ธุรกิจ
Isuzu ก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
Isuzu ผู้นำด้านรถเพื่อการพาณิชย์ระดับโลกมากว่า 8 ทศวรรษ แถลง “นโยบายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในระดับโลก และระดับประเทศ” ผ่าน “โซลูชันส์อันหลากหลายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” (Multi-Pathways to Carbon Neutrality) ทั้งด้านผลิตภัณฑ์การพัฒนาพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ รวมถึงระบบการจัดการ และกิจ กรรมด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ ของ Isuzu โดยคำนึงถึงความต้องการที่แตกต่างกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้รถ ควบคู่ไปกับการส่งมอบความสุขที่ยั่งยืนในการเข้าสู่สังคมความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการรับมือกับโลกยานยนต์อนาคต
ทาคาชิ โอไดระ กรรมการผู้จัดการ และรองประธานบริหารรับผิดชอบด้านวิศวกรรม และกลยุทธ์ความเป็นกลางทางคาร์บอน บริษัท อีซูซุมอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า Isuzu ได้ประกาศเป้าหมายว่าจะ “สร้างเสริมการขับเคลื่อนอย่างสร้างสรรค์ของโลก” (Creating The Movement of The Earth) เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยตระหนักว่าอุตสาหกรรมยานยนต์โลกอยู่ในยุคการเปลี่ยนผ่านในรอบศตวรรษ รถเพื่อการพาณิชย์ก็ต้องเร่งพัฒนาด้วยเช่นกันเรากำลังเผชิญกับความท้าทายทางสังคมที่ต้องเอาชนะ และเพิ่มการขับเคลื่อนอย่างสร้างสรรค์สำ หรับผู้คน และสินค้าทั้งหมดในโลก อาทิ ความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องบรรลุเป้าหมายสังคมความเป็นกลางทางคาร์ บอน ความสูญเสียจากอุบัติเหตุจราจรเป็นศูนย์ การจัดการปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และการปรับปรุงประสิทธิ ภาพการผลิต
Isuzu มุ่งมั่นที่จะส่งมอบความมั่นใจ และความอุ่นใจให้แก่ลูกค้าของเรามาโดยตลอด ด้วยการนำเสนอรถยนต์ไฟ ฟ้าประเภทต่างๆ และรถเครื่องยนต์ดีเซลหลากชนิด ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง การให้บริการการบริหารจัดการระบบปฏิบัติการ และบริการหลังการขายต่างๆ ที่ถือเป็นคุณค่าผลิตภัณฑ์ ซึ่งเราได้นิยาม “คุณ ค่าผลิตภัณฑ์” ไว้ 3 ประการดังนี้
1. ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Environmental Friendliness) ผลิตภัณฑ์ Isuzu ต้องสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราได้นำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องยนต์สันดาปภาย ในที่มีประสิทธิภาพสูงให้แก่ลูกค้าทั่วโลกของเราเสมอมา ต่อจากนี้ไปเราจะต่อยอดผลิตภัณฑ์ผ่านการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมด้านพลังงานไฟฟ้าเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
2. ความเป็นมิตรกับผู้ใช้รถ (User Friendliness) คุณค่าของ "การตระหนักถึงสังคมที่สามารถขนส่งผู้คน และสิน ค้าได้อย่างปลอดภัย มั่นคง และมีประสิทธิภาพ" เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับรถเพื่อการพาณิชย์ เราได้นำเสนอบริ การต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย มั่นคง และคุ้มค่าสมเหตุสมผลให้แก่ลูกค้ามาโดยตลอด และเราจะยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย และเป็นมิตรกับผู้ใช้รถยิ่งขึ้นต่อไป ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ และกิจ กรรมที่สร้างสรรค์ร่วมกับลูกค้า
3. ความน่าเชื่อถือ และความต่อเนื่องในการดำเนินงาน (Reliable and Continuous Operation) เราได้นำเสนอรถเพื่อการพาณิชย์ที่แข็งแกร่งทนทาน และเชื่อถือได้ รวมทั้งเครือข่ายบริการหลังการขายเพื่อสนับสนุนการดำ เนินงานของลูกค้าตลอดมา ต่อจากนี้ไปเราจะยังสนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคงทางเศรษฐกิจของทุกภาคส่วน ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สามารถจะทำให้การดำเนินงานของลูกค้าเป็นไปอย่างต่อเนื่องเพื่อสังคมโดยรวม
นอกจากนี้ Isuzu กำลังเดินหน้าด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และโซลูชันแบบครบวงจร เพื่อนำเสนอ “โซลูชันอันหลากหลายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” (Multi-Pathways to Carbon Neutrality) เพื่อให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะด้านที่แตกต่างกันของลูกค้าทั่วโลก ขณะนี้ “แผนงานด้านสิ่งแวดล้อมปี 2573” ของเราซึ่งมีเป้าหมายที่จะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าประเภทต่างๆ ทั้งรถบรรทุกขนาดกลาง และขนาดใหญ่ รถพิคอัพ และรถบัสโดย สาร ภายในปี 2573 กำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น
สำหรับประเทศไทย เราวางแผนที่จะผลิตรถพิคอัพไฟฟ้าเพื่อส่งออกซึ่งจะเริ่มจากประเทศในโซนยุโรปในปี 2568 และจะทยอยเปิดตัวในประเทศอื่นๆ ตามกฎระเบียบ และความคืบหน้าด้านความเป็นกลางทางคาร์บอนของแต่ละประเทศ
Isuzu จะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 1 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 240,000 ล้านบาท ในด้านการวิจัย และพัฒนาภายในปีงบประมาณ 2573 เพื่อดำเนินการเรื่องการปฏิรูปทางดิจิทอลเกี่ยวกับความเป็นการทางคาร์บอน และลอจิสติคส์ (CN and logistics DX) อีกทั้งการสร้างศูนย์พัฒนา และทดสอบยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้ชื่อ "The Earth Lab" ภายในปี 2569
เรามั่นใจว่าการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจปัจจุบัน และการลงทุนเชิงรุกในครั้งนี้จะรักษาความเป็นผู้นำตลาดไว้ได้อย่างมั่นคงในระยะสั้น-ระยะกลาง และจะเป็นการเสริมสร้างรากฐานสำหรับการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาวของเรา Isuzu จะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของโลกโดย “สร้างเสริมการขับเคลื่อนอย่างสร้างสรรค์ของโลก” ด้วยจุดแข็งของเรา และก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน
สำหรับนโยบายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของ Isuzu ในประเทศไทย ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ชี้แจงว่า ปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่สำคัญของโลก มีการผลิตรถ ยนต์/ปีมากถึง 1.8-1.9 ล้านคัน สูงที่สุดในอาเซียน และเป็นอันดับ 10 ของโลก ซึ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ และการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเป็นรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engines : ICE) เกือบทั้งหมด ในปี 2566 มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 9.73 แสนล้านบาท ซึ่งรถพิค อัพ และอนุพันธ์ในฐานะ “Products Champion” เป็นรถที่ส่งออกมากที่สุดถึง 786,383 คัน คิดเป็น 70 % จากรถทุกประเภท
นับจากนี้ Isuzu ในฐานะผู้นำรถเพื่อการพาณิชย์ของประเทศไทยพร้อมเดินหน้าสนับสนุนนโยบายรัฐบาลไทยในการมุ่งสู่สังคมที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality Society) ในปี 2593 และการปล่อยแกสเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608 ตลอดจนสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาคอาเซียน ด้วยแนวคิด “โซลูชันส์อันหลากหลายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” (Multi-Pathways to Carbon Neutrality)
การนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ซับซ้อน และแตกต่างจากรถยนต์นั่ง ซึ่งเราต้องพิจารณาถึงการใช้งานเชิงพาณิชย์ และส่วนตัว เราจึงพัฒนารถที่มี “โซลูชันส์อันหลากหลายสู่ความเป็น กลางทางคาร์บอน” (Multi-Pathways to Carbon Neutrality) ไม่ใช่เพียงแต่รถไฟฟ้าแบทเตอรี (BEV) หรือรถ ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (FCEV) เท่านั้น แต่หมายรวมถึงพลังงานอื่นๆ เช่น การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral Fuel) กับเครื่องยนต์สันดาปภายใน อาทิ น้ำมันไบโอดีเซลเจเนอเรชันใหม่จากพืชใช้แล้ว (HVO-Hydrotreated Vegetable Oil) และน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ (E-Fuel) เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้รถ Isuzu ด้วย ซึ่งในงานนี้เราได้นำรถมาจัดแสดงถึง 4 รุ่น คือ
รถพิคอัพไฟฟ้าต้นแบบ “Isuzu D-Max” (Isuzu D-Max EV Concept) ซึ่งเป็นรถพิคอัพ 4 ประตู ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full Time โดยใช้พแลทฟอร์มเดียวกันกับรถพิคอัพเครื่องยนต์ดีเซล ชุดมอเตอร์คู่ และเฟืองท้ายภายใต้ “E-Axle” ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ทำงานร่วมกันทั้งด้านหน้า/หลัง ผสานกับช่วงล่างด้านหลังใหม่หมดแบบ De-Dion มั่นใจบนทุกสภาพถนน เหมาะสมกับการใช้งานของรถพิคอัพ สร้างดุลยภาพในการขับขี่ทั้งความนุ่มนวล และความสามารถในการบรรทุกอันยอดเยี่ยม จุดเด่น คือ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัวแรงบิดรวมกัน 325 นิวตัน เมตร มอเตอร์ไฟฟ้าคู่กำลังสูง การออกแบบโครง และตัวถังที่แข็งแกร่งช่วยเพิ่มความสามารถในการลากจูงได้ มีแผนจะเริ่มผลิตเพื่อส่งออกอย่างเป็นทางการจากฐานการผลิตประเทศไทยในปี 2568 เนื่องจากวิธีการใช้งานของลูกค้าแตกต่างกันรถพิคอัพไฟฟ้าต้นแบบ “Isuzu D-Max” จึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับลูกค้าผู้ใช้รถ จะเปิดตัวในประเทศภาคพื้นทวีปยุโรปบางประเทศ เช่น นอร์เวย์ ในปี 2568 จากนั้นมีกำหนดการจะเปิดตัวในสหราชอาณา จักร ออสเตรเลีย ไทย ตลอดจนประเทศหรือภูมิภาคอื่นๆ เป็นลำดับถัดไปขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด และความพร้อมของสาธารณูปโภคด้านสถานีชาร์จรถไฟฟ้า
รถพิคอัพ “Isuzu D-Max Hi-Lander MHEV” 4 ประตู ซึ่งเป็นระบบการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก โดยการติดตั้งแบทเตอรี 48 โวลท์ ทำหน้าที่เสริมกำลังขับเคลื่อนให้แก่เครื่องยนต์ 1.9 DDI Blue Power เพื่อลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ในช่วงออกตัว รวมถึงช่วยลดการสั่นสะ เทือนในจังหวะสตาร์ทเครื่องยนต์ และช่วยลด CO2 ซึ่ง “Isuzu D-Max Hi-Lander MHEV” คันนี้เป็นรถทดลองประกอบเพื่อเป็นหนึ่งในทางเลือกให้แก่ลูกค้าในการลด CO2 โดยรถประเภทนี้อาจจะเหมาะกับความต้องการของลูกค้าบางกลุ่ม ซึ่งเราอยู่ในระหว่างการสำรวจตลาดก่อนกำหนดแผนการจำหน่ายต่อไป
รถบรรทุกไฟฟ้า “Isuzu Elf EV" พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “Isuzu Modular Architecture and Component Standard : I-MACS” สำหรับรถบรรทุกขนาดกลาง และขนาดใหญ่ในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมการออกแบบ “Center Drive System EV” ซึ่งเป็นการออกแบบรถบรรทุกไฟฟ้าโดยเฉพาะ เนื่องจากต้องคำนึงถึงความสมดุลของการกระจายน้ำหนักรถ ระยะช่วงล้อหลัง และรัศมีวงเลี้ยวที่เหมาะสม เหมาะกับการใช้งานบรรทุกเบา วิ่งระยะสั้น อาศัยความคล่องตัว โดยใช้พแลทฟอร์มเดียวกันกับรถบรรทุกเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งได้เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อมีนาคม 2566 ในขณะเดียวกันเรากำลังพัฒนาเทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบทเตอรี (Battery Swapping System) ในระยะเวลาอันสั้นเพื่อลดระยะเวลาในการจอดเพื่อชาร์จแบทเตอรี อีกทั้งยังสามารถเลือกแบทเตอรีได้ตั้งแต่จำนวน 2-5 ก้อน เพื่อให้เหมาะกับระยะทางการขนส่ง
รถบรรทุกไฟฟ้าขนาดกลางเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (Isuzu Elf FCEV) การพัฒนาร่วมกันระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจ ภายใต้โครงการ Commercial Japan Partnership Technologies Corporation (CJPT) เหมาะกับการใช้งานบรรทุกหนัก สามารถเติมเชื้อเพลิงได้รวดเร็ว และไม่ก่อให้เกิดมลพิษ เป็นการเพิ่มตัวเลือกรถบรรทุกในตลาด ตอบรับกับความต้องการก้าวสู่ยุคความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยในญี่ปุ่นได้มีการวิ่งทดสอบตามการใช้งานจริงตามเมือง และประเภทการใช้งานต่างๆ จำนวน 90 คัน เมื่อเดือนมกราคม 2566 ที่โตเกียวฟุกุชิมะ และฟุกุโอกะ ส่วนประเทศไทยได้มีการวิ่งทดสอบแล้วจำนวน 4 คัน เมื่อเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2566
กิจกรรมเพื่อสนับสนุนสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
การลงนามในบันทึกข้อตกลงการเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ากับกรมสรรพสามิตเพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถไฟฟ้า Isuzu เพื่อจำหน่ายในประเทศ และเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกเหมือนเช่นที่ผ่านมา
การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาโครงการทดสอบรถยนต์กับพลังงานสะอาดเพื่อมุ่งสู่ความเป็น กลางทางคาร์บอน ระหว่าง ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) กับ ปตท. เพื่อทดสอบรถบรรทุกไฟฟ้า Isuzu วิ่งใช้งานจริง โดยใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100 % ผ่านระบบบริหารจัดการพลังงาน ระบบชาร์จ และ EV อีโคซิสเตมของ ปตท. และโครงการลดคาร์บอนฟุทพรินท์สำหรับรถยนต์ดีเซล โดยการทด สอบใช้ HVO น้ำมันไบโอดีเซลเจเนอเรชันใหม่จากพืชใช้แล้ว รวมทั้งร่วมกับ มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศญี่ ปุ่น) ศึกษาวิจัยน้ำมัน E-Fuel ซึ่งเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ช่วยลดการปล่อยแกส CO2 และสามารถใช้งานในเครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยจะเริ่มวิ่งทดสอบการใช้น้ำมัน HVO ภายใต้สภาพการใช้งานจริงร่วมกับบริษัทชั้นนำของประเทศไทยตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป ซึ่ง Isuzu เชื่อว่าโครงการนี้จะทำให้ประเทศ ไทยเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนได้โดยสร้างผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน รวมถึงเครือข่ายการคมนาคมไทยน้อยที่สุด
นอกจากการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดเพื่อมอบทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวด ล้อมแล้ว Isuzu ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจกรรมการตลาด และการส่งเสริมการขาย ภายใต้แนวคิด “Isuzu Life Cycle Solutions” ที่ให้การสนับสนุนผู้ใช้รถ Isuzu ด้วยการนำเสนอโซลูชันส์ทั้งในด้านเทคโนโลยีและการจัดอบรมเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้งานอย่างคุ้มค่า ประหยัดพลังงาน และลดต้นทุนโดยรวม พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดตลอดอายุการใช้งาน
การสร้างจิตสำนึกด้านการประหยัดพลังงานในกลุ่ม Isuzu ด้วยการปรับปรุงสำนักงานเป็นอาคารประหยัดพลังงาน ติดตั้งแผงพลังงานโซลาร์เซลล์ที่โรงงานผลิต และขยายการติดตั้งในโชว์รูมทั่วประเทศ ช่วยลดการปล่อยแกส CO2 ไปแล้วกว่า 1,000 ตัน และลดอัตราการใช้ไฟฟ้าได้กว่า 50 % และอีกหลากหลายโครงการปลูกจิตสำนึกพนักงานในองค์กร เช่นโครงการแยกขยะ และโครงการปลูกป่า เป็นต้น
การยกระดับโครงการ “อีซูซุให้น้ำ...เพื่อชีวิต” ที่กลุ่มอีซูซุร่วมมือกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาลกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 11 ปี โดยการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาปรับใช้ในโครงการ
ตลอดระยะเวลา 67 ปี ของการดำเนินธุรกิจ Isuzu ในประเทศไทย Isuzu ได้อยู่เคียงคู่กับสังคมไทยในฐานะนิติ บุคคลที่ดีเสมอมาภายใต้ปรัชญาการดำเนินธุรกิจ “วิถีอีซูซุ” (Isuzu Spirit)--ผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ ช่วยให้สัง คมพัฒนา” ผ่านนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ และเราขอให้คำมั่นว่า เราจะยังคงยืนหยัดร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยในการผลักดันให้ประเทศไทยเดินหน้ามุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนตามที่ได้ตั้งไว้