Genesis GV70 ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลัง 429 แรงม้า อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 4.5 วินาที แบทเตอรีความจุ 77.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะเดินทาง 455 กม. มาตรฐาน WLTP ส่วนมาตรฐาน EPA ที่มีการประเมินที่เข้มงวดกว่าจะได้ระยะเดินทางต่ำกว่าเช่นกัน ใช้แบทเตอรีแบบ Bidirectional Charging ที่ถ่ายประจุออกได้เป็นมาตรฐาน
Genesis GV70 ราคาค่อนข้างสูง แต่ในรุ่นมาตรฐานมีการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานมากเกินพอ ไม่ว่าจะเป็น ล้อขนาด 20 นิ้ว, พาโนรามิคซันรูฟ, ภายในหุ้มหนังแท้, เบาะหน้าปรับอุณหภูมิอุ่น/เย็นได้, ระบบผ่อนแรงประตูหลัง, ระบบ Apple Car Play และ Android Auto แบบไร้สาย, ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย พร้อมระบบความปลอดภัยทั้งกล้องรอบทิศทาง และระบบช่วยนำเข้าจอด, ระบบความบันเทิงภายในผ่านจอขนาด 14.5 นิ้ว และจอแสดงผลข้อมูลขนาด 8.0 นิ้ว คู่กับแผงอุปกรณ์แบบแอนาลอก
สำหรับระดับ Prestige แผงอุปกรณ์เดิมถูกแทนที่ด้วยจอดิจิทอลขนาด 12.3 นิ้ว, ภายในหุ้มหนัง Nappa, บุเพดานด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์, ระบบ Head-up Display, ระบบอุ่นพวงมาลัย, ระบบอุ่นเบาะนั่งแถวหลัง และชุดเครื่องเสียง Lexicon ระดับพรีเมียม
GV70 นับเป็นรถไฟฟ้ารุ่นที่ 3 ของ Genesis ที่วางตลาดในสหรัฐฯ ต่อจาก GV60 ที่มีขนาดเล็กกว่า และรุ่น G80 รถซีดานขนาดกลาง โดย GV60 มีราคาต่ำกว่า 60,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.06 ล้านบาท) ส่วนรุ่น G80 ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 80,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.74 ล้านบาท) ทั้ง 2 รุ่นนำเข้าจากเกาหลีใต้ทั้งคัน จึงไม่ได้ค่าชดเชยภาษีคืนจากการซื้อรถไฟฟ้า
ตั้งแต่ปี 2568 ไป Genesis จะเข้าสู่แผนการผลิตรถไฟฟ้า จะผลิตรรถไฟฟ้าทุกรุ่นภายในปี 2573 และปรับเป็นกระบวนการผลิตเป็นแบบไร้คาร์บอนไดออกไซด์ในปี 2578

