่อมต่อ และระบบความบันเทิงผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A® รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ระบบเสียง Bang & Olufsen® 8 ตำแหน่ง มอบประสบการณ์เสียงเหนือระดับระหว่างการผจญภัยครั้งใหม่
พระเอกหน้าใหม่จาก Ford Performance
ต้นกำเนิดของชื่อ Ford Ranger Raptor มาจากทวีปอเมริกาเหนือ โดยวิศวกร Ford ใช้กับรถกระบะสมรรถนะสูงหลายรุ่น เริ่มจาก Ford F-150 SVT Raptor ในปี 2553 ซึ่งได้รับการยกระดับให้มีสมรรถนะในการขับขี่ออฟโรดความเร็วสูง Ford ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทางด้านวิศวกรรมของระบบช่วงล่าง ยางออลล์ เทอร์เรน และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
ในปี 2561 สมาชิกใหม่ของตระกูล Ford Performance เปิดตัวสู่สาธารณชน Ford Ranger Raptor ทำให้แบรนด์ Ford Performance เป็นที่รู้จักในลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เป็นเจ้าของรถกระบะออฟโรดตัวจริงทั่วโลก ด้วยการนำชื่อของ Ford Ranger Raptor ออกสู่ตลาดในประเทศต่างๆ ครั้งแรก
Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ยังสืบทอดดีเอนเอของการเป็นยานพาหนะที่รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยสมรรถนะเหนือชั้นที่ไม่เคยมีในตลาดรถกระบะขนาดกลางมาก่อน
“เรารู้ดีว่าลูกค้าคาดหวังที่จะเห็น Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ที่มาพร้อมกับสมรรถนะที่ได้รับการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น แต่ผมคิดว่าลูกค้าอาจจะไม่ได้คาดหวังไปถึงการพัฒนาแบบก้าวกระโดดแบบที่เราได้พัฒนาให้กับรถคันนี้ Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ จะเป็นรถกระบะที่ขับสนุกจริงๆ และผมเชื่อว่าสมรรถนะเหนือชั้นจะทำให้ลูกค้าตื่นเต้นเร้าใจแน่นอน” เดฟ กล่าวสรุป
ABOUT THE AUTHOR
นุสรา เงินเจริญ
บรรณาธิการข่าวธุรกิจและสังคม รักการอ่าน ขอบงานเขียน ชอบพบปะผู้คน ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้บริหารในวงการยานยนต์ไทย ท่องเที่ยว เป็นประสบการณ์ที่ดี พร้อมได้ เปิดโลก ได้พัฒนาตัวในแวดวงสื่อสารมวลชน
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิตคอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)