ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
MG เปิดตัว All New MG3 Hybrid+
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์ MG ในประเทศไทย จุดประกายตลาดรถยนต์ไทยครึ่งปีหลัง เปิดตัวพร้อมกันทุกภูมิ ภาคเป็นครั้งแรก กับรถรุ่นล่าสุด All New MG3 Hybrid+ (เอมจี 3 ไฮบริด พลัส) ใหม่ เพื่อบุกตลาด B-Segment พร้อมสร้างจุดเปลี่ยนให้แก่วงการไฮบริด ในราคาพิเศษเริ่มต้นที่ 559,900 บาท
ซูว์ หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า All New MG3 Hybrid+ มีความโดดเด่นด้วยระบบ Hybrid+ ที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดจาก SAIC Motor เพื่อพัฒนายนตร กรรมที่มาพร้อมสมรรถนะ และความประหยัดที่เหนือชั้น โดยระบบ Hybrid+ เป็นการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายใน และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด เพื่อให้ได้ประสิทธิ ภาพสูงในทุกสภาวะการขับขี่ อีกทั้งรถรุ่นนี้ยังถือเป็น Global Model ที่พัฒนา และปรับทูนทุกระบบโดยทีมวิศวกรระดับโลก เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานจริงบนถนนทั่วโลก โดยผ่านการทด สอบในทุกสภาพเส้นทาง สภาพอากาศ รวมถึงวิ่งทดสอบในสถานการณ์ที่หลากหลาย สำหรับในประเทศไทย All New MG3 Hybrid+ มาพร้อมคอนเซพท์ “อิสระพลัสเวล” นำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่ครบครัน ทั้งความประหยัด ความสนุกเร้าใจ เป็นการยกระดับระบบการทำงานของเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้มีการทำงานที่อิสระ ครอบคลุมโหมดการขับเคลื่อนที่หลากหลาย มอบความคล่องตัว ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถไฟฟ้าโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหารถยนต์ในกลุ่ม City Car ที่มาพร้อมฟังค์ชันครบครัน พรัอมสมรรถนะ และเทคโนโลยีที่โดดเด่นในระดับราคาที่คนไทยเป็นเจ้าของได้ง่าย
การเปิดตัว All New MG3 Hybrid+ ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการนำเสนอยานยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ MG ในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในวงการยานยนต์ไทย และระดับโลก ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ความคุ้มค่า และการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างลงตัว All New MG3 Hybrid+ จึงไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่มองหายานพาหนะที่มีประสิทธิภาพสูง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นก้าวสำคัญของ MG ในการก้าวสู่อนาคตแห่งการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน
นอกจาก All New MG3 Hybrid+ จะเป็น The Best-in-Class ใน B-Segment ด้วยการยกระดับผลิตภัณฑ์ในหลายๆ ด้านแล้ว ครั้งนี้ MG ยังได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ แตกต่างจากการเปิดตัวรถ ยนต์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สนใจลงทะเบียนทดลองขับรถรุ่นใหม่นี้ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 4 ภาคทั่วไทย เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสสมรรถนะของ All New MG3 Hybrid+ รวมไปถึงการทดสอบขับจริงบนท้องถนน ผ่านกิจกรรมขับทางไกล "กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ด้วยน้ำมันถังเดียว" ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรถเมื่อขับขี่บนถนนจริง สามารถวิ่งได้ไกลถึง 800 กม./น้ำ มัน 1 ถัง ทั้งนี้ เพื่อยืนยันความเชื่อมั่น และพิสูจน์คุณภาพของรถ MG ในทุกการเดินทาง และยังเป็นครั้งแรกที่ MG ได้เปิดตัว All New MG3 Hybrid+ พร้อมกันในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ (Nationwide launch) โดยมีกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ ในภูมิภาคต่างๆ ได้มีการจัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในย่านสำคัญของแต่ละพื้นที่ อาทิ ภาคเหนือ ที่ศูนย์การค้าเซนทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ศูนย์การค้าเธอะมอลล์โคราช และภาคใต้ ที่ศูนย์การค้าเซนทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่ โดยในทุกสถานที่จะมีกิจกรรมพิเศษต่อเนื่องจากการเปิดตัว เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาได้สัมผัสประสบการณ์อย่างใกล้ชิด โดย MG พร้อมให้ผู้ที่สนใจสามารถจอง และทดลองขับได้ที่ งาน Big Motor Sale 2024 และศูนย์บริการของ MG 150 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่ปลายเดือนนี้เป็นต้นไป
All New MG3 Hybrid+ นิยามใหม่ของรถไฮบริด ที่สุดใน B-Segment มาพร้อมกับความคุ้มค่ามากที่สุด มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น D และ รุ่น X โดยมีสีตัวถังให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีแดง (Scarlet Red) สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) และสีเทา (Metal Ash Grey) จับคู่กับเบาะสีดำ ในรุ่น D ทั้งยังมีสีให้เลือกเพิ่มเติม คือ สีฟ้า (ST. Moritz Blue) และสีเหลือง (Pastel Yellow) จับคู่กับเบาะสีทูโทน ในรุ่น X
ราคาจำหน่าย: All New MG3 Hybrid+
All New MG3 Hybrid+ |
ราคาสุทธิ (บาท) ราคาพิเศษ (บาท) |
|
• All New MG3 Hybrid+ รุ่น X
• All New MG3 Hybrid+ รุ่น D |
619,900 599,900
579,900 559,900 |
|
|
|
|
ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ All New MG3 Hybrid+
• ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. 1 ปี
• รับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 120,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*
• พิเศษ ! เงื่อนไขการรับประกันแบทเตอรีไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
• ดาวน์ต่ำเริ่มต้น 5 % หรือ 27,950 บาท
• ผ่อนเริ่มต้น 6,291 บาท คำนวณจากราคาพิเศษเปิดตัวของรุ่นย่อย D ดาวน์ 25 % ระยะเวลาผ่อน 84 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.69 %
• เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 2.39 % ผ่อนนาน 48 เดือน หรือเลือกรับดอกเบี้ยปกติ ดาวน์ต่ำเริ่มต้น 5 %
• ฟรี ชุดพรมปูพื้น
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
Xpeng เปิดตัว G6 อย่างเป็นทางการ
Xpeng ประเทศไทย ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ (Xpeng (เสี่ยวเผิง) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดงานเปิดตัวแบรนด์ Xpeng และยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ G6 (จี 6) อย่างเป็นทางการ โดยจะเริ่มทยอยส่งมอบให้ลูกค้าที่สั่งจองไว้ก่อนหน้า รวมถึงแสดงศักยภาพในการจำหน่าย และให้บริการหลังการขาย ผ่านเครือข่าย 12 โชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจร
เจมส์ วู รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน Xpeng Motors กล่าวว่า Xpeng เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอัฉจริยะ และเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าทุกระดับ ที่หลงใหลในเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยเราเชื่อว่าเทคโนโลยี เป็นสิ่งที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง ต่อรูปแบบของการเดินทางในอนาคต ปัจจุบัน Xpeng ได้รับความนิยมเพิ่มต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศแถบยุโรป รวมไปถึงตะวันออกกลาง เรามีนโยบายในการทำตลาดระดับโลก ผ่านความร่วมมือกับผู้จัดจำหน่ายในประเทศ เพื่อสร้างเครือข่ายในการจำหน่ายที่ครอบคลุม พร้อมบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ ผสานการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าในประเทศไทย
อภิวันท์ สิงห์ทวีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย กล่าวว่า Xpeng ประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจจาก เอ็กซ์เผิง มอเตอร์ส ให้เป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่าย Xpeng ยานยนต์ไฟฟ้าอัฉจริยะระดับพรีเมียม-ไฮเทค อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบในประเทศไทย ผ่านยานยนต์ไฟฟ้าที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในประเทศไทยได้อย่างลงตัว พร้อมนำเสนอมิติใหม่แห่งการเดินทางอย่างยั่งยืน
เปิดตัวพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการ Xpeng G6-Ultra Smart Coupe SUV
Xpeng G6 ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะแบบ Ultra-Smart SUV Coupe ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบจากนักเขียนนิยายไซ-ไฟ (Sci-Fi) เป็นยานยนต์ไฟฟ้าแบบมอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง โครงสร้างบริเวณประตูแบบ 3 ชั้น มีความกว้างเป็นพิเศษ ช่วยปกป้องแบทเตอรีจากการชนด้านข้างได้ดียิ่งขึ้น รองรับแรงกระแทกสูงสุดถึง 80 ตัน แบ่ง 2 รุ่นย่อย คือ G6 Standard Range ชาร์จไฟเต็ม ขับได้ไกลสุด 505 กม. (NEDC) และ G6 Long Range ชาร์จไฟเต็ม ขับได้ไกลสุด 625 กม. (NEDC) มาพร้อมเทคโนโลยีแบทเตอรี 800 โวลท์ SiC Architecture ทั้งในส่วนระบบขับเคลื่อนและแบทเตอรี ส่งผลให้กินกระแสไฟต่ำ ความร้อนสะสมน้อย และประสิทธิภาพโดยรวมสูง ที่สำคัญติดตั้งเป็นส่วนเดียวกับตัวถัง เรียกว่า Cell Integrated Body (CIB) ที่ได้การยอมรับว่าทันสมัย และดีที่สุดในปัจจุบัน ส่งผลให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ช่วยลดน้ำหนัก และมีพื้นที่ห้องโดยสารกว้าง มีการอัพเดททั้งเฟิร์มแวร์ และซอฟท์แวร์อัตโนมัติ ผ่านระบบออนไลน์ (OTA-Over The Air) ช่วยให้มีเทค โนโลยีที่ล้ำสมัยตลอดเวลา และทำให้ผู้ขับได้ใช้สิ่งที่ใหม่ และทันสมัยก่อนใคร ห้องโดยสาร : "Intelligent Cockpit" ตกแต่งล้ำสมัย มีจอแสดงข้อมูลการขับขนาด 10.2 นิ้ว ด้านหน้าผู้ขับ ทัชสกรีนอเนกประสงค์ขนาด 14.96 นิ้ว ติดตั้งกลางแดชบอร์ด มาพร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Full Scenario Voice Assistant 2.0 รองรับ Real Time Continuous Voice Command Recognition, การใช้งานแบบมัลทิโซน และการใช้งานแบบออฟไลน์ จำหน่ายในราคา ค่าตัวเริ่มต้น 1.439 ล้าน
มั่นใจกับเครือข่ายพาร์ทเนอร์ เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุด
Xpeng ประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการทำตลาดในประเทศไทย ผ่านยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ Xpeng ที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำอนาคต ช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตยุคใหม่ และเพิ่มความปลอดภัยในการขับมากยิ่งขึ้น ได้แต่งตั้งพาร์ทเนอร์จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการกลุ่มแรกในประเทศไทย ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล ตลอดจนจังหวัดหลักในแต่ละภูมิภาคจำนวน 12 แห่ง นำโดย นำโดย Xpeng รามคำแหง โชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจรที่ได้เปิดให้บริการแล้ว ต่อด้วย สุขุมวิท, ประดิษฐ์มนูธรรม, แจ้งวัฒนะ, ราชพฤกษ์, พัทยา, ราชบุรี, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, อุดรธานี, เชียงใหม่ และ Xpeng ภูเก็ต จะทยอยเปิดบริการเร็วๆ นี้ และยังมีผู้สนใจร่วมลงทุนจากทั่วประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
Suzuki ขยายศูนย์ซ่อมตัวถัง และสีมาตรฐาน
Suzuki ขยายศูนย์ซ่อมตัวถัง และสีมาตรฐาน มุ่งสร้างความมั่นใจในคุณภาพ รับประกันงานซ่อม 1 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
ทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย)ฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจในประเทศไทยต่อไปอย่างมั่นคง จึงเตรียมแผนการดำเนินธุรกิจให้พร้อมรองรับต่อการแข่งขันในอนาคต ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้วิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจ “Enhancing The Ability to Compete in The Upcoming Automotive Market เพิ่มขีดความสามารถสู่การแข่งขันในอนาคต” ที่ได้ทำการประกาศแก่ผู้จำหน่ายรถยนต์ Suzuki (ซูซูกิ) ไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
นอกจากแผนการแนะนำผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป Suzuki ยังได้ประกาศแผนการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ ผ่านแคมเปญ “Suzuki Worry Free” ซึ่งจะเป็นการยกระดับงานบริการในทุกด้าน โดยเน้นย้ำถึงการดูแลลูกค้าด้วยความจริงใจ ตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้เสมอมา ซึ่งมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า จะสามารถรองรับการดูแลลูกค้าด้วยคุณภาพ และมาตรฐานของ Suzuki ได้อย่างแท้จริง โดยหนึ่งในแผนงานสำคัญที่ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แคมเปญ “Suzuki Worry Free” คือ การร่วมมือกับทางผู้จำหน่ายสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค ด้วยการขยายงานบริการศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐาน เพื่อรองรับงานบริการได้อย่างครบครัน โดยจะมุ่งเน้นมอบงานบริการที่ดีที่สุด เพราะเราเชื่อมั่นว่าลูกค้า Suzuki คือ คนสำคัญ และเพื่อให้ Suzuki สามารถดำรงอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนในประเทศไทย การปรับปรุงแผน และพัฒนาการดำเนินงานเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ แคมเปญ “Suzuki Worry Free” จึงเป็นอีกสิ่งที่เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถรองรับการดูแลลูกค้าด้วยคุณภาพ และมาตรฐานของ Suzuki ได้อย่างแท้จริง
วัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในฐานะที่เข้ามารับผิดชอบดูแลงานด้านการวางแผนบริหารงานฝ่ายบริการ และอะไหล่ สิ่งที่ยึดมั่น คือ การดำเนินงานภายใต้ปรัชญา “Suzuki Cause We Care-เหนือกว่าความใส่ใจ คือ ความเข้าใจทุกความต้องการ” ซึ่งในการขยายงานบริการศูนย์ซ่อมตัวถัง และสีมาตรฐานSuzuki นั้น จะเป็นยกระดับคุณภาพในทุกงานให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ผ่าน 5 จุดแข็งอันสำคัญที่ทุกศูนย์บริการที่ผ่านมาตรฐานต้องมี ดังนี้
อะไหล่แท้ Suzuki : เชื่อมั่นในคุณภาพของอะไหล่แท้ที่ได้รับรองมาตรฐานของ Suzuki
บริการอย่างมืออาชีพ : มั่นใจในบริการ และการให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพเป็นมิตร และใส่ใจทุกรายละเอียดการซ่อมโดยช่างผู้มีความชำนาญที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการอบรมในการซ่อมรถยนต์ Suzuki
เครื่องมือมาตรฐาน Suzuki : ใช้เครื่องมือเฉพาะทางที่ได้รับการรับรองจาก Suzuki ช่วยให้การซ่อมมีความแม่นยำ และมีประสิทธิภาพมั่นใจในคุณภาพงานซ่อม
สีซ่อมรถยนต์ที่ได้รับรองมาตรฐาน Suzuki : ใช้สีซ่อมรถยนต์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานของ Suzuki ทำให้สีรถสวยงาม และทนทาน เหมือนใหม่จากโรงงาน
การรับประกันงานซ่อม : รับประกันงานซ่อมว่ามีคุณภาพ และมาตรฐานสร้างความอุ่นใจ และความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า โดยจะรับประกันงานซ่อม 1 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และอะไหล่รับประกัน 1 ปี 20,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
ปัจจุบันมีผู้จำหน่ายที่ผ่านการรับรองมาตรฐานงานบริการจาก บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 32 แห่ง ประกอบด้วย
ลำดับ |
ชื่อบริษัทผู้จำหน่าย |
ภาค |
จังหวัด |
1 |
บริษัท ซูซูกิ อินดี้ บางหว้า จำกัด |
กรุงเทพฯ และปริ มณฑล |
กรุงเทพฯ |
2 |
บริษัท ดี โฟร์ คาร์ซิตี้ จำกัด |
กรุงเทพฯ และปริ มณฑล |
กรุงเทพฯ |
3 |
บริษัท พีพี เมกะ ออโต้ จำกัด |
กรุงเทพฯ และปริ มณฑล |
กรุงเทพฯ |
4 |
บริษัท มาพรพาณิชย์ จำกัด |
กรุงเทพฯ และปริมณฑล |
กรุงเทพฯ |
5 |
บริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์คาร์ จำกัด (สำนักงานใหญ่) |
กรุงเทพฯ และปริ มณฑล |
กรุงเทพฯ |
6 |
บริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์คาร์ จำกัด (สาขาทองหล่อ) |
กรุงเทพฯ และปริ มณฑล |
กรุงเทพฯ |
7 |
บริษัท บีบี ซูซูกิ ออโต้ จำกัด (สำนักงานใหญ่) |
กรุงเทพฯ และปริ มณฑล |
กรุงเทพฯ |
8 |
บริษัท ซูซูกิ ตงเจริญออโต้เซลส์ จำกัด |
กรุงเทพฯ และปริ มณฑล |
ปทุมธานี |
9 |
บริษัท ซูซูกิ นวนคร จำกัด |
กรุงเทพฯ และปริ มณฑล |
ปทุมธานี |
10 |
บริษัท นวซูซูกิ ปทุมธานี จำกัด |
กรุงเทพฯ และปริ มณฑล |
ปทุมธานี |
11 |
บริษัท นวออโตโมบิล บางใหญ่ จำกัด |
กรุงเทพฯ และปริ มณฑล |
นนทบุรี |
12 |
บริษัท ยนต์ตระการ พรีเมียม คาร์ จำกัด |
กรุงเทพฯ และปริ มณฑล |
นนทบุรี |
13 |
บริษัท สุพรรณยนตการ เทรดดิ้ง จำกัด |
กรุงเทพฯ และปริ มณฑล |
นนทบุรี |
14 |
บริษัท บีบี ซูซูกิ ออโต้ จำกัด (สาขาบางบ่อ) |
กรุงเทพฯ และปริ มณฑล |
สมุทรปราการ |
15 |
บริษัท ซูซูกิ ราชบุรี จำกัด (สำนักงานใหญ่) |
กลาง |
ราชบุรี |
16 |
บริษัท ซูซูกิ ราชบุรี จำกัด (สาขาบ้านโป่ง) |
กลาง |
ราชบุรี |
17 |
บริษัท ซูซูกิกาญจนบุรี จำกัด |
กลาง |
กาญจนบุรี |
18 |
บริษัท พ.บรรจง ออโตซัพพลาย จำกัด |
กลาง |
ประจวบคีรีขันธ์ |
19 |
บริษัท ซูซูกิ หัวหิน (สิทธิภัณฑ์) จำกัด |
กลาง |
ประจวบคีรีขันธ์ |
20 |
บริษัท ซูซูกิเพชรบุรี (สิทธิภัณฑ์) จำกัด |
กลาง |
เพชรบุรี |
21 |
บริษัท ซูซูกิ ฉะเชิงเทรา (2555) จำกัด |
ตะวันออก |
ฉะเชิงเทรา |
22 |
บริษัท ซูซูกิ ออโต้ เชียงใหม่ จำกัด |
เหนือ |
เชียงใหม่ |
23 |
บริษัท ซูซูกิ ออโต้ เชียงใหม่ จำกัด (สาขาดอนจั่น) |
เหนือ |
เชียงใหม่ |
24 |
บริษัท บี.เค. ออโต้ โมบิล จำกัด |
เหนือ |
ตาก |
25 |
บริษัท คลัง ออโตโมบิลส์ จำกัด (สำนักงานใหญ่) |
ตะวันออกเฉียงเหนือ |
นครราชสีมา |
26 |
บริษัท คลัง ออโตโมบิลส์ จำกัด (สาขาบายพาส) |
ตะวันออกเฉียงเหนือ |
นครราชสีมา |
27 |
บริษัท คลัง ออโตโมบิลส์ จำกัด (สาขาปากช่อง) |
ตะวันออกเฉียงเหนือ |
นครราชสีมา |
28 |
บริษัท ซูซูกิเจียงอุดร จำกัด |
ตะวันออกเฉียงเหนือ |
อุดรธานี |
29 |
บริษัท สำราญยนตรการ ชัยภูมิ จำกัด |
ตะวันออกเฉียงเหนือ |
ชัยภูมิ |
30 |
บริษัท ซูซูกิ อุบลราชธานี จำกัด (สำนักงานใหญ่) |
ตะวันออกเฉียงเหนือ |
อุบลราชธานี |
31 |
บริษัท ซูซูกิ อุบลราชธานี จำกัด (สาขาเดชอุดม) |
ตะวันออกเฉียงเหนือ |
อุบลราชธานี |
32 |
บริษัท เลิศวิจิตร ออโต้เซลส์ จำกัด |
ตะวันออกเฉียงเหนือ |
อำนาจเจริญ |
ในอนาคต ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย)ฯ ยังมีแผนงานที่จะขยายงานบริการศูนย์ซ่อมตัวถัง และสีมาตรฐาน Suzuki เพิ่มอีกจำนวน 8 แห่ง เป้าหมายภายในปี 2567 จะต้องมีศูนย์ซ่อมตัวถัง และสี จำ นวน 40 แห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจของ Suzuki และรองรับลูกค้าด้วยบริการ ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกได้อย่างทันท่วงที พร้อมส่งมอบบริการ และประสบการณ์การใช้บริ การที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทุกท่านได้อย่างครบครัน
“เราพยายามในการพัฒนางานบริการหลังการขายของ Suzuki ให้ยกระดับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยสำคัญ คือ เราได้พัฒนาระบบจัดการฐานข้อมูลลูกค้า (Dealer Management System หรือ DMS) ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบเพื่อเข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้ในแบบ Real Time ซึ่งช่วยให้ทราบถึงประวัติการเข้ารับบริการของลูกค้า และสามารถประเมินความต้องการ ไปจนถึงเรื่องของค่าใช้จ่ายในการเข้ารับบริการได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังร่วมมือกับผู้จำหน่ายทุกรายมุ่งเน้นอบรมพนักงานในเชิงปฏิบัติอย่างมืออาชีพให้มีใจรักในการบริการลูกค้าเป็นอย่างดีอีกด้วย”
ทั้งนี้ แม้ Suzuki จะต้องเผชิญการแข่งขันในตลาดที่ค่อนข้างรุนแรง รวมถึงสภาวะการหดตัวลงของตลาด และความเข้มงวดของสถาบันการเงินต่างๆ แต่ในช่วงที่ผ่านมาเรายังคงรักษาระดับยอดขายรถยนต์ไว้ได้อย่างน่าพอใจ ซึ่งนอกจากต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ของ Suzuki เป็นอย่างสูงแล้วนั้น ต้องขอขอบคุณผู้จำหน่ายของ Suzuki ทุกรายที่ทำงานอย่างหนัก จึงขอให้ลูกค้า Suzuki ทุกท่านเชื่อมั่นได้ว่า เราจะยังเดินหน้าพัฒนาคุณภาพในทุกด้านอย่างไม่หยุดยั้ง โดยยึดความสำคัญด้านการบริการทั้งก่อน และหลังการขายเป็นที่ตั้ง เพื่อตอบแทนความไว้วาง ใจที่ลูกค้ามอบให้ จนเราสามารถสร้างยอดขายสะสมนับตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยได้ถึง 311,268 คัน
อย่างไรก็ตาม ปรัชญา “Suzuki Cause We Care-เหนือกว่าความใส่ใจ คือ ความเข้าใจทุกความต้องการ” นอกจากเป็นแนวทางในการยึดมั่นให้เราพัฒนางานบริการ และผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อลูกค้าแล้ว ยังเป็นโครงการที่ต้องการสื่อสารไปยังลูกค้า และคนไทยทุกท่านว่าเราไม่ใช่แค่เพียงผู้ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ แต่เราหวังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม พร้อมกับการพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับการอยู่คู่เคียงข้างชุมชน และสังคมไทยอย่างยั่งยืนอีกด้วย
ไทยฮอนด้าฯ แนะนำ Scoopy Hello Kitty Limited Edition
รถจักรยานยนต์ Honda (ฮอนดา) เปิดตัว Honda Scoopy Hello Kitty Limited Edition ภายใต้คอนเซพท์ Hello Iconic Friend 2 ความสุด ที่ไม่หยุดคิวท์ โดยนำเอาคาแรคเตอร์สุดน่ารักตลอดกาลอย่าง "Hello Kitty" มาคอลแลบกับมอเตอร์ไซค์สุด Iconic อย่าง Honda Scoopy (ฮอนดา สกูพี) เอาใจสาวกคิทตีโดยเฉพาะ โดยมาพร้อมลวดลายสุดน่ารักเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี Hello Kitty ผลิต และวางจำหน่ายเพียง 2,000 คันเท่านั้น พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ เป็นต้นไป ที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ
สำหรับ "Honda Scoopy Hello Kitty Limited Edition" ดีไซจ์นผสานความน่ารักอย่างลงตัวด้วยลวดลาย Hello Kitty รอบคัน เติมสีสันความน่ารักด้วยเฉดสีแดงลงตัวคู่กับรถสีขาว โดดเด่นด้วย 3D Emblem โบว์สีแดงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ความคิวท์ของ Hello Kitty พร้อมโลโก้ที่แสดงถึงการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี อีกทั้งเสริมความลิมิเทดอีกขั้นด้วยสติคเกอร์ระบุ Serial Number ตามจำนวนคันที่ผลิต 2,000 คันเท่านั้นให้สาวกคิทตีได้สะสมกัน
และยังคงดีไซจ์นสุด Iconic ของ Honda Scoopy ด้วย Modern Ring LED Headlight ไฟหน้า LED และไฟ LED Position Right ส่องสว่างทุกเส้นทาง และมอบสมรรถะการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ ESP กับ Honda สมาร์ทเทคโนโลยีระบบหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติ เทคโนโลยีกระจายแรงเบรค ให้การขับขี่สนุกปลอดภัยได้มากขึ้น
พิเศษ สำหรับแฟน Hello Kitty ผู้เป็นหนึ่งในเจ้าของรถ 2,000 คัน จะได้รับพรีเมียมบอกซ์ ได้แก่ เซทกุญแจรีโมทอัจฉริยะในเคสสุดน่ารักจาก Scoopy Hello Kitty รวมถึง Hello Kitty Helmet หมวกกันนอคดีไซจ์นสุดคิวท์ และผ้าพันคอลาย Hello Kitty ไอเทมแฟชันเพิ่มความน่ารักไม่ซ้ำใคร
Honda Scoopy Hello Kitty Limited Edition ผลิต และวางจำหน่ายเพียง 2,000 คันเท่านั้น ในราคาแนะนำ 57,900 บาท
Ford เปิดตัวชุดแต่ง Adventure Pack
Ford ประเทศไทย นำเสนอชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษสำหรับ Ford Everest Sport (ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ท) ตอบโจทย์ลูกค้า Ford (ฟอร์ด) ที่ชื่นชอบการแต่งรถคู่ใจให้มีเอกลักษณ์ด้วยชุดแต่งพิ เศษ Adventure Pack มาในราคาสุดเร้าใจเพียง 20,000 บาท จากราคาปกติ 59,567 บาท พิเศษจำนวนจำกัด เมื่อจอง และออกรถยนต์ Ford Everest Sport พร้อมแพคเกจเทคโนโลยีช่วยการขับ ขี่ขั้นสูง (DAT Pack B) ตั้งแต่วันนี้-31 ตุลาคม 2567 และจัดไฟแนนศ์ผ่าน Ford Leasing พร้อมโปรโมชันพิเศษต่อที่ 2 ด้วยดอกเบี้ย 0.99 % ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อมชุดแต่ง
เมธัส ลิขิตสัจจากุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด Ford ประเทศไทย กล่าวว่า Ford Everest Sport เป็นรถยนต์อเนกประสงค์สำหรับครอบครัวที่พร้อมเป็นเพื่อนคู่ใจในทุกการเดินทาง นอกจากการออก แบบสุดเท่ สมรรถนะที่ดีเยี่ยม และแพคเกจเทคโนโลยีความปลอดภัยที่มาในราคาคุ้มค่าแล้ว ชุดแต่ง Adventure Pack ยังนับเป็นการรวบรวมชุดแต่งยอดนิยมที่เหมาะสำหรับการผจญภัยในวันหยุดพักผ่อนมานำเสนอในราคาเร้าใจ เราจัดเต็มด้วยชุดแต่งดีไซจ์นเท่ และอุปกรณ์เสริมสำหรับบรรทุกสัมภาระเพิ่มเติม ซึ่งเรามั่นใจว่าจะช่วยเสริมให้ Ford Everest Sport ตอบโจทย์การใช้งานที่ลูกค้ามองหาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ Adventure Pack ช่วยเสริมความเท่ และดุดันให้แก่ตัวรถด้วย กระจังหน้า Ford สีดำ คิ้วไฟหน้า และคิ้วไฟท้ายสีดำ สติคเกอร์ตกแต่งด้านข้างตัวรถ เสริมลุคสปอร์ทด้วยชุดคิ้วโป่งล้อสีดำด้าน เสริมหล่อภายในด้วยชุดชายบันไดประตู สเตนเลสส์ พร้อมตอบโจทย์ไลฟสไตล์ลูกค้าที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวแบบผจญภัยสายแคมพิงด้วยชุดแรคติดหลังคา ARB ชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ Adventure Pack เป็นอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษซึ่งจำหน่าย และติดตั้งโดยผู้จำหน่าย Ford ลูกค้าที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่ผู้จำหน่าย Ford ทั่วประเทศ โดยอุปกรณ์ตกแต่งแท้ Ford มาพร้อมการรับประกันคุณภาพสูงสุด 5 ปี/150,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) ลูกค้าที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ www.ford.co.th
Ford Everest Sport พร้อมแพคเกจเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง (DAT Pack B) รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่มอบทั้งความสมบุกสมบันในการเดินทาง ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ในราคาสุดคุ้ม ด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย รูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ พร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และตกแต่งแนวสปอร์ท จำหน่ายในราคา 1,580,000 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีดำ Absolute Black สีน้ำตาล Equinox Bronze สีเทา Meteor Gray สีน้ำเงิน Lightning Blue สีเงิน Aluminium Metallic และสีขาว Snow flake White Pearl (เพิ่มเงิน 12,000 บาท)
หมายเหตุ:
1. แพคเกจ และอุปกรณ์เสริมสำหรับ Ford Everest Sport พร้อมแพคเกจเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง (DAT Pack B) ราคา 58,000 บาท
อัพเกรดจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch จากขนาด 10.1 นิ้ว เป็น 12 นิ้ว
ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop & Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง
ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัจฉริยะ Auto High Beam
ระบบช่วยเบรคอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน AEB with Pedestrian Detection
ระบบเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning System
ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง
ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด
กล้องมองรอบคัน 360 องศา
ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง
ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ
โค้งสุดท้าย! “MotoGP สนามประเทศไทย” ระดมเข้มทุกภาคส่วน
กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะแม่งานใหญ่ ประชุมแผนงานรองรับมหกรรมกีฬาสุดยิ่งใหญ่ “MotoGP” สนามที่ 18 ภายใต้ชื่อรายการ PT Grand Prix of Thai land 2024 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จัดชิงชัยที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ. บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2567
ปรีชา ลาลุน รองผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพ และกีฬามวย เปิดเผยว่า PT Grand Prix of Thailand 2024” เป็นรายการแข่งขันระดับโลก ที่มีความสำคัญต่อประเทศไทย ทั้งในแง่ของการแสดงศักยภาพของคนไทยในการจัดการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างภาพจำ เผยแพร่เอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยในรูปแบบ “MotoGP วิถีไทย” ที่ไม่เหมือนกับชาติใดในโลก
“สำหรับปีนี้เราได้ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด หรือ PTG เข้ามาสนับสนุน ในฐานะไตเติลสปอนเซอร์ เชื่อมั่นว่าการจัดงานจะออกมายิ่งใหญ่ อลังการ และสนุกสุดมันส์ไม่แพ้ปีก่อนๆ อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของพื้นที่ต้อนรับแฟนๆ (Welcome Area ), พื้นที่กิจกรรม(Commercial Area) ที่ผู้สนับสนุน และร้านค้ารายย่อยต่างๆ ได้จัดเตรียมไว้มากมาย ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), กรมการขนส่ง, บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด, น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง, Honda (ฮอนดา), Yamaha (ยามาฮา), Toyota (โตโยตา), Ducati (ดูคาติ) และร้านค้าย่อยอื่นๆอีกมากมาย ที่พร้อมแล้วที่จะสร้างสีสัน ความสนุกให้แก่แฟนๆ ตลอด 3 วันเต็ม ซึ่งพื้นที่กิจกรรม (Commercial Area) ของ ThaiGP ยิ่งใหญ่ อลังการ ครบรสชาติ และสนุกกว่า Grand Prix อื่นๆ มาก จนได้รับเสียงชื่น ชมจากหลายๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนักแข่ง ทีมแข่ง Dorna Sport สื่อมวลชน และแฟนๆ จากทั่วโลก ต่างยกให้เป็นหนึ่งในไฮไลท์ และเสน่ห์ของการจัดแข่งขันสนามประเทศไทย”
ด้านจังหวัดบุรีรัมย์ในฐานะเจ้าบ้าน ได้จัดสัมมนาเตรียมพร้อมจัดการแข่งขัน MotoGP 2024 ที่ ห้องประชุมช้าง อารีนา จ. บุรีรัมย์ นำโดย นฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย เนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเทด เป็นประธานการประชุม ในการเตรียมความพร้อมในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์
ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า การจัด MotoGP สนามประเทศไทยในปีนี้ ควรมีความแตกต่างจากทุกครั้งที่จัดมา โดยชูจุดเด่นด้านต่างๆ ที่เคยสร้างความประทับใจและชื่นชมให้ดียิ่งขึ้นไป ขณะเดียว กันก็ให้นำเอาข้อบกพร่อง ข้อเสนอแนะจากประชาชน และนักท่องเที่ยวมาเป็นบทเรียน เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์ที่สุด โดยจะมีการนำเสนออัตลักษณ์ และเสน่ห์ความเป็นจังหวัดบุรีรัมย์มากยิ่งขึ้น
ด้วย “บุรีรัมย์ สแตนดาร์ด” มาตรฐานการจัดงานระดับโลกในแบบของ “ฅนบุรีรัมย์” สู่ MotoGP ที่ดีที่สุดในโลกที่จะสร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้แก่ประเทศไทย ผ่านความร่วมมือร่วมใจของหน่วยต่างๆ ทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ที่มาร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นด้านที่พัก และอาหาร, การแพทย์ และสาธารณสุข, การคมนาคมขนส่ง, ความสงบเรียบร้อย และการจัดระเบียบจราจร, สถานที่จัดการแข่งขัน, สาธารณูปโภค, ระบบสื่อสาร และโทรคมนาคม, การดูแลความสะอาด การต้อนรับ และการจัดแสดงสินค้า และด้านการอำนวยความสะดวก ที่จะมีการจัดเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมาคอยให้บริการตามจุดต่างๆ
โดยมีการคาดการณ์ว่าจะมีผู้ที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้เพิ่มมากขึ้น จากการจัดครั้งที่ผ่านมา ดังนั้นจึงมีการตั้งเป้าในเรื่องของการกระจายรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งคาดว่าจะเกิดเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจมากถึง 5,000 ล้านบาท
Hyundai ทุ่ม 1,000 ล้าน ผลิต Ioniq ในประเทศไทย
บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และแบทเตอรีครบวงจรในประเทศไทย หลัง ฮุนได โมบิลิตี้ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประ เทศไทย)ฯ ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ตามนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย EV3.5 ซึ่งโครงการดังกล่าวมีโรงงานประกอบรถ ยนต์ชั้นนำภายในประเทศไทย เป็นพันธมิตรสำคัญ
เจ กิว จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า Hyundai (ฮันเด) ประกาศแผนการลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และแบทเตอรีครบวงจรในประเทศไทย โดยการลงทุนครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการเร่งการเปลี่ยนถ่ายตลาดรถยนต์ของประเทศไทย เข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็วขึ้น ด้วยการเพิ่มทางเลือก Ioniq (ไอโอนิก) รถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูงที่ผลิตขึ้นภายในประเทศ และเพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมให้กับผู้บริโภค ทั้งยังช่วยลดมลพิษบนท้องถนน เพื่ออากาศที่สะอาดขึ้นสำหรับทุกคน ถือเป็นการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ "ความก้าวหน้าเพื่อมนุษยชาติ"
ในฐานะแบรนด์ผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับสากลจากเกาหลีใต้ ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างยาวนาน เรามีความเชื่อมั่นในศักยภาพ และกำหนดให้ประเทศไทย เป็นหนึ่งในทำเลยุทธศาสตร์ของ Hyundai ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาอย่างต่อเนื่อง เมื่อรัฐบาลไทยได้ออกนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม ตามมาตรการ EV3.5 Hyundai จึงพร้อมขานรับต่อการสนับสนุนครั้งนี้อย่างเต็มที่ ในวันนี้ เราได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการ BOI ในการลงทุนเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Ioniq และแบทเตอรีครบวงจร นับเป็นอีกหน้าประวัติ ศาสตร์ครั้งสำคัญของ Hyundai ในการร่วมสร้างรากฐานของรถยนต์ไฟฟ้าในไทยอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า และร่วมผลักดันอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ สู่อนา คตอย่างมั่นคง และยั่งยืน
โครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) และแบทเตอรีครบวงจรครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่าง บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้ลงทุนโครงการ กับพันธมิตรรายสำ คัญเป็นโรงงานประกอบรถยนต์ชั้นนำภายในประเทศ ซึ่งมีความพร้อมในการเริ่มลงทุนทันที โดยตั้งเป้าหมายเริ่มการผลิตในช่วงต้นปี 2569
บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการร่วมมือกับ BOI ในการพิจารณาแผนจัดหาชิ้นส่วน จากกลุ่มผู้ผลิตในประเทศไทย เพื่อเชื่อมโยงหุ้นสวนธุรกิจทุกฝ่าย เข้าสู่ระบบห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมรถยนต์ให้ได้มากที่สุด นอกจากนั้น บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด อยู่ระหว่างการดำเนินงานตามขั้นตอนขออนุมัติเข้าร่วมโครงการ EV3.5 จากกรมสรรพสามิตร ซึ่งจะมีการดำเนินงานในขั้นตอนต่อไป หลัง ฮุนได โมบิลิตี้ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย)ฯ ได้รับใบอนุญาตจาก BOI โดยจะมีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับโครงการนี้อีกครั้งในอนาคต
มาตรการ EV3.5 เป็นมาตรการที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาล ที่ต้องการสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางของยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาค โดยมาตรการ EV3.5 นี้มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนให้เกิดการลงทุน ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเพิ่มเติม ตลอดจนส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายเดิมเปลี่ยนถ่ายสู่ยานยนต์ไฟฟ้า และดึงบริ ษัทรถยนต์รายใหม่ ให้เข้ามาตั้งฐานผลิตในประเทศเพิ่มมากขึ้น