ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
Neta เผยไตรมาสแรกโต 12.1 %
Neta แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน เผยยอดจดทะเบียนในไทยไตรมาสแรกของปี 2567 เติบโตขึ้น 12.1 % สะท้อนถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ในขณะที่ยอดจองในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมาสูงถึง 1,618 คัน เตรียมแนะนำ Neta X รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์เอสยูวี ไตรมาส 2 ปีนี้ ประกาศเดินหน้าแผนงานระดับสากลอย่างต่อเนื่อง เผยรัฐบาลฮ่องกงเล็งเห็นศักยภาพของ Neta สนับสนุนเงินทุนมูลค่า 200 ล้านเหรียญฮ่องกง
ชู กังจื้อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ Neta ในประ เทศไทยในไตรมาสแรกที่ผ่านมาว่า Neta มียอดจดทะเบียนกว่า 2,800 คัน เติบโตขึ้น 12.1 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมาซึ่งมียอดจดทะเบียนกว่า 2,500 คัน และสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มรถ ยนต์พลังงานไฟฟ้า 13 % ในขณะที่ยอดจองรถในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา Neta มียอดจองรวม 1,618 คัน
ยอดจดทะเบียน Neta V โดยกลุ่มสถิติการขนส่ง กองแผนงาน กรมการขนส่งทางบก
ช่วงเวลา |
จำนวนคัน |
อัตราการเติบโต (YOY) |
มกราคม-มีนาคม 2566 |
2,502 |
- |
มกราคม-มีนาคม 2567 |
2,805 |
+12.11 % |
“Neta ขอขอบคุณลูกค้าคนไทยที่ไว้วางใจในแบรนด์ Neta และสนับสนุนให้เราเติบโตอย่างมั่นคงในตลาดเมืองไทย ทั้งนี้บริษัทฯ จะเร่งดำเนินการส่งมอบ Neta V-II ให้แก่ลูกค้าโดยเร็วที่สุด และกำลังอยู่ในช่วงของการ เตรียมเปิดตัว Neta X สู่ตลาดประเทศไทยด้วยราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ของปีนี้ สำหรับ Neta X เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % สไตล์คอมแพคท์เอสยูวี โดดเด่นด้วยดีไซจ์น มาพร้อมพื้นที่ภายในห้องโดย สารกว้างขวาง ตอบสนองไลฟ์สไตล์ความบันเทิงของคนรุ่นใหม่ และฟังค์ชันการใช้งานด้วยระบบปฏิบัติการอัจฉ ริยะ ให้ระยะทางในการขับขี่ที่ไกลถึง 500 กม. สำหรับผู้ที่สนใจสามารถจองได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
ชู กังจื้อ กล่าวเสริมถึงความมั่นคงของการดำเนินงานของ Neta ในระดับสากลว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง Neta กับรัฐบาลฮ่องกง ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวรัฐบาลฮ่องกงจะมอบเงินสนับสนุนกว่า 200 ล้านเหรียญฮ่องกงให้แก่ Neta และเงินลงทุนกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในฐานะผู้ลงทุนหลัก ซึ่งนับเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับภาครัฐบาล โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ในภูมิภาคนี้ ยิ่งไปกว่านั้น Neta ยังจะได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มเติมจากนครหนานหนิงเพื่อขยายศักยภาพการดำเนินธุรกิจของแบรนด์ Neta สู่ตลาดภายนอกประเทศจีนมากขึ้น”
สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทยในปี 2567 Neta จะดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ “All in Thailand, All for Thailand” ที่มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย ซึ่งประกอบด้วย 5 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การเริ่มต้นการผลิตภายในประเทศร่วมกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ การยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่ทรงพลัง และติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูง การเพิ่มสัดส่วนของสมาชิกทีมที่เป็นคนไทยมากกว่า 85 % การพัฒ นาเครือข่ายผู้จำหน่ายที่มีศักยภาพสูงให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมไปถึงการสร้างแบรนด์ที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นสำ คัญ
Mercedes-Benz แนะนำ 5 ผู้ให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)ฯ ประกาศรายชื่อผู้ให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charge Point Operators) ที่รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรงแบบ DC Charge เพื่อเป็นข้อมูลให้แก่ลูกค้าที่ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % และรถยนต์พลัก-อิน ไฮบริดของ Mercedes-Benz โดยแนะนำผู้ให้บริการอิสระจำนวน 5 บริษัท ซึ่งมีเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าครอบคลุมกว่า 1,550 แห่ง และมีจุดชาร์จที่มีหัวชาร์จประเภท DC CCS2 รวมมากกว่า 2,500 หัวจ่าย ทั่วประเทศ* ดังมีรายนามต่อไปนี้
*อ้างอิงข้อมูลจากสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย หรือ Electric Vehicle Association Of Thailand (EVAT)
รายชื่อผู้ให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่แนะนำสำหรับลูกค้า Mercedes-Benz
EA Anywhere
PEA Volta
Reversharger
EVolt Thailand
EleX by EGAT
สำหรับการชาร์จไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) นอกจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % จากแบรนด์ Mercedes-Benz ในรุ่น EQB 250, EQE 350 SUV, EQE 53, EQS 450+ และ EQS 500 รถยนต์พลัก-อิน ไฮบริดในรุ่น C 350 E (W206), E 350 E (W214), S 580 E (V223), Maybach S 580 E (W223), GLC 350 E (X254), GLC 350 E Coupe (C254) และ GLE 350 DE (V167) ยังสามารถรองรับการชาร์จในรูปแบบนี้ได้ด้วยเช่นกัน โดยถือเป็นความตั้งใจในการพัฒนาแบทเตอรีแรงดันสูงของแบรนด์ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การขับขี่และความสะดวกของผู้ที่ใช้งานรถยนต์พลังงานทางเลือกจาก Mercedes-Benz ทั้งนี้ ลูกค้าทุกคนที่ใช้รถยนต์พลัก-อิน ไฮบริดในรุ่นที่กำหนดจะได้รับสิทธิเพิ่มเติมสำหรับการรับประกันแบทเตอรีแรงดันสูงนานสูงสุดถึง 10 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง
Royal Enfield เปิดโชว์รูมเพิ่ม 2 แห่ง
Royal Enfield มุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์การขับขี่ให้แก่บรรดาสาวกรถมอเตอร์ไซค์ทั่วทุกมุมโลก และสำหรับ Royal Enfield ประเทศไทย ได้ตอกย้ำความแข็งแกร่ง โดยเปิดตัวอีก 2 สาขาใหม่ในประเทศไทย ณ จังหวัดสระ บุรี และเชียงราย
อนุจ ดัว หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ Royal Enfield ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (Head of Business, Royal Enfield-APAC) กล่าวว่า Royal Enfield นับเป็นสัญลักษณ์ความคลาสสิค และได้ส่งต่อความภาคภูมิใจในวงการรถจักรยานยนต์มายาวนานกว่า 123 ปี ขยายฐานการให้บริการในประเทศไทยด้วยการเปิดตัวสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง สาขาเหล่านี้ไม่เพียงแค่เป็นพื้นที่จำหน่ายรถจักรยานยนต์เท่านั้น แต่ยังนับเป็นสถานที่จุดประกายให้คนรักรถได้สัมผัสเสน่ห์เฉพาะตัวของ Royal Enfield อีกด้วย
2 สาขาใหม่ที่เปิด คือ Royal Enfield สระบุรี ตั้งอยู่เลขที่ 591/18 ถนนพหลโยธิน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี 18000 เสริมเครือข่ายในภาคกลาง ส่วน Royal Enfield เชียงราย ตั้งอยู่เลขที่ 307/2 ถนนพหลโยธิน ตำ บลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย 57100 เป็นอีกหนึ่งตัวแทนของโซนภาคเหนือ สามารถตอบสนองความต้องการการเข้าถึงแบรนด์ได้เพิ่มขึ้นสำหรับลูกค้าทั้ง 2 พื้นที่
การเปิดสาขาใหม่ในครั้งนี้ ถือเป็นการสานต่อความมุ่งมั่นอันยาวนานของ Royal Enfield ในการมอบประสบ การณ์การขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์แบบ Royal Enfield ให้แก่ลูกค้าชาวไทยทั่วประเทศ ผู้ที่สนใจสามารถขอทด ลองรถจักรยานยนต์รุ่นต่างๆ รวมถึงเลือกซื้อแฟชัน เครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์เสริมได้ไม่จำกัด ทุกชิ้นได้รับการคัดสรรมาเป็นพิเศษ เพื่อสะท้อนจิตวิญญาณของการขับขี่ หรือ "Pure Motorcycling" อย่างแท้จริง
"Royal Enfield มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลางระดับโลก ซึ่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคนี้ ถือเป็นตลาดที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้การเติบโตของเราขยายเข้าสู่กลุ่มลูกค้า และผู้ที่รักในแบรนด์ของเราได้ชัดเจนมากขึ้น นี่ถือเป็นความตั้งใจ และเป็นพันธกิจสูงสุดของเรา โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพสูงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้รถ Royal Enfield เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เราสัม ผัสได้ถึงความหลงใหลในจิตวิญญาณ "Pure Motorcycling" ของพวกคุณ"
"ด้วยจำนวนเจ้าของรถ Royal Enfield กว่า 20,000 คน และชุมชนผู้ใช้งานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เราตื่นเต้นที่จะประกาศการเปิดสาขาใหม่ทุกครั้ง ณ สาขาเหล่านี้ คนรักรถมอเตอร์ไซค์จะได้ดื่มด่ำกับประสบการณ์ และสัมผัสกับผลิตภัณฑ์หลากหลายรุ่นของ Royal Enfield ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบโจทย์ทุกรสนิยมของสาวกรถมอเตอร์ไซค์ในระดับราคาที่เข้าถึงได้"
การเปิดตัว 2 สาขาในครั้งนี้ Royal Enfield ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ที่โดดเด่น และไม่เหมือนใคร พร้อมส่งเสริมการเติบโตของชุมชนสาวกรถมอเตอร์ไซค์ทั่วประเทศไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
Tyreplus เปิดตัวแคมเปญใหม่
Tyreplus ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร เปิดตัวแบรนด์แคมเปญ "มาทีไรก็ทัชใจ…ที่ไทร์พลัส" ที่ได้ "มาริโอ้ เมาเร่อ" พรีเซนเตอร์ที่เดินทางกับ Tyreplus ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 มาร่วมถ่ายทอดตัวตนที่ชัดเจนของ Tyreplus ในการตั้งใจมอบสินค้า และบริการที่ รู้จริง รู้ใจ และทัชใจลูกค้าทุกครั้งที่เข้ารับบริการที่ Tyreplus ตอกย้ำการเป็นศูนย์บริการรถยนต์ และยางรถยนต์มืออาชีพที่มีเครือข่ายทั่วประเทศกว่า 160 สาขา และทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมดูแลลูกค้าตลอดทุกเส้นทาง
แคมเปญโฆษณา "มาทีไรก็ทัชใจ…ที่ไทร์พลัส" ชวน "มาริโอ้ เมาเร่อ" เล่าถึงบริการแสนอบอุ่นที่ลูกค้าทุกคนจะได้รับเมื่อมาเยือน Tyreplus โดยนำเสนอผ่านทุกช่องทางการสื่อสารแบบ 360 องศาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งภาพยนตร์โฆษณาทางสื่อสังคมออนไลน์ ตลอดจนสื่อสิ่งพิมพ์โฆษณา และสื่อส่งเสริมการขายที่ Tyreplus ทุกสาขา ที่เริ่มออกสู่สายตาคนทั่วประเทศไปตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยสื่อทุกประเภทต่างถ่ายทอดบริการที่เข้าใจ และใส่ใจทุกความต้องการ จนลูกค้ารู้สึก "ทัชทั้งใจที่ไทร์พลัส"
แคมเปญใหม่ในปี 2567 ของ Tyreplus เดินหน้าตอกย้ำ 3 จุดแข็งที่ชัดเจนของ Tyreplus ที่เรียกว่า Tyreplus Spirit ได้แก่ ความทุ่มเท ความเชี่ยวชาญ และความเข้าใจลูกค้า 3 จุดแข็งนี้สะท้อนถึงการบ่มเพาะประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจศูนย์บริการรถยนต์มาอย่างยาวนานของ Tyreplus จึงมีความเข้าใจรู้ลึก รู้จริง เอาใจใส่ในการแก้ปัญหาด้วยความจริงใจ สร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง มากกว่าความพึงพอใจ และความประทับใจ แต่เป็นความรู้สึก “ทัชใจ" ทุกครั้งที่ใช้บริการ ทำให้ลูกค้าไว้วางใจให้ Tyreplus ดูแลทุกเรื่องรถยนต์ และยางรถยนต์เสมอมา
นอกจากนี้ Tyreplus ยังเตรียมกิจกรรมสนุกๆ พร้อมของรางวัลสุดทัชใจ แทนคำขอบคุณลูกค้ากับฟิลเตอร์ IG และ Facebook Story ให้ลูกค้าฟินกับการร่วมเฟรมกับ มาริโอ้ เมาเร่อ ร่วมสนุกง่ายๆ เพียงอัพโหลดสตอรีคู่กับฟิลเตอร์มาริโอ้ และบอกเล่าโมเมนท์สุดทัชใจที่ Tyreplus ก็ลุ้นรับหมอนอิงสุดทัชใจทั้งหมด 10 รางวัล (มูลค่า 790 บาท) ดูกติกา และเงื่อนไขการร่วมสนุกทั้งหมดได้ทางเพจเฟศบุค
อีอีซี-กฟผ. ร่วมลงนามพัฒนาต้นแบบสถานีอัดประจุไฟฟ้า
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรืออีอีซี-กฟผ. ร่วมลงนาม MOU โครงการพัฒนาต้นแบบสถานีอัดประจุไฟฟ้า พร้อมพื้นที่ให้บริการเต็มรูปแบบครบวงจร ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เสริมระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยให้แข็งแกร่ง
สราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายยานยนต์แห่งชาติ ได้กำหนดเป้าหมายให้มีการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ไทยเป็นแหล่งผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก จำเป็นต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับ และส่งเสริมระบบนิเวศที่สำคัญ เช่น สถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ครอบคลุม และสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างเพียงพอ ความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่บางส่วนของสำนักงานกรมธุรกิจพลังงานในพื้นที่อีอีซี ให้เป็นต้นแบบสถานีอัดประจุไฟฟ้า ที่นอกจากรองรับการใช้งานของประชาชนแล้ว ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ของกระทรวงพลังงาน เยาวชน และประชาชนทั่วไปอีกด้วย
จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในครั้งนี้ ว่าเป็นก้าวสำคัญที่ส่งเสริมมาตรฐาน และยกระดับการพัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้าในพื้นที่อีอีซี ผลักดันให้เกิดการลงทุนด้านยานยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งด้านพลังงานสะอาด ระบบอีเลคทรอนิคส์อัจฉริยะ โดยเฉพาะเป็นการพัฒนาในพื้นที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) ที่มีเป้าหมายเป็นศูนย์กลางการพัฒนาธุรกิจดิจิทอล มีศักยภาพรองรับการลงทุนด้านวิจัย และพัฒนา เปรียบเสมือน Showroom ด้านนวัตกรรมของไทย และยังเป็นประตูในการขยายผลไปยังเขตส่งเสริมพิเศษต่างๆ การเดินหน้าร่วมกันในครั้งนี้ถือเป็นหมุดหมายอันดีต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการใช้พลังงานสะอาด สร้างการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพื่อความยั่งยืนในพื้นที่อีอีซีต่อไป
ด้าน เทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. ให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EleX by EGAT) และสถานีพันธมิตรในเครือข่าย EleXA มาตั้งแต่ปี 2564 ภายใต้ธุรกิจ EGAT EV Business Solutions เพื่อสร้างความมั่นใจให้ภาคธุรกิจ และผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วเกือบ 200 สถานีทั่วประเทศ ได้รับความเชื่อถือในประสิทธิภาพ และความมีเสถียรภาพสูง ส่งผลให้มีผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้นทุกปี การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญของ EleX by EGAT ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้แก่ประเทศ ผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรในการพัฒนาต้นแบบสถานีอัดประจุไฟฟ้าพร้อมพื้นที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (EleX by EGAT Eco Charging Sphere) ซึ่งถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของการพัฒนาประเทศไทยในอนาคต
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้ง 3 หน่วยงานจะร่วมกันพัฒนาต้นแบบสถานีอัดประจุไฟฟ้าพร้อมพื้นที่ให้บริการเต็มรูปแบบบนพื้นที่ EECd ขนาด 5 ไร่ ที่ อ. ศรีราชา จ. ชลบุรี เพื่อเป็นต้นแบบสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบชาร์จเร็ว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ร้านอาหารร้านกาแฟ พื้นที่พักผ่อน อาคารในพื้นที่จะใช้พลังงานสะอาดจากโซลาร์รูฟทอพ และเป็นอาคารอนุรักษ์พลังงาน ตามมาตรฐาน TREES (Thai’s Rating of Energy and Environmental Sustainability) หรือ LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ภายใต้แนวคิด Green Energy เพื่อเป็นการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก รองรับความต้องการของประชาชนผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าทั้งในพื้นที่ และการสัญจรมายังภาคตะวันออก คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2568 และจะมีการเก็บข้อมูล ข้อคิดเห็นของผู้ที่เข้ามาใช้บริการ ความต้องการในด้านต่างๆ เพื่อที่ทั้ง 3 หน่วยงานจะนำมาปรับปรุง และพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนต่อไปในอนาคต
ประกันภัยไทยวิวัฒน์ เปิดตัวมาสคอทใหม่
บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านบริการประกันภัยแนวหน้าของประเทศไทย เปิดตัว “ไทวี่” (Thaivy) แมสคอทน้องใหม่ พร้อมพลิกโฉมแบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น ด้วยคาแรคเตอร์น่ารัก สดใส เป็นมิตร ฉลาดรอบรู้ด้านเทคโนโลยี ที่มาพร้อมกับความแข็งแกร่ง พร้อมที่จะปกป้องดูแลทุกคนตลอดเวลา
เทพพันธ์ อัศวะธนกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้เป็นหลักประกันที่มั่นคงสำหรับคนไทยมายาวนานกว่า 73 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ “คิดเผื่อ เพื่อทุกชีวิต” เรายังยึดหลักในการพัฒนาให้บริษัทมีความทันสมัยอยู่เสมอ ซึ่งปัจจุบันพยายามสร้างนวัตกรรมด้านการประกันภัย และก้าวสู่ความเป็นหนึ่งในด้านความคุ้มค่า และสร้างความอบอุ่นใจด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการให้บริการกับลูกค้า รวมถึงออกผลิตภัณฑ์ด้านการประกันภัยที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ผู้ใช้บริการ และให้คนไทยเข้าถึงการประกันภัยได้มากขึ้น
ในปี 2567 นี้ ประกันภัยไทยวิวัฒน์ฯ มีแนวคิดที่จะพลิกโฉมภาพลักษณ์ของบริษัทให้ดูทันสมัยเป็นโซเชียลไลฟ์สไตล์เพื่อให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ และก้าวเดินไปพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำในปัจจุบันเราจึงเปิดตัว "ไทวี่" ให้เป็นตัวแทนของ ประกันภัยไทยวิวัฒน์ฯ ซึ่งคาแรคเตอร์ของ ไทวี่ แมสคอทโรบอทสีเขียว สื่อถึงความฟเรนด์ลี เข้าถึงคนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ น่ารักสดใส มีความสมาร์ท ฉลาดด้านการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน ชอบที่จะท่องเที่ยวไปทั่วโลก เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ ที่สำคัญ ยังใส่ใจห่วงใยในเรื่องของสุขภาพ พร้อมดูแล และเป็นเพื่อนกับทุกคน
โดยแมสคอทไทวี่จะถูกนำไปใช้ในพแลทฟอร์มต่างๆ ของบริษัทฯ และยังมาพร้อมกับโปรโมชันพิเศษ ภายใต้คอนเซพท์ “ประกันภัยที่คนใช้ และบอกต่อ” ด้วยแคมเปญ “คิดเผื่อเพื่อเพื่อน ชวนเพื่อนใช้ ได้ทั้งรับ ได้ทั้งลด” สำหรับลูกค้าใหม่ที่ซื้อ “ประกันรถเปิดปิด” ครั้งแรก รับ e-Coupon เติมน้ำมันบางจาก มูลค่า 1,000 บาท เมื่อแนะนำเพื่อนมาซื้อประกันรถเปิดปิดที่เข้าร่วมรายการ และเพื่อนยังได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 1,000 บาท เมื่อใช้รหัสโปรโมชันที่เพื่อนแนะนำ นอกจากนี้ สำหรับประกันภัยสุขภาพ Thaivivat Active Health เมื่อซื้อพร้อมเพื่อน ยังได้รับส่วนลด สูงสุดท่านละ 2,000 บาท ตั้งแต่วันนี้-30 มิถุนายน 2567