ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
Porsche เปิดตัว Macan ใหม่
Porsche ประเทศไทย นำเสนอรถ Macan 4 (มาคัน 4) และ Macan Turbo (มาคัน เทอร์โบ) ใหม่ ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
Peter Rohwer กรรมการผู้จัดการ Porsche ประเทศไทย กล่าวว่า Macan ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ผสมผสานสมรรถนะน่าตื่นตาเข้ากับการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของ Porsche (โพร์เช) ตามรอย Taycan (ไทย์คาน) รถสปอร์ทพลังงานไฟฟ้าคันแรก ซึ่ง Macan ยังคง DNA ความเป็น Porsche อย่างแท้จริง
Macan 4 และ Macan Turbo เปิดตัวครั้งแรกของโลกที่ประเทศสิงคโปร์ ในเดือนมกราคม 2024 Macan ใหม่ มอบสมรรถนะ E-Performance สำหรับทุกสภาพถนน และการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างยอดเยี่ยม โดยสมรรถนะเทียบเท่ารถสปอร์ทผสานกับการชาร์จเร็วที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 270 กิโลวัตต์ และพิสัยการเดินทางสูงสุดถึง 613 กม. ในมาตรฐาน WLTP
Porsche ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ PSM (Permanent Magnet Synchronous) รุ่นใหม่ล่าสุด ทั้งเพลาหน้า และเพลาหลัง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด และการส่งกำลังที่แม่นยำ ผลลัพธ์ คือ สมรรถนะระดับสูงสุด เมื่อทำงานร่วมกับระบบ Launch Control Macan 4 สามารถสร้างพละกำลังสูงสุด 300 กิโลวัตต์ (408 แรงม้า) ด้วยพลังโอเวอร์บูสต์ และแรงบิดสูงสุด 650 นิวทันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 5.2 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 220 กม./ชม.
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ และต้องการสมรรถนะที่สูงขึ้น ยังมี Macan Turbo ที่มาพร้อมพละกำลังสูงสุด 470 กิโลวัตต์ (639 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 1,130 นิวทันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ภายใน 3.3 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 260 กม./ชม.
Macan ใหม่ มาพร้อมพแลทฟอร์มไฟฟ้าพรีเมียม 800 โวลท์ มอเตอร์ไฟฟ้าของ Macan ใหม่ ได้รับพลังงานจากแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ซึ่งติดตั้งอยู่ที่ตัวถังด้านล่าง มีความจุพลังงานรวม 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งสามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 95 กิโลวัตต์ชั่วโมง แบทเตอรีแรงสูง (HV) เป็นส่วนประกอบหลักของพแลทฟอร์มไฟฟ้าระดับพรีเมียม (PPE) ที่พัฒนาขึ้นใหม่พร้อมรองรับกำลังไฟฟ้าถึง 800 โวลท์ ซึ่ง Porsche นำมาใช้เป็นครั้งแรกใน Macan ใหม่นี้
Macan สามารถชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง หรือ DC ได้สูงสุด 270 กิโลวัตต์ ชาร์จแบทเตอรีจาก 10-80 % ภายในเวลาประมาณ 21 นาที สำหรับสถานีชาร์จ 400 โวลท์ รถสามารถแบ่งแบทเตอรี 800 โวลท์ ออกเป็น 2 ส่วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จ ทำให้สามารถชาร์จไฟได้สูงสุด 135 กิโลวัตต์ นอกจากนี้ ยังสามารถชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ผ่าน Wallbox ที่บ้าน และสามารถชาร์จไฟคืนสู่แบทเตอรีขณะขับขี่ได้สูงสุด 240 กิโลวัตต์
นอกจากนี้ ยังสามารถออกแบบรถ Porsche Macan ได้แล้วผ่าน Porsche Car Configurator ในราคาเริ่มต้นที่ 5.39 ล้านบาท สำหรับ Macan 4 และ Macan Turbo ราคา 7.79 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม-30 กันยายน Porsche ประเทศไทย ขอเชิญสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับรถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ท SUV รุ่นใหม่ล่าสุด Porsche Macan 4 และ Macan Turbo ที่งาน "The New All-Electric Macan Sneak Preview at The Emsphere" จัดขึ้นที่ AAS House ชั้น 2 โซน EM Innovation ศูนย์การค้า The Emsphere
พิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถ Porsche Macan ใหม่ ภายในงาน รับทันทีแพคเกจสุดคุ้มมากมาย อาทิ บัตรชาร์จไฟฟ้าราคาพิเศษ สูงสุด 850 กิโลวัตต์/ปี นาน 3 ปี การรับประกันรถยนต์ นาน 2 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมสิทธิ์ซื้อแพคเกจขยายการรับประกันเพิ่มเติมได้สูงสุด 15 ปี ของพรีเมียมสุดเอกซ์คลูซีฟ จาก Porsche อาทิ กระเป๋าถือ และร่ม Porsche Martini Racing สิทธิพิเศษจากศูนย์การค้า The Emsphere อาทิ บัตรจอดรถฟรี 1 ปี เมื่อมียอดใช้จ่าย 200,000 บาทขึ้นไป และบัตร Platinum M Card เมื่อมียอดใช้จ่าย 1.5 ล้านบาทขึ้นไป
Omoda เปิดราคา C5 EV
โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)ฯ หรือ Omoda & Jaecoo (Thailand) ภายใต้ Chery Automobile เปิดตัวรถ Omoda C5 EV (โอโมดา ซี 5 อีวี) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 899,000 บาท สำหรับรุ่น Long Range Plus (ลอง เรนจ์ พลัส) และราคา 949,000 บาท สำหรับรุ่น Long Range Ultimate (ลองเรนจ์ อัลทิเมท) พร้อมโปรโมชัน และของสมนาคุณสุดพิเศษสำหรับลูกค้าชาวไทยกลุ่มแรก พร้อมเผยโฉมรถ Jaecoo 6 (แจคู 6) ออฟโรดพรีเมียมพลังงานไฟฟ้า 100 % พวงมาลัยขวา รุ่นก่อนผลิตจริง (Pre-Production) ครั้งแรกในโลก
เฉิน ซุนชิง รองประธาน Chery International กล่าวว่า Chery Autornobile ในฐานะบริษัทแม่ของ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)ฯ มีประสบการณ์ด้านยานยนต์ระดับโลกมากว่า 27 ปี ที่ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ไปยังกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (Passenger Car) รายใหญ่ที่สุดของจีน ด้วยศักยภาพ และการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งเราพร้อมเติมเต็มประ สบการณ์ของผู้ขับขี่ให้รถยนต์เป็น "มากกว่ารถยนต์" และส่งมอบผลิตภัณฑ์ และบริการที่ดีที่สุด ซึ่งพร้อมแล้วที่จะส่งมอบประสบการณ์ระดับโลกเหล่านี้ให้แก่ลูกค้าชาวไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้แบรนด์ Omoda & Jaecoo ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก
การเข้ามาในประเทศไทยครั้งนี้ เรามุ่งส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ และอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้ทัดเทียมกับมาตรฐานระดับโลก และพร้อมเป็นอีกตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าชาวไทย
ฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง และตั้งใจสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในประเทศไทย ผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ พันธมิตร และผู้แทนจำหน่ายภาคเอกชนต่างๆ ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย โดยบริษัทฯ ได้ตั้งศูนย์อบรม (Training Center) ศูนย์ตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ก่อนส่งมอบ (PDI Center) และคลังอะไหล่บนเนื้อที่กว่า 1,000 ตรม. ที่พร้อมให้บริการตั้งแต่สิงหาคมนี้ พร้อมกันนี้ ยังมีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการเปิดให้บริการแล้ว 25 แห่ง โดยมีแผนขยายโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการมากกว่า 40 แห่งทั่วประเทศ ภายในสิ้นปี และภายในกลางปี 2568 โอโมดา แอนด์ เจดู (ประเทศไทย)ฯ จะเริ่มดำเนินการผลิต และประกอบรถยนต์ในประเทศไทย เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศ และส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง
พิชญฺตม์ วงศ์พัฒนาสิน รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และเครือข่ายผู้จำหน่าย บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า รถ Omoda C5 EV จะเป็นรถไฟฟ้า 100 % รุ่นแรกจากแบรนด์ Omoda & Jaecoo ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยแบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อย ได้แก่
รุ่น Omoda C5 EV Long Range Plus ที่มีสี Lunar White, Space Black และ Mercuny Grey ด้วยราคาเริ่มต้น 899,000 บาท และรุ่น Omoda C5 EV Long Range Ultimate มีสี Lunar White (Black Roof), Space Black, Mercury Grey, Volcanic Red และ Mint Green (Black Roof) ราคา 949,000 บาท
ข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ที่จอง และรับรถ Omoda C5 EV ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 เฉพาะ 1,000 คันแรก
1. การรับประกันครอบคลุมระยะเวลา 8 ปี หรือระยะทาง 200,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) พร้อมการรับประกันคุณภาพรถใหม่ (Warranty) การรับประกันระบบมอเตอร์ขับเคลื่อน (Driving Motor Systerm) และการรับประกันแบทเตอรีแรงดันสูง (High Voltage Battery)
2. บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) 5 ปี ตลอด 24 ชม. ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
3. ฟรี ! ประกันภัยชั้น 1 เป็นระยะเวลา 1 ปี
4. ฟรี ! โฮมชาร์เจอร์ พร้อมติดตั้ง
5. ดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้น 1.68 %
6. ของสมนาคุณสุดพิเศษ Omoda Earthology Studio
7. สินค้าไลฟ์สไตล์ให้ลูกค้าเลือกได้ 1 อย่าง ระหว่าง Apple Watch SE GPS 44 mm หรือ Harman Kardon Aura Studio 4 หรือ บัตรชาร์จไฟฟ้า มูลค่า 10,000 บาท
พร้อมกันนี้ ยังได้เผยโฉม Jaecoo 6 รถออฟโรดพรีเมียมพลังงานไฟฟ้า 100 % เวอร์ชันพวงมาลัยขวา รุ่นก่อนผลิตจริง (Pre-Production) ครั้งแรกในโลก ที่ผสมผสานความคลาลสิคเข้ากับเทคโน โลยียนตรกรรม ภายใต้คอนเซพท์ "Off-Road Trendy" อัดแน่นไปด้วยพลังสุดแข็งแกร่ง และสุนทรีย์ที่งดงาม ตัวถังผลิตจากอลูมิเนียมทั้งหมด พร้อมด้วยแบทเตอรีลิเธียม ฟอสเฟท ระยะยื่นหน้า และหลังที่สั้น ทำให้การขับขี่แบบออฟโรดมีความคล่องตัวสูง ไฟหน้าแบบ "Headlamp Matrix Adaptive" สะดุดตาส่องได้กว้าง และไกลกว่า กับโหมดการขับขี่ 6 แบบ ที่ตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ในเมือง และการขับขี่แบบสมบุกสมบัน Jaecoo 6 EV Long Range 2WD 1,098,999 บาท และ 4WD 1,249,000 บาท
ผู้ที่สนใจสามารถจองสิทธิ์ได้แล้ววันนี้ และสำหรับ 1,000 คนแรก ที่จองสิทธิ์ตั้งแต่วันนี้ และรับมอบรถก่อน 30 พฤศจิกายน 2567 จะได้รับนาฬิกา Garmin Forerunner 165 รุ่นพิเศษ ที่ผลิตเฉพาะลูกค้าคนไทยกลุ่มแรกเท่านั้น
สุชาดา ชูสงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และภาพลักษณ์องค์กร บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า บริษัทฯ เปิดตัว 4EVE ศิลปินเกิร์ลกรุพของเมืองไทยในฐานะพรีเซน เตอร์ของรถ Omoda C5 EV ซึ่งเป็นครั้งแรกของ 4EVE กับบทบาท Brand Presenter ของรถยนต์ การได้ 4EVE มาร่วมเป็นครอบครัวเดียวกันกับ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)ฯ ครั้งนี้ จะช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มุ่งเน้นเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ และผู้หลงใหลในความทันสมัยของเทคโนโลยีอัจฉริยะ รวมถึงเพลิดเพลินไปกับความคิดสร้างสรรค์นอกกรอบ สำหรับกลุ่มผู้ขับขี่รุ่นใหม่ ที่คิดว่ารถไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะสำหรับการเดินทาง แต่ยังเป็นเครื่องบ่งบอกรสนิยม และรูปแบบการใช้ชีวิตกลุ่มผู้ขับขี่เจเนอเรชันใหม่ E-Lohas หรือ E-Lifestyle on Health and Sustainabity ที่ให้ความสำคัญกับกับการมีชีวิตที่ดีควบคู่ไปกับสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน เปลี่ยนสู่อนาคตอย่างมีสไตล์
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังร่วมกับ Earthology Studio แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่ขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อต่อยอดเป้าหมายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดย Earthology Studio ได้ร่วมออกแบบ และผลิตชุดยูนิฟอร์มรักษ์โลกที่ผลิตจากเส้นใยพลาสติครีไซเคิลให้แก่ที่ปรึกษาการขายของเราทั่วประเทศ ซึ่งชุดยนิฟอร์มที่ประกอบไปด้วยเสื้อโพโล เสื้อแจคเกท และกางเกงคาร์โก แต่ละชุดเทียบเท่ากับการนำขวดพลาสติคเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล 40 ขวด หรือเทียบเท่าการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 25 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ (kgCO2) นอกจากจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ชุดยูนิฟอร์มของเรายังสะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์แห่งอนาคต
ในขณะเดียวกัน แบรนด์ Jaecoo ได้ตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มุ่งเน้นเข้าถึงกลุ่มคนที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตแบบแอคทีฟไลฟ์สไตล์ โดยเป็นสปอนเซอร์หลักของงาน Garmin Run Asia Omoda | Jaecoo Series 2024 Thalland Halt Marathon ที่จะจัดขึ้นเดือนตุลาคมนี้ และยังร่วมมือผลิตนาฬิกา Garmin รุ่นเอกซ์คลูซีฟ Jaecoo | Garmin Forerunner 165 สำหรับผู้ขับขี่ชาวไทย 1,000 คนแรก
หมายเหตุ: ข้อกำหนด และเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขข้างต้นโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
Rolls-Royce เปิดบูทีคอัตลักษณ์ใหม่
Rolls-Royce Motor Cars ประกาศรุกตลาดลักชัวรีในประเทศไทย ด้วยบูทีคใหม่ภายใต้คอนเซพท์ "Galleria" ภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน ศูนย์กลางความลักชัวรีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รังสรรค์ขึ้นโดย MGC-ASIA ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายรถยนต์ Rolls-Royce (โรลล์ส-รอยศ์) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2555
ไอรีน นิคเคียน ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค Rolls-Royce Motor Cars กล่าวว่า Rolls-Royce Motor Cars มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในตลาดกลุ่มลักชัวรีที่กำลังเติบโต เพื่อนำพาแบรนด์ของเราเข้าไปใกล้กับกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยบูทีคใหม่แห่งนี้ ที่ตั้งอยู่ใจกลางศูนย์รวมความลักชัวรี รังสรรค์ขึ้นโดย MGC-ASIA ที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจของเรามายาวนาน และสามารถตอบโจทย์กลยุทธ์ดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งการเป็นบูทีคคอนเซพท์ใหม่ ที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า นับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิค อีกทั้งยังสามารถรองรับการเติบโตของตลาดลักชัวรี ที่ขับเคลื่อนโดยความต้องการยนตรกรรมพิเศษแบบ Bespoke ในประเทศไทย
กฤษฎา สวามิภักดิ์ ผู้จัดการทั่วไป Rolls-Royce Motor Cars Bangkok กล่าวว่า นับเป็นโอกาสดีที่ลูกค้าคนพิเศษของเราจะได้มีพื้นที่ส่วนตัว เพื่อจะได้สัมผัสถึงความรื่นรมย์ และสุนทรีย์ของแบรนด์ Rolls-Royce รวมไปถึงการมีส่วนร่วมกับทีมงานของเรา และการได้สังสรรค์กับกลุ่มคนที่รู้ใจ ณ ศูนย์กลางความลักชัวรีที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย โดยบูทีคอัตลักษณ์ใหม่ ภายใต้คอนเซพท์ "Galleria" ภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน นับเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมทั้งภาพลักษณ์ และการขาย ให้แก่โชว์รูมหลักบนถนนพระราม 3 ที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ เราขอเรียนเชิญลูกค้าปัจจุบัน รวมถึงลูกค้าใหม่ ให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์พิเศษ ภายในบูทีคแห่งใหม่
"นับเป็นสิ่งที่ส่งเสริมทั้งภาพลักษณ์ และการขาย ให้แก่โชว์รูมหลักบนถนนพระราม 3 ศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี บูทีคแห่งใหม่เปิดโอกาสให้ลูกค้าปัจจุบัน รวมถึงลูกค้าใหม่ ได้มีพื้นที่ส่วนตัวเพื่อสัมผัสถึงความรื่นรมย์ และสุนทรีย์ของแบรนด์ Rolls-Royce และสั่งทำยนตรกรรมคันโปรดแบบ Bespoke ได้จากศูนย์ความลักชัวรีระดับแนวหน้าของประเทศไทย บริเวณชั้น 2 ภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน บูทีคใหม่ภายใต้คอนเซพท์ "Galleria" จะนำพาแบรนด์ Rolls-Royce เข้าไปใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น และเป็นบรรทัดฐานในการนำเสนออัครยนตรกรรม Rolls-Royce ให้แก่ลูกค้าใหม่ ท่ามกลางตลาดลักชัวรีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
บูทีคที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมแห่งใหม่นี้ ได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต และพิถิพิถัน เช่นเดียวกับโชว์รูม Rolls-Royce ที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริเวณทางเข้า ลูกค้าจะเดินผ่านประตูที่ออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับกระจังหน้าของ Rolls-Royce ที่ได้แรงบันดาลใจจากเสาของวิหารแพนทิออน พร้อมกับสัญลักษณ์นางฟ้า (Spirit of Ecstasy) ที่อยู่ด้านบน และเมื่อก้าวสู่ด้านใน ก็จะพบกับยนตรกรรม Rolls-Royce ที่จัดแสดงภายใต้ชุดไฟ kinetic lightning ที่สามารถปรับระดับให้ไล้ไปตามแนวหลังคาของ Rolls-Royce แต่ละรุ่นได้อย่างงดงาม ขณะที่มุมพักผ่อนด้านหน้าจะมีพื้นที่จัดแสดงงานศิลป์สุดหรูหลากหลายแบรนด์ เรียกว่า "Cabinet of Curiosities" เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และเชิญชวนให้เกิดการสนทนาอย่างสร้างสรรค์
ไฮไลท์ของบูทีคแห่งนี้ คือ Atelier (อาทิลิเญ) ซึ่งเป็นห้องพิเศษส่วนตัว ให้ลูกค้าสามารถรังสรรค์ยนตรกรรมคันโปรดแบบ Bespoke กลางห้องมีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ ไล่ระดับความลาดเอียง เปรียบเสมือนโต๊ะทำงานของศิลปินผู้เชี่ยวชาญ โดยมีจอแอลอีดีขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า เพื่อใช้ประกอบการ และชมรายละเอียดต่างๆ หลังจากทำการ Bespoke ขณะที่แอลอีดีทรงกลมที่แขวนด้วยสลิงจากเพดาน สามารถปรับระดับเพื่อตรวจสอบรายละเอียดของเนื้อสี หรือวัสดุต่างๆ ได้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งในห้องนี้ยังมีตัวอย่างหลังคาดาวตก "Starlight Headliner" ที่สามารถสัมผัสถึงความประณีต และพิถีพิถันกับผลงานระดับ craftsmanship ได้อย่างใกล้ชิด
Spectre (สเปคเตอร์) ยนตรกรรมไฟฟ้ารุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของ Rolls-Royce ได้นำมาจัดแสดง เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเปิดบูทีคใหม่ ภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน ตัวถังสีเทา Anthracite ตัดกับห้องโดยสารสีส้ม Mandarin และน้ำเงิน Navy อย่างโดดเด่น สะท้อนถึงรสนิยมเหนือระดับของลูกค้าในประเทศไทย ที่ได้สั่งซื้ออัครยนตรกรรมรุ่นดังกล่าวเป็นสัดส่วนมากกว่า 60 % ของยนตรกรรม Rolls-Royce ที่จำหน่ายในประเทศไทย
Kia ปล่อยแคมเปญ "ไม่กล้า ไม่เกิด-Make A Bold Move"
บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำจุดยืน “The Kia EV5” (เกีย อีวี 5) รถเอสยูวีขนาดกลางไฟฟ้า 100 % ผ่านแคมเปญการตลาดใหญ่แห่งปี "ไม่กล้า ไม่เกิด-Make A Bold Move" ดึงศิลปินหนุ่มมากความสามารถ “เจฟ ซาเตอร์” ขึ้นแท่นเป็นพรีเซนเตอร์ให้แก่ “The Kia EV5” โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ มิลเลนเนียล และครอบครัวคนรุ่นใหม่ ชวนทุกคนให้กล้าที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงเพื่ออีกด้านของชีวิตที่อยากเป็น แคมเปญ "ไม่กล้า ไม่เกิด-Make A Bold Move" เน้นสื่อสารผ่านใจความหลัก “หากปราศจากความกล้า ดวงดาวในตัวคุณก็จะไม่เปล่งประกาย” และเพื่อเป็นการส่งพลัง และแรงบันดาลใจอย่างแท้จริงสู่ชีวิต Kia ยังได้ปล่อยเพลงพิเศษ "ไม่กล้า ไม่เกิด (Make A Bold Move)" ที่เรียบเรียงเนื้อร้อง และทำนองจากแรงบันดาลใจ และการตีความหมายจาก เจฟ ซาเตอร์
ฌอง-ดาวิด คริสติญอง อาเรล รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า นับตั้งแต่ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย)ฯ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 บริษัทฯ ได้ออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาดบนพื้นฐานของแนวคิดหลัก 2 ประการ ประการแรก คือ การสร้างความแปลกใหม่เพื่อสร้างการรับรู้ และประสบการณ์พรีเมียม และประสบการณ์เชิงบวกให้แก่ผู้บริโภค เพื่อก่อให้เกิดผลตอบรับอันดีต่อแบรนด์ และผลิตภัณฑ์ ในเดือนมีนาคม เกีย เซลส์ (ประเทศไทย)ฯ ได้จัดงานเปิดตัวแบรนด์ผ่านการส่งมอบประสบการณ์เสมือนจริง โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1,500 คน ในงานนอกจากจะสร้างเซอร์พไรส์ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเรือธง อย่าง The Kia EV9 (อีวี 9) ยังมีการเปิดตัว The Kia EV5 อีกด้วย นอกจากนั้น ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 บริษัทฯ และตัวแทนจำหน่ายพันธมิตรยังได้จัดกิจกรรม Kia EV Playground, กิจกรรม Kia eXperience Roadshow และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งบริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้การต้อนรับสมาชิกใหม่อีกกว่า 1,500 คน เข้าสู่ครอบครัว Kia
“ถึงเวลาแล้วที่บริษัทฯ จะเดินหน้าเข้าถึงฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นการรับรู้ และทำให้ทุกคนเข้าใจถึงค่านิยมหลักขององค์กร จึงเป็นที่มาของแคมเปญใหม่ "ไม่กล้า ไม่เกิด-Make A Bold Move" ซึ่งนำเสนอ The Kia EV5 และดึงศิลปินหนุ่มมากความสามารถ อย่าง "เจฟ ซาเตอร์" มาร่วมงาน โดยแคมเปญนี้เกิดจากมุมมองเรื่อง “ความกล้า” ที่ Kia ต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ทุกคนที่มีความกลัว หรือความลังเลที่จะทำตามความฝัน ให้กล้าที่จะก้าวออกไปจะเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ คำว่า "ไม่กล้า ไม่เกิด" เป็นประโยคสั้น ๆ แต่แฝงด้วยพลังที่จะจุดประกายความกล้าหาญของผู้คนให้ลองสิ่งใหม่ๆ หรือเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อสิ่งที่อยากจะเป็น โดยโจทย์ คือ จะทำอย่างไรให้แนวคิด “ไม่กล้า ไม่เกิด” เข้าถึง และตราตรึงในใจของผู้บริโภคชาวไทย บริษัทฯ จึงเล็งเห็นว่าเจฟน่าจะเป็นตัวแทนที่ดีที่สุดในการสื่อสารแนวคิดของแคมเปญไปสู่คนรุ่นใหม่ที่ “กล้า” ที่จะเปลี่ยน และกล้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัด แคมเปญนี้จึงถูกสร้างสรรค์ ผ่านเรื่องราว และมุมมองของ เจฟ ซาเตอร์ อย่างแท้จริง”
เจฟ ซาเตอร์ กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย)ฯ ในฐานะพรีเซนเตอร์ของ The Kia EV5 ในส่วนของแคมเปญ "ไม่กล้า ไม่เกิด-Make A Bold Move" ที่ผมได้มีโอกาสทำเพลงพิเศษด้วยโจทย์จากทาง Kia ที่อยากให้เพลงนี้ช่วยจุดประกายความ "กล้า" ให้ทุกคนที่ได้ฟังให้ลุกขึ้นมาทำสิ่งใหม่ๆ หรือเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อสิ่งที่อยากจะเป็น สำหรับตัวผมเองก็เคยมีช่วงเวลาช่วงหนึ่งในชีวิตที่ไม่รู้ว่าข้างหน้ามันจะเป็นยังไง เรารู้แค่ว่าตอนนั้นมันวนอยู่ที่เดิมเพราะเราไม่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ จนมาถึงจุดหนึ่งที่เรารู้สึกว่าเราต้อง "กล้า" ออกมา ไม่อย่างนั้นเราก็จะอยู่ในจุดเดิมๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วความกล้านั้นก็พาเราออกมาในจุดที่คิดไม่ถึงเหมือนกัน เหมือนเนื้อหาของเพลงที่ผมอยากจะบอกกับทุกคนว่า แค่เราต้องกล้าออกมาทำสิ่งๆ นั้น Make A Bold Move โดยไม่ต้องกลัวอะไร แล้วความกล้าจะพาเราไปสักที่หนึ่งแน่ๆ ที่ไม่ใช่ที่เดิม เพราะถ้าไม่กล้าก็ไม่เกิด ก็อยากจะชวนให้ทุกคนรอติดตามกันด้วยครับ การที่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้แก่ The Kia EV5 รถที่สร้างมาเพื่อการเปลี่ยนแปลง และการที่ได้เป็นตัวแทนถ่ายทอด และจุดประกายคำว่า ไม่กล้า ไม่เกิด ให้แก่ทุกคน ถือเป็นโอกาสที่ดีมากๆ
ฌอง-ดาวิด คริสติญอง อาเรล กล่าวเสริมว่า “แคมเปญ “ไม่กล้า ไม่เกิด-Make A Bold Move” จะถูกสื่อสารผ่านช่องทางดิจิทอล และโซเชียลมีเดียอย่างครบวงจร โดยเน้นสื่อสารผ่าน KOLS ที่หลากหลาย รวมถึงการใช้สื่อ D-OOH โดยจะสามารถรับชมได้ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม เป็นต้นไป โดยไฮไลท์ของแคมเปญดังกล่าว คือ เพลงไม่กล้า ไม่เกิด (Make A Bold Move) ที่เจฟ ซาเตอร์ มีส่วนร่วมในการเรียบเรียงเนื้อร้อง และทำนองด้วยตัวเอง และ Kia ได้เตรียมปล่อยเพลงเวอร์ชันเต็ม ในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ ผ่านช่องทางยูทูบ https://www.youtube.com/@kia.thailand และโซเชียลมีเดียทางการของ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย)ฯ ทุกช่องทาง
นอกจากนี้ เตรียมตื่นเต้นไปกับการปรากฏตัวของ เจฟ ซาเตอร์ กับอีกหลากหลายกิจกรรมตลอดทั้งครึ่งปีหลัง 2567 นี้ อาทิ การจัดแสดงห้องซ้อมดนตรีจำลองของ เจฟ ซาเตอร์ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ วันที่ 28 สิงหาคม-11 กันยายน 2567 และคอนเสิร์ทสุดเอกซ์คลูซีฟสำหรับแฟนๆ ของเจฟ และลูกค้า The Kia EV5 ในช่วงเดือนตุลาคม 2567 มาร่วมรอติดตามกิจกรรมต่างๆ ที่เตรียมประกาศได้ในเร็วๆ นี้ !
The Kia EV5 เปิดให้ลูกค้าที่สนใจสามารถทดลองขับได้แล้ววันนี้ ที่ตัวแทนจำหน่าย Kia ทั่วประเทศ โดยมีวางจำหน่าย 4 รุ่น ได้แก่ The Kia EV5 Light, The Kia EV5 Air, The Kia EV5 Earth Long Range และ The Kia EV5 Earth Exclusive AWD ในราคาเริ่มต้นที่ 1,299,000 บาท มาพร้อมข้อเสนอ 7-7-8 ประกอบด้วยการรับประกันคุณภาพนานถึง 7 ปีเต็ม บริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี รวมถึงการรับประกันแบทเตอรีรถยนต์ 8 ปี
Primus เปิดโชว์รูมพัทยา อย่างเป็นทางการ
Primus Pattaya เปิดโชว์รูม และศูนย์บริการ Mercedes-Benz (เมร์เซเดส-เบนซ์) สุดอลังการ ! ชูแนวคิด Top of Mind สร้างประสบการณ์ใหม่ครั้งยิ่งใหญ่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำตัวแทนจำหน่ายรถหรู ปักหมุดรุกตลาดลูกค้าไฮเอนด์ กับแคมเปญ “Mercedes-Benz Trade-in program” พิเศษ! รับมูลค่าเพิ่ม 150,000 บาท เมื่อเลือกรถ Mercedes-Benz รุ่น C 350 E AMG Dynamic (ซี 350 อี เอเอมจี ไดนามิค) หรือรุ่น C 220 D AMG Line (ซี 220 ดี เอเอมจี ไลน์) พร้อมรับฟรี ! ค่า Excess เมื่อนำรถ “เคลมสีรอบคัน” ที่เบนซ์ไพรม์มัส สาขาพัทยา และสาขาเลียบด่วน หมดเขต 31 สค. 67
ณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ ประธาน กลุ่มบริษัทในเครือ Primus และ TOA Venture Holding เปิดเผยว่า การเปิดโชว์รูม และศูนย์บริการ Mercedes-Benz เฟส 2 บนถนนสุขุมวิท-พัทยาใต้ ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวย่างที่สำคัญในการขยายเครือข่าย และสร้างการเติบโตที่ความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ของ “Primus Group" ทั้งเพิ่มทางเลือกที่หลากหลาย และสร้างความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์ Mercedes-Benz ในพื้นที่พัทยา และพื้นที่ใกล้เคียง อีกด้วย
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของ “Primus Group” ในฐานะผู้นำระดับชั้นแนวหน้าของตัวแทนจำหน่าย Mercedes-Benz ที่ได้รับความเชื่อมั่น และไว้วางใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีที่ผ่านมา ด้วยแนวคิดการเป็นแบรนด์ที่หนึ่งในใจของลูกค้า (Top of Mind) โดยยกระดับมาตรฐานด้านบริการให้มีความหลากหลาย และคุณภาพสูงสุด เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่าง และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าทุกระดับชั้น
“จากประสบการณ์ และความสำเร็จของ “ไพรม์มัส กรุงเทพฯ” จะเป็นแนวทางให้ “ไพรม์มัส พัทยา” สามารถส่งมอบการบริการด้านการขาย และบริการหลังการขายที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม และดีที่สุดในทุกมิติ ให้แก่ลูกค้า Mercedes-Benz ในพื้นที่พัทยา และพื้นที่ใกล้เคียงได้อย่างแน่นอน”
จิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ พัทยา จำกัด และกลุ่มบริษัทในเครือ “Primus” เปิดเผยว่า Primus Group เป็นกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ระดับชั้นแนวหน้า เริ่มต้นจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz โดยเปิดโชว์รูม และศูนย์บริการแห่งแรก บนถนนเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา เมื่อปี 2020 โดยการดำเนินธุรกิจมุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจ และเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง Customer Centric ผ่านการสร้างประสบการณ์ใหม่ทั้งด้านการขาย และการบริการหลังการขาย ที่ให้ความแตกต่างและเปี่ยมด้วยคุณภาพ ส่งผลทำ ให้ “Primus Group” ประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันรวดเร็ว ด้วยยอดจำหน่ายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกปี และลูกค้ากลับเข้ามาใช้บริการซ้ำอย่างต่อเนื่อง แต่ที่สร้างความภาคภูมิใจมากสุด คือ การได้รับคะแนน CSI 1 จากการสำรวจความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า Mercedes-Benz
ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีนโยบายที่จะขยายการลงทุนสร้างเครือข่ายการจำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz แห่งใหม่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการให้บริการลูกค้า และขยายธุรกิจให้มีการเติบโตยิ่งขึ้น ที่สำคัญ คือ เพื่อเป็นการส่งต่อแนวคิด และการบริหารงานแห่งความสำเร็จนี้ เพื่อสร้างความสุข และบริการชั้นเลิศให้แก่ลูกค้าได้หลากหลายยิ่งขึ้น
ประกอบกับ “Primus Group” มีศักยภาพด้านการลงทุน และการบริหารธุรกิจ เราจึงตัดสินใจขยายเครือข่าย ด้วยการเปิดสาขาตัวแทนจำหน่าย Mercedes-Benz เป็นแห่งที่ 2 ด้วยเงินลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ในการก่อสร้างโชว์รูม และศูนย์บริการ Mercedes-Benz แห่งใหม่ ในเขตพัทยา ภายใต้ชื่อ “ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ พัทยา” โดยมีบริการทั้งด้านการขาย และบริการหลังการขายแบบครบวงจร บนพื้นที่ 2 แห่ง คือ
1. โชว์รูมจัดแสดง และจำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz และ Mercedes-AMG (เมร์เซเดส-เอเอมจี) รุ่นใหม่ พร้อมศูนย์ Service Center ที่มีบริการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ Mercedes-Benz ทุกรุ่น ทุกแบบ รองรับรถยนต์เข้ารับบริการได้สูงสุดถึง 500 คัน/เดือน บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ ย่านถนนสุขุมวิท-พัทยาใต้
2. โชว์รูมจัดแสดงรถยนต์ Mercedes-Benz Certified Used Car รถยนต์ใช้แล้วหลากหลายรุ่น ด้วยคุณภาพมาตรฐาน ในราคาคุ้มค่า และศูนย์ซ่อมสี-ตัวถัง “BP Center Service” ขนาดใหญ่ และทันสมัยสุดในภาคตะวันออก มีช่องซ่อมสำหรับบริการมากถึง 15 ช่องซ่อม รองรับการบริการครบวงจร ทั้งงานซ่อมหนัก และเบา พร้อมรับงานซ่อมจากบริษัทประกันทุกแห่ง ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ ย่านถนนสุขุมวิท-นาจอมเทียน
ด้วยศักยภาพดังกล่าวนี้ เราจึงมั่นใจว่า “Primus Pattaya” จะสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดี และมีประสิทธิภาพในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้ารถยนต์ Mercedes-Benz ได้อย่างแน่ นอน
จิระพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ทางโชว์รูม และศูนย์บริการของ “Primus Pattaya” ได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั้งในเขตพัทยา และพื้นที่ใกล้เคียงเป็นอย่างดี โดยทำยอดขายรถ ยนต์ Mercedes-Benz และรถยนต์ไฟฟ้า EQ สูงกว่าเป้าหมาย 214 % และยอดขายรถยนต์ Mercedes-AMG สูงกว่าเป้าหมาย 250 % ส่งผลให้ “Primus Pattaya” มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของตัวแทนจำหน่าย Mercedes-Benz ต่างจังหวัดทั่วประเทศ ส่วนงานบริการหลังการขาย มีลูกค้า Mercedes-Benz ให้ความสนใจ และเข้ารับบริการทั้งด้านการบำรุงรักษาทั่วไป และการซ่อมสี และตัวถัง รวมทั้งสิ้นกว่า 780 ราย
ช่วงเฉลิมฉลองการเปิดโชว์รูม และศูนย์บริการรถยนต์ Mercedes-Benz สาขาพัทยา อย่างเป็นทางการ “Primus Group” ขอมอบเอกสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของรถยนต์ Mercedes-Benz กับแคมเปญพิเศษ “Mercedes-Benz Trade-in Program” รับมูลค่าเพิ่ม 150,000 บาท เมื่อเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ Mercedes-Benz C 350 E AMG Dynamic หรือ Mercedes-Benz C 220 D AMG Line พร้อมรับฟรี ! ค่า Excess เมื่อนำรถยนต์ Mercedes-Benz เข้ารับบริการเคลมซ่อมสี-ตัวถังรอบคัน หมดเขต 31 สิงหาคม 2567