Season 9
รีวิว All New Mitsubishi Triton รถกระบะหน้าเข้ม ที่ใหม่ทั้งคัน ! | พี่น้องลองรถ Season 9
"พี่น้องลองรถ" คลิพนี้ พบกับ All New Mitsubishi Triton รถกระบะหน้าเข้ม ที่ใหม่ทั้งคัน !
Mitsubishi Triton เจเนอเรชันที่ 6 พลิกโฉมทุกมิติ ตัวถังใหม่ ใหญ่ และแข็งแกร่งกว่าเดิม ด้านหน้า Dynamic Shield กระจังหน้า ซุ้มล้อ และกันชนหน้าใหญ่ขึ้น ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ดีไซจ์นโฉบเฉี่ยว กับไฟส่องสว่างแบบ 3 มิติ ขณะที่กระบะท้ายมีพื้นที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ตอบรับทุกการใช้งาน เสริมด้วยไฟท้ายรูปตัว T
คลิพนี้ "พี่น้องลองรถ" เลยจะขอนำมาทดสอบ และบอกเล่าให้ฟังว่ารถรุ่นนี้ดีหรือไม่อย่างไร
เปิดตัว All-New Mitsubishi Triton โฉมใหม่ เจเนอเรชันที่ 6 พแลทฟอร์มได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่โครงสร้างรถเมกะเฟรม แชสซีส์ รวมถึงเครื่องยนต์ใหม่ "ไฮเพอร์เพาเวอร์"
Mitsubishi Motors เปิดตัวรถกระบะเป็นครั้งแรกในปี 2521 โดยในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา ได้ผลิตรถกระบะมาแล้วกว่า 5.6 ล้านคัน ครอบคลุมทั้งหมด 5 เจเนอเรชัน วางจำหน่ายใน 150 ประเทศทั่วโลก จึงทำให้รถกระบะ Mitsubishi Triton นับเป็นรถยนต์รุ่นสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับโลกของบริษัทฯ โดย All-New Mitsubishi Triton จะเป็นรถกระบะเจเนอเรชันที่ 6 ของ Mitsubishi Motors ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งคันเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ปฏิวัติทุกอณู ! พลิกโฉมทุกมิติ ด้วยดีไซจ์นที่โดดเด่นทั้งภายนอก และภายใน ทั้งการพัฒนาเฟรม หรือโครงรถใหม่ แชสซีส์ใหม่ ช่วงล่างใหม่ และเครื่องยนต์ใหม่ ภายใต้แนวคิด “พลังแกร่งคู่ใจสายลุย” (Power for Adventure) All-New Mitsubishi Triton ตัวถังดีไซจ์นใหม่ ใหญ่ขึ้น และแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม พร้อมเฟรม หรือโครงรถที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ให้ความแข็งแกร่ง ทนทาน และอุ่นใจได้ในทุกเส้นทาง และเครื่องยนต์ใหม่ ! ให้ขุมพลังแรงเร็วเต็มสมรรถนะ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น แนวคิดการออกแบบ “Beast Mode” All-New Mitsubishi Triton ผสมผสานความปราดเปรียวเข้ากับการออกแบบที่แข็งแกร่งของ Mitsubishi Motors เพื่อสร้างสรรค์รูปลักษณ์อันโดดเด่นสะดุดตา พร้อมกับสะท้อนความบึกบึน และทรงพลังแบบฉบับ รถกระบะที่แท้จริง การออกแบบด้านหน้าตัวรถอันเป็นเอกลักษณ์ Dynamic Shield สะท้อนถึงสมรรถนะอันทรงพลัง เสริมความอุ่นใจในการปกป้องผู้โดยสาร และตัวรถ ให้ความมั่นใจสูงสุด ยกระดับให้ All-New Mitsubishi Triton เป็นรถกระบะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งที่ทรงพลัง จากการออกแบบกระจังหน้า และซุ้มล้อแบบ 3 มิติ พร้อมกันชนหน้าที่ออกแบบเพื่อเน้นย้ำรูปทรงสะท้อนถึงพลังที่อัดแน่น เสริมด้วยไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ดีไซจ์นโฉบเฉี่ยวดุจสายตาเหยี่ยว ผสานกับไฟส่องสว่างหน้าแบบ 3 มิติ ทำให้ All-New Mitsubishi Triton เป็นรถกระบะที่มีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวพร้อมสะกดทุกสายตา ขณะที่กระบะท้ายได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ตอบรับทุกการใช้งาน มั่นใจทุกการบรรทุกได้อย่างเต็มพิกัด ทุกอณูของการออกแบบได้สะท้อนความแข็งแกร่ง จากด้านหน้าจรดท้าย เสริมด้วยไฟท้ายรูปตัว T (T-shaped LED) ทั้ง 2 ฝั่ง แสดงถึงความกว้างขวาง พร้อมสะท้อนความหนักแน่นแข็งแกร่ง ทุกองค์ประกอบของตัวรถได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์การใช้งานอเนกประสงค์เหนือระดับ ด้วยรูปทรงห้องโดยสาร และสปอยเลอร์ท้ายที่เพิ่มความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ สะดวกสบายด้วยบันไดข้างกว้างขึ้น ซึ่งได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำให้ดียิ่งขึ้น
การออกแบบภายในห้องโดยสาร และแผงควบคุม ภายใต้แนวคิด Horizontal Axis ด้วยเส้นตรงแนวราบ และรูปทรงที่แข็งแกร่ง คำนึงถึงประสบการณ์ในการใช้งานด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด ภายในห้องโดยสารมีการออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิต และใช้วัสดุคุณภาพสูง พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่ม ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกถึงการปกป้อง เสริมความสะดวกสบายในการใช้งานหลากหลายรูปแบบ และตกแต่งด้วยโครเมียมในหลายส่วน เพื่อสร้างบรรยากาศที่ทันสมัย เติมเต็มความใส่ใจในทุกการออกแบบอย่างประณีต
นอกจากนี้ All-New Mitsubishi Triton ยังได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับจอแสดงผลที่มองเห็นได้ชัดเจน โดยชุดมาตรวัด และสวิทช์ควบคุมต่างๆ ได้รับการออกแบบให้มองเห็นได้อย่างโดดเด่น และควบคุมได้สะดวกง่ายดายแม้ในขณะที่สวมถุงมือหนา ทั้งพวงมาลัย ก้านจับ และมือจับเปิดประตู ล้วนได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด Mitsubishi Touch เน้นความสะดวกสบายในการหยิบจับกระชับมือ แผงคอนโซลกลางของรุ่นเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดา มีช่องวางแก้วน้ำที่รองรับแก้วขนาดใหญ่ 2 ใบ พร้อมกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติคขนาด 600 มม. ได้ถึง 4 ขวด และเพื่อตอบโจทย์การใช้งานแบบมืออาชีพ โดยในทุกพื้นที่ ทั้งกล่องเก็บของด้านหน้า ช่องวางสมาร์ทโฟน และช่องเก็บของขนาดเล็กอื่นๆ มีความกว้างขวางที่ใช้งานได้สะดวกง่ายดายแม้ในขณะที่สวมถุงมือ นอกจากนี้ แผงควบคุมด้านหน้า และคอนโซลกลางยังมีช่อง USB-A และ USB-C สำหรับการชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ และยังมีแท่นชาร์จไร้สายอยู่ที่ด้านล่างของแผงควบคุม ในส่วนกระบะตอนท้าย ได้รับการออกแบบให้ระยะความสูงของกระบะจากพื้นต่ำลงจากรุ่นก่อน 45 มม. อยู่ที่ 820 มม. พร้อมขยายพื้นที่ด้านบนของมุมกันชนหลังให้ใหญ่ขึ้น และเสริมความแข็งแรงด้วยเฟรม เพื่อให้วางเท้า และก้าวขึ้นกระบะได้อย่างสะดวกมากขึ้น เบาะนั่งคู่หน้าได้รับการออกแบบให้ช่วยหนุนแผ่นหลังส่วนล่าง ขณะที่พื้นที่ช่วงไหล่มีรูปทรงเปิดกว้างเพื่อความสบายในการขยับตัว ช่วยลดความเหนื่อยเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ ระยะของเบาะที่ตรงกับตำแหน่งสะโพกได้รับการขยับสูงขึ้น เพื่อช่วยปรับสรีระขณะขับขี่ให้อยู่ในท่าตรงโดยยังคงความคล่องตัวสะดวกสบายตามหลักสรีรศาสตร์ ทั้งพัฒนาเพิ่มทัศนวิสัยให้มองเห็นเส้นทางได้สะดวกจากภายในห้องโดยสาร นอกจากนี้ การเข้า และออกจากห้องโดยสารทำได้ง่ายขึ้น ด้วยการออกแบบเสาด้านหน้าใหม่ ที่เป็นแนวตรงมากขึ้น ช่วยให้เปิดประตูได้กว้างขึ้น และเพิ่มพื้นที่บันไดข้างให้ใหญ่ขึ้น ลดโอกาสลื่นไถล ใช้งานได้สะดวกกว่าเดิม
All-New Mitsubishi Triton มี Diamond Sense อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงสุด อาทิ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation system: FCM) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA) ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) ตลอดจนระบบอื่นๆ นอกจากนี้ MItsubishi Motors ได้ออกแบบ All-New Mitsubishi Triton ให้มาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่งมากมาย ไม่ว่าจะป้องกันพื้นผิวสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ จนถึงการตกแต่งในสไตล์รถส่วนตัว เช่น สปอร์ทบาร์ ชุดตกแต่งซุ้มล้อบังโคลน และคิ้วกันกระแทกประตู ตราสัญลักษณ์ที่กระจังหน้าเติมเต็มความสะดุดตา และพื้นปูกระบะ
ช่วงล่างใหม่ มอบการขับขี่ที่นุ่มนวล เกาะถนน ปลอดภัยยิ่งกว่าด้วยเสถียรภาพการทรงตัว และการควบคุมรถที่ดีเยี่ยม พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และระบบควบคุมการขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาให้เหนือชั้นมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์การขับขี่บนสภาพถนนทุกรูปแบบ
มีตัวถังให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ตัวถัง Double Cab มาพร้อมเบาะ 2 แถว มอบทั้งความสะดวกสบายแบบรถเอสยูวี และความอเนกประสงค์แบบรถกระบะ ตัวถัง Single Cab (ตอนเดียว) มีเบาะคู่หน้า และตัวถัง Mega Cab (ตอนครึ่ง) มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ช่วยให้ปรับเอนเบาะคู่หน้าได้สะดวกขึ้น Mega Frame โครงสร้างรถยนต์แบบขั้นบันไดที่พัฒนาขึ้นใหม่ มีคานขวางที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมถึงร้อยละ 65 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน เพิ่มความแข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งการต้านทานแรงดัด (Bending Rigidity) และเสริมความแข็งแกร่งเชิงบิด (Torsional Rigidity) โดยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากการใช้เหล็กกล้าทนแรงดึงสูง (High-tensile Steel) ในอัตราส่วนที่สูงขึ้น ไม่เพียงมอบสมรรถนะการขับขี่ และความสะดวกสบายมากกว่าเดิม All-New Mitsubishi Triton ยังมีความแข็งแรงสมบุกสมบันที่เหนือชั้น พร้อมรองรับการบรรทุกหนัก ทั้งยังช่วยรับ และกระจายแรงในกรณีที่เกิดการปะทะ ช่วยปกป้องให้ทุกการขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
เครื่องยนต์คลีนดีเซลไฮเพอร์เพาเวอร์ (Hyper Power Engine) ใหม่ ได้รับการพัฒนาให้มีพละกำลังที่ทรงพลัง และตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น ด้วยพละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า หรือ 135 กิโลวัตต์ ที่ 3,500 รตน. และแรงบิดสูงสุด 43.8 กก-ม. หรือ 430 นิวตันเมตร ที่ 2,250-2,500 รตน. พร้อมติดตั้งระบบเทอร์โบแปรผัน VG Turbo ที่ช่วยในการควบคุมแรงดันอากาศให้สัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์ การทำงานของเครื่องยนต์ให้เต็มสมมรรถนะ All-New Mitsubishi Triton มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมโหมดการขับขี่แบบ Sport และระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ (ระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบสวิทช์) ที่ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ เพิ่มความสะดวกสบาย All-New Mitsubishi Triton มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อันเป็นเอกลักษณ์ของ Mitsubishi Motors ทั้งระบบ Super Select 4WD-II สำหรับรุ่น Double Cab และระบบ Easy Select 4WD สำหรับรุ่น Single Cab ที่มีการตรวจจับแรงบิดด้วยระบบลิมิเทด สลิพที่เฟืองท้าย (Limited Slip Differential: LSD) ช่วยกระจายกำลังด้วยอัตราส่วนร้อยละ 40 ที่ล้อหน้า และร้อยละ 60 ที่ล้อหลัง สร้างความมั่นใจในสมรรถนะการยึดเกาะถนน และประสิทธิภาพในการเข้าโค้ง
ระบบ Super Select 4WD-II ใน All-New Mitsubishi Triton มีระบบการขับเคลื่อนให้เลือก 4 รูปแบบ ได้แก่ 2H (ขับเคลื่อนล้อหลัง) 4H (ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา) 4HLc (ระบบลอคเฟืองท้ายกลาง) และ 4LLc (ระบบลอคเฟืองท้ายกลางอัตราทดความเร็วต่ำ) พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ใหม่ 7 โหมด ครอบคลุมการขับขี่ทั้งแบบออนโรด และแบบออฟโรด โหมดการขับขี่ Normal (ทั่วไป) และแบบ Eco (ประหยัด) Gravel (ทางลูกรัง) Snow (ถนนลื่น พื้นปกคลุมด้วยหิมะ หรือขณะฝนตกหนัก) Mud (ลุยโคลน) Sand (พื้นทราย) Rock (พื้นหินตะปุ่มตะป่ำ)
ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะกับสถานการณ์ และสภาพถนนทุกรูปแบบ สำหรับระบบ Easy Select 4WD สามารถเลือกใช้ระบบขับเคลื่อน 2H (ขับเคลื่อนล้อหลัง) 4H (ระบบลอคเฟืองท้ายกลาง) และ 4L (สำหรับการขับขี่ด้วยอัตราทดความเร็วต่ำ) ตอบโจทย์การใช้งานในเส้นทางที่หลากหลาย ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ได้รับการติดตั้งพร้อมกับระบบ Super Select 4WD-II เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งด้วยการควบคุมการขับเคลื่อน และแรงดันเบรคที่ล้อด้านใน และนอกโค้งให้มีความสมดุลอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมาพร้อมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรี แอคทีฟลิมิเทด สลิพ (Brake Control Type) ซึ่งช่วยควบคุมแรงดันเบรคของล้อที่หมุนฟรี พร้อมส่ง และกระจายกำลังไปยังอีกล้อหนึ่ง จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ลื่น พร้อมกับมอบประสบการณ์ขับขี่ก้าวข้ามทุกอุปสรรค ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Active Stability Control: ASC) และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล (Traction Control Sytem: TCL) ที่ยกระดับความปลอดภัยการขับขี่อย่างเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ช่วยควบคุมการทรงตัวในการขับขี่บนทุกเส้นทางได้อย่างมั่นใจ อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist: HSA) ป้องกันรถถอยหลังขณะออกตัวบนทางลาดชัน
ช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ด้วยโครงสร้างปีกนก 2 ชั้นด้านหน้า ซึ่งมีความทนทานแข็งแกร่ง และยืดหยุ่น แท่นยึดคานบนของรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) และขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูง (2WD High Rider) ได้รับการปรับตำแหน่งยึดเกาะให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มช่วงชักอีก 20 มม. เพิ่มการยึดเกาะถนน และความนุ่มนวลในการขับขี่ ช่วงล่างด้านหลังมอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมความแข็งแกร่งโดยใช้แหนบแผ่นซ้อนที่ได้รับการพัฒนาให้มีน้ำหนักเบาขึ้นกว่าเดิม พร้อมด้วยชอคอับที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ถึงแม้ตัวถังของ All-New Mitsubishi Triton จะมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ยังมีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบ เพื่อให้ควบคุมได้อย่างคล่องตัว และเสริมทัศนวิสัยในการขับขี่ให้สะดวก และปลอดภัยขึ้นด้วยการออกแบบฝากระโปรงที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นสายขอบฝากระโปรง ความปลอดภัย และความสะดวกสบายนับเป็นส่วนสำคัญที่ได้รับการพัฒนา
ส่วนราคาจำหน่ายมีดังนี้ รุ่น Single Cab 2.4 Pro 4WD ราคาจำหน่ายที่ 699,000 บาท 2.4 Pro 4WD AT ราคาจำหน่ายที่ 749,000 บาท รุ่น Double Cab Plus 2.4 Pro ราคาจำหน่ายที่ 820,000 บาท Plus 2.4 Prime ราคาจำหน่ายที่ 893,000 บาท Plus 2.4 Prime AT ราคาจำหน่ายที่ 938,000 บาท Plus 2.4 Ultra ราคาจำหน่ายที่ 982,000 บาท Plus 2.4 Ultra AT ราคาจำหน่ายที่ 1,027,000 บาท รุ่น Double Cab 4WD 2.4 Prime 4WD ราคาจำหน่ายที่ 1,016,000 บาท