Ford Everest นำเสนอไฟสว่างแบบใหม่

เทคโนโลยีไฟส่องสว่างขั้นสูง ใน Ford Everest เจเนอเรชันใหม่ ทำให้การขับขี่ในเวลากลางคืนเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิม ด้วยหลากหลายฟังค์ชัน เช่น ไฟหน้าแบบ Matrix LED ที่มีระบบป้องกันแสงไฟแยงตารถที่ขับสวนทางเมื่อเปิดไฟสูง จึงมอบทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น โดยไม่รบกวนผู้ใช้รถคันอื่นๆ โดยเฉลี่ยแล้วการขับขี่รถยนต์ในเวลากลางคืนคิดเป็นสัดส่วนเพียง 25 % ของเวลาบนถนนทั้งหมด แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าในเวลากลางคืนมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิตสูงกว่ากลางวันถึง 3 เท่า เนื่องจากผู้ขับขี่ใช้ไฟสูงน้อยกว่าที่ควร และแม้ว่าจะมีการเปิดไฟอย่างเหมาะสมแล้ว การขับขี่ในเวลากลางคืนก็ยังมีความเสี่ยงสูงกว่าช่วงกลางวันมาก แอนดรูว์ กอก วิศวกรอาวุโสด้านเทคนิค กล่าวว่า ระบบไฟสูงแบบป้องกันไฟแยงตาของ Ford ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้ไฟสูงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะผู้ใช้รถจะมองเห็นเส้นทางข้างหน้าได้กว้างไกลขึ้น โดยไม่ต้องกังวลว่าจะรบกวนผู้ใช้รถที่ร่วมทาง ระบบไฟหน้าอัจฉริยะเหล่านี้ทำงานผสานกับกล้องหน้ารถในการตรวจจับแสงสว่างของไฟหน้า และไฟท้ายของรถได้ไกลถึง 800 ม. เพื่อตรวจสอบสภาพเส้นทาง ระบบนี้จะสร้างลำแสงเป็นอุโมงค์ให้แก่รถด้านหน้าแม้บนทางโค้ง ทำให้ถนนด้านหน้าอยู่ในความมืด ขณะที่ไฟสูงยังคงให้แสงสว่างโดยรอบตามสภาพเส้นทางได้อย่างสูงสุด “โดยทั่วไปแล้วไฟต่ำจะส่องสว่างได้ไกลราว 70 ม. ในขณะที่ไฟสูงส่องสว่างได้ไกลถึง 200 ม. Ford Everestเจเนอเรชันใหม่ ทำให้ผู้ขับขี่ใช้ไฟสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยไม่ต้องกังวลว่าจะรบกวนผู้ใช้รถรายอื่น จึงเพิ่มความอุ่นใจในการขับขี่ให้แก่เจ้าของรถ” นอกจากนี้ การใช้ไฟสูงจากไฟหน้าแบบ Matrix LED ที่มีระบบป้องกันแสงไฟแยงตาใน Ford Everest เจเนอเรชันใหม่ ยังมีคุณสมบัติพิเศษ คือ ระบบ High Beam Boost ที่ใช้หลอดไฟ LRD เกาะกลุ่มกันหลายดวง จึงให้ความสว่างได้มากกว่าไฟสูงแบบ Matrix LED ทั่วไปถึง 30 % “คุณสมบัติพิเศษของไฟสูงที่ส่องสว่างได้มากกว่าเดิม เป็นอีกฟีเจอร์ใน Ford Everest เจเนอเรชันใหม่ ที่เราภูมิใจ และรู้ว่าลูกค้า Ford ที่เดินทางไกลบ่อยๆ จะต้องชื่นชอบคุณสมบัตินี้” แอนดรูว์ กล่าวเสริมว่า การใช้ไฟสูงอย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ได้มาก เนื่องจากแสงจากไฟสูงจะทำมุมทอดไปด้านหน้าเพื่อส่องสว่างในระยะไกล ส่วนไฟต่ำจะทำมุมส่องสว่างบริเวณพื้นถนนหน้ารถโดยตรง จึงเหมาะกับเส้นทางที่โดยรอบมีความสว่างมากกว่า เช่น มีแสงจากไฟหน้าของรถยนต์คันอื่นๆ หรือจากโคมไฟถนน “เพราะไฟสูงปรับมุมส่องสว่างให้สูงขึ้น และให้ลำแสงที่ไกลกว่าเมื่อเทียบกับไฟต่ำ จึงช่วยให้คุณมองเห็นสิ่งที่อยู่บนถนนด้านหน้า และด้านข้างได้นานขึ้นก่อนที่ตัวรถจะวิ่งไปถึง ซึ่งเท่ากับว่าคุณจะตอบสนองต่อสถาน การณ์บนท้องถนนได้รวดเร็วขึ้นด้วย” Ford Everest เจเนอเรชันใหม่ ยังพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับไฟต่ำอย่าง Dynamic Bending Lights ที่ใช้เซนเซอร์ในการตรวจวัดความเร็วของรถ และองศาการเลี้ยว เพื่อหมุนดวงไฟหน้าแบบไปตามทางโค้งเพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นทางด้านหน้าได้มากกว่า เมื่อเทียบกับไฟหน้าธรรมดาที่ไม่สามารถปรับทิศทางได้ ไฟหน้าของ Ford Everest เจเนอเรชันใหม่ ปรับหมุนได้สูงสุดถึง 15 องศา ซึ่งเพียงพอที่จะส่องสว่างแม้บนถนนที่คดเคี้ยว หรือเลี้ยวหักศอก จึงมอบทัศนวิสัยที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้ขับขี่ Ford Everest เจเนอเรชันใหม่ ยังมาพร้อมไฟหน้าแบบปรับแสงค้างตามการเลี้ยว เพื่อเพิ่มการส่องสว่างขณะขับขี่ในเมือง โดยจะทำงานเมื่อรถใช้ความเร็วต่ำในขณะเข้าโค้งลึกๆ ระบบนี้ไม่เพียงช่วยการขับขี่ในขณะเข้าโค้งเท่านั้น แต่ยังทำงานเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลังเพื่อให้แสงสว่างขณะถอยรถในเวลากลางคืนด้วย “Ford คิด และพัฒนาคุณสมบัติมากมายให้แก่ไฟหน้า Matrix LED ใน Ford Everest เจเนอเรชันใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับขี่จะได้ทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดีขึ้น โดยไม่รบกวนผู้ใช้รถคันอื่นๆ”