ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
เอเอเอสฯ ทุ่มงบประมาณมากกว่า 1.5 พันล้าน ขยายอาณาจักร Porsche อย่างยิ่งใหญ่
เอเอเอสฯ ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Porsche (โพร์เช) อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ประกาศเดินหน้าขยายอาณาจักร ด้วยการทุ่มงบประมาณกว่าพันล้าน รีโนเวทโชว์รูม และขยายพื้นที่ศูนย์บริการ Porsche Centre Pattanakarn และการก่อสร้าง Porsche Centre Bangkok ใหม่ รวมถึงเปิดตัวโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการแห่งใหม่ Porsche Centre Kallapapreuk เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ Porsche ในประเทศไทย และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายใต้คอนเซพท์ Destination Porsche ที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ของแบรนด์รถสปอร์ทระดับโลกจากเยอรมนีอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น และร่วมสมัย พร้อมด้วย Digital Screen เพื่ออำนวยความสะดวกในขั้นตอนการขายให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มพื้นที่ส่งมอบรถยนต์ใหม่ พื้นที่รับรองลูกค้า และพื้นที่จัดแสดง Porsche Approved และ Porsche Lifestyle พร้อมศูนย์บริการคาร์ดีเทลิงครบวงจร AAS Auto Detailing Centre และศูนย์ซ่อมสี และตัวถัง AAS Body and Paint Centre of Excellence อีกด้วย
Porsche Centre Pattanakarn กำลังดำเนินการขยายพื้นที่ศูนย์บริการครั้งใหญ่ พร้อมเนรมิตโชว์รูมโฉมใหม่สุดอลังการ ด้วยพื้นที่รวมกว่า 5,000 ตรม. รองรับการบริการด้วยช่องซ่อมกว่า 20 ช่อง ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากเดิม พร้อมรองรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) ที่กำลังเติบโต ด้วยบริการดูแล และซ่อมแซมแบทเตอรีมาตรฐานเดียวกับโรงงานจากประเทศเยอรมนี โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านระบไฟฟ้าแรงสูง (Qualified High-Voltage Battery Expert) ด้วยความตั้งใจในการมอบความเหนือระดับให้แก่ลูกค้าเอเอเอสฯ ทุกท่าน โดยคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงต้นปี 2025 ไฮไลท์สำคัญของการปรับโฉมครั้งนี้ คือ พื้นที่จัดแสดงชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Manthey Performance Kit สุดเอกซ์คลูซีฟ ซึ่งเอเอเอสฯ ได้รับเกียรติเป็นผู้นำเข้า และผู้ให้บริการติดตั้ง Manthey Performance Kit อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ถือเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทฯ มีทีมช่าง Porsche Classic Technician และวิศวกรผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการทดสอบระ ดับเหรียญทอง ZPT3 Gold Theory Test & Recertification ซึ่งมีจำนวนมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค มั่นใจได้ว่ารถของคุณจะได้รับการดูแลรักษาอย่างพิถีพิถันตามมาตรฐานสูงสุดของ Porsche
Porsche Centre Bangkok สาขาดอนเมือง ศูนย์บริการ Porsche ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตครั้งยิ่งใหญ่ด้วยการก่อสร้างครั้งสำคัญบนพื้นที่รองรับการบริการกว่า 20,000 ตรม. คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในต้นปี 2026 โดยจะมีช่องซ่อมรถยนต์รวมกว่า 35 ช่อง พร้อมให้บริการดูแล และซ่อมแซมแบทเตอรรีมาตรฐานโรงงานเช่นเดียวกับ Porsche Centre Pattana karn ช่วยลดระยะเวลา และค่าใช้จ่ายในการบริการ เพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งติดตั้งเครื่องชาร์จแบทเตอรีจำนวนมาก อาคารใหม่ของ Porsche Centre Bangkok สาขาดอนเมือง ยังได้รับการรับรอง LEED Gold Certified จากสถาบัน USGBC ยืนยันความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็น Porsche Classic Partner แห่งแรกของโลก และแห่งเดียวในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านบริการ และนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 30 ปี ในการจำหน่ายรถใหม่-รถใช้แล้ว, การบริการหลังการขาย, คาร์ดีเทลิง, ศูนย์ซ่อมสี และตัวถัง, ประกันภัยฯลฯ เอเอเอสฯ ก้าวสู่ความสำเร็จอีกขั้นด้วยการเปิดตัว Porsche Centre Kallapapreuk โชว์รูม และศูนย์บริการ Porsche แห่งใหม่ล่าสุด บนทำเลทองย่านกัลปพฤกษ์ ด้วยพื้นที่กว่า 10,000 ตรม. พร้อมช่องซ่อมจำนวนเริ่มต้น 15 ช่อง รองรับทั้งรถยนต์สันดาป และรถยนต์ไฟฟ้าด้วยมาตรฐานการดูแล และซ่อมแซมเดียวกับโรงงาน พร้อมเปิดให้บริการต้นปี 2026 อาคารได้รับการรับรอง LEED Gold Certified จากสถาบัน USGBC ยืนยันความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกับ Porsche Centre Bangkok สาขาดอนเมือง พร้อมด้วยศูนย์บริการคาร์ดีเทลิงครบวงจร AAS Auto Detailing Centre และศูนย์ซ่อมสี และตัวถัง AAS Body and Paint Centre of Excellence ที่ได้รับการรับรองจาก Porsche เยอรมนี พร้อมอัพเดทเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าในโซนกรุงเทพตะวันตก และสมาชิกใหม่ในครอบครัวเอเอเอสฯ ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
การเปิดตัว Porsche Centre Kallapapreuk ถือเป็นก้าวสำคัญของเอเอเอสฯ ในการขยายเครือข่ายโชว์รูม และศูนย์บริการ Porsche ให้ครอบคลุมทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าในต้นปี 2026 จะสามารถรองรับการบริการรถยนต์ Porsche ในประเทศไทยได้มากขึ้นถึง 3 เท่าจากปัจจุบัน หรือเป็นจำนวณรวมกว่า 3,900 คัน/เดือน ซึ่งจะทำให้เอเอเอสฯ กลายเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ Porsche อย่างเป็นทางการที่มีศักยภาพการรองรับการบริการสูงสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค เพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าภายใต้นโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “AAS Looking after You and Your Car” เพื่อตอกย้ำความเป็น “AAS The Name You Can Trust” ในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ระดับพรีเมียมในประเทศไทย
Ford เปิดจอง Everest Platinum ใหม่
Ford ประเทศไทย เดินหน้าต่อยอดความสำเร็จจากเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้า ประกาศเปิดรับจอง Ford Everest Platinum (ฟอร์ด เอเวอเรสต์ พแลทินัม) ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 ลอทใหม่ ไม่จำกัดจำนวน ราคาเดิม 2,279,000 บาท พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 17 กันยายน 2567 เวลา 10:00 น. เป็นต้นไป ผ่านช่องทางออนไลน์ www.ford.co.th
รัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ Ford ประเทศไทย กล่าวว่า Ford Everest Platinum ได้รับความนิยมจากลูกค้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มเปิดตัว และเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เราจึงทำงานร่วมกับทีมฝ่ายผลิตอย่างใกล้ชิดในการจัดสรรรถยนต์เพิ่มเติม ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Ford ในการนำเสนอรถยนต์ที่มีคุณภาพระดับโลกให้แก่ลูกค้าชาวไทยอย่างเต็มที่ ทำให้ต้องประกาศเปิดรับจอง Ford Everest Platinum ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 ลอทใหม่ ไม่จำกัดจำนวน ราคาเดิม 2,279,000 บาท พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 17 กันยา ยน 2567 เวลา 10:00 น. เป็นต้นไป ผ่านช่องทางออนไลน์ www.ford.co.th
พร้อมเชิญชวนผู้ที่สนใจร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ Ford Everest Platinum ที่จะทำให้คุณรู้สึกถึงความ "กล้าทุกความท้าทาย" ในกิจกรรม "The Unexpected Driving Experience" วันที่ 5-6 ตุลาคมนี้ ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์
Ford Everest Platinum 3.0 ลิตร วี 6 เป็นรุ่นย่อยใหม่ล่าสุดของรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มองหาความเป็นเลิศในการใช้ชีวิตขณะที่ยังคงแสวงหาการผจญภัย ด้วยสมรรถนะ และเทคโนโลยีที่เหนือชั้น ดีไซจ์นที่เน้นความเท่ ดุดัน เรียบหรูตามแบบฉบับ Platinum รวมถึงอีกขั้นของความหรูหรา และสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร มาพร้อมขุมพลังใหม่เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 และเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ แบบ E-Shifter มอบพละกําลังสูงสุด 250 แรงม้า แรงบิด 600 นิวทันเมตร เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำลัง และแรงบิดมากขึ้น ด้วยสมรรถนะ และเทคโนโลยีเหนือชั้น พร้อมดีไซจ์นที่เน้นความเรียบหรูตามแบบฉบับ Platinum มีสีภายนอกให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีเงิน Aluminium Metallic สีเทา Meteor Gray สีดำ Absolute Black สีน้ำตาล Equinox Bronze และสีขาว Snowflake White Pearl
Ford Everest Platinum ใหม่ มาพร้อมแคมเปญส่งเสริมการขายเดิม ดอกเบี้ย 1.99 % นาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้น 1 โดยจะทยอยส่งมอบถึงมือลูกค้าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป ตามลำดับคิวที่ลูกค้าจองผ่านช่องทางออนไลน์
เปิดแล้ว ! โชว์รูมรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม-ลักชัวรี Zeekr ศรีนครินทร์
Caltex รุกขยายค้าปลีก ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10 %
CaLtex รุกขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันครอบคลุมทั่วประเทศ และประกาศเป็นพันธมิตรกับบริษัท เพียวพลังงานไทย จำกัด (เพียวไทย) ประกอบธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงภายใต้แบรนด์ Caltex จำนวน 78 สถานีบริการ พร้อมเผยผลการดำเนินงานภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง Caltex ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย สะท้อนกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้า วางแผนลุยเสริมความแข็งแกร่งสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่อง คาดธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงเติบโตตามเป้าหมาย 10 % ในปีนี้
ชาแชงค์ นานาวาติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านการพาณิชย์ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPRC) ซึ่งมีบริษัท สตาร์ ฟูเอลส์มาร์เก็ตติ้งจำกัด เป็นบริษัทในเครือ ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการประกอบธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงภายใต้ชื่อ Caltex ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง Caltex ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สะท้อนถึงความสำเร็จจากกลยุทธ์ทางธุรกิจ และการมุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูง การขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน Caltex และบริการในส่วนของ Non-Oil เสริมการสื่อสารด้านการตลาด และทำโปรโมชันเต็มรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มียอดขายของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง Caltex เติบโตในครึ่งปีแรกของ 2567 นี้
ทั้งนี้ บริษัท สตาร์ ฟูเอลส์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (บริษัทฯ) จะยังคงเดินหน้าตามแผนการเติบโตธุรกิจเชิงกลยุทธ์ รุกขยายสถานีบริการน้ำมัน Caltex จากปัจจุบันที่มีอยู่ทั่วประเทศประมาณ 450 แห่ง ให้มีสถานีบริการน้ำมัน Caltex เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้เป็นพันธมิตรกับเพียวไทยในการให้เพียวไทยประกอบธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง Caltex และเปิดให้บริการสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ Caltex จำนวน 78 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งการดำเนินการปรับปรุงสถานีบริการน้ำมันให้เป็นสถานีบริการน้ำมันภายใต้เครื่องหมายการค้า Caltex เริ่มทยอยดำ เนินการในเดือนกันยายน 2567 เป็นต้นไป และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม ปี 2568
“ภายหลังจากการเป็นพันธมิตรกับเพียวไทย และการดำเนินการปรับปรุงสถานีบริการน้ำมันแล้วเสร็จครบถ้วน จะทำให้มีจำนวนสถานีบริการน้ำมัน Caltex เพิ่มขึ้น เป็นจำนวนรวมโดยประมาณ 528 แห่ง ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีของ Caltex ในการต่อยอดธุรกิจ สร้างเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ และขยายฐานลูกค้าอย่างครอบคลุม อย่างไรก็ตาม Caltex ย้งคงเดินหน้าขยายการให้บริการอย่างไม่หยุดนิ่ง ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มเป็น 800 สาขาภายใน 5 ปี โดยงบประมาณในการขยายสถานีบริการแต่ละแห่งนั้นขึ้นอยู่กับ โลเคชัน ขนาดพื้นที่ และส่วนประกอบอื่นๆ โดยแต่ละสถานีจะใช้งบประ มาณอยู่ที่ 25-50 ล้านบาท"
“บริษัทฯ มั่นใจว่าภาพรวมธุรกิจค้าปลีกน้ำมันภายใต้แบรนด์ Caltex หลังการเป็นพันธมิตรกับเพียวไทยในปีนี้ จะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง Caltex เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 10 % ในสิ้นปี 2567 รวมถึงการขยายการเข้าถึงผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพ Caltex ที่มีส่วนผสมของเทครอน อันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Caltex ได้สะ ดวกมากขึ้นอีกด้วย”
สมปรารถนา เจิมศิริวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการลงทุน และพัฒนาธุรกิจค้าปลีก บริษัท สตาร์ ฟูเอลส์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (SFL) กล่าวว่า นอกเหนือจากการขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำ มัน บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการขยายบริการในส่วนของ Non-Oil เพื่อเติมเต็มความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าที่ใช้บริการสถานีบริการน้ำมันด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร และคู่ค้าที่หลากหลาย อาทิ ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ศูนย์ซ่อมบำรุง และรักษารถยนต์ ฯลฯ โดยตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนร้านค้าให้ครอบคลุม 85 % ของจำนวนสถานีบริการน้ำมัน Caltex ทั้งหมดภายในปี 2568 จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 80 % ของจำนวนสถานีบริการน้ำมัน Caltex ทั้งหมด ซึ่งในส่วนนี้จะเข้าไปเสริมในสถานีบริการน้ำมัน Caltex หลายแห่งที่อยู่ภายใต้การบริหารของเพียวไทยด้วย โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้ของ Non-Oil จาก 15 % ให้เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 30-35 % ภายใน 5 ปี
“นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดเตรียมงบในส่วนของแผนการตลาด และการสื่อสาร ไว้ที่ 125 ล้านบาท เพื่อการสร้างแบรนด์อย่างครบวงจรมุ่งมั่นตอบโจทย์ลูกค้าผู้ใช้บริการสถานีบริการน้ำมันในปัจจุบันที่มีความต้องการที่ค่อนข้างหลากหลายให้ได้ครบถ้วนมากที่สุด บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานีบริการน้ำมัน Caltex จะช่วยสร้างความสุข และประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับนักเดินทางในทุกๆ โอ กาส”
Subaru เตรียมส่งไฮบริดสู่ตลาดปีหน้า
บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ Subaru (ซุบารุ) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ประกาศความพร้อมในการจำหน่ายรถ Subaru นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น วางแผนลงตลาดภายในไตรมาสแรกปีหน้า ส่ง 2 รุ่นธงในตระกูล E-Boxer Hybrid สู้ศึก นำร่องด้วย Subaru Crosstrek E-Boxer Hybrid (ซูบารุ ครอสส์ทเรค อี-บอกเซอร์ ไฮบริด) ตามด้วย All-New Subaru Forester E-Boxer Hybrid (ออลล์-นิว ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ครอสส์ทเรค อี-บอกเซอร์ ไฮบริด)
สุรีทิพย์ ละอองทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีหน้า Subaru ประเทศไทย เตรียมนำเข้ารถ SUV 2 รุ่นยอดนิยมของซูบารุจากตระกูล E-Boxer Hybrid มาจำ หน่ายในตลาดเมืองไทย เปิดตลาดด้วยครอสส์โอเวอร์ยอดนิยมในตลาด U.S. รุ่น Crosstrek ทั้งคุณสมบัติการใช้งาน สมรรถนะที่ใช้ได้กับทุกสภาพอากาศ สภาพถนน ในดีไซจ์นเฉพาะตัวที่สปอร์ทหนักแน่น ครอสส์โอเวอร์คันเดียวที่สะท้อนอารมณ์สปอร์ทจากสนามแข่งสู่ท้องถนนได้อย่างชัดเจน เป็นไฮบริดครอสส์โอเวอร์ของ Subaru รุ่นแรกที่แฟนชาวไทยจะได้สัมผัสสมดุลระหว่างสมรรถนะกับการประหยัดน้ำมันจาก E-Boxer เทคโนโลยีหลักที่เป็นหัวใจของรถยังคงเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่กระจายกำลังอย่างอิสระ เครื่องยนต์ E-Boxer พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า โครงสร้างตัวถังโกลบอล พแลทฟอร์ม และระบบช่วยขับขี่ EyeSight Subaru Crosstrek จะเป็นรถที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ Work ‘n Play ของคนรุ่นใหม่ผู้รักอิสระ และใช้ชีวิตหลากหลายมากขึ้น
จากนั้นจะแนะนำ All-New Subaru Forester E-Boxer Hybrid เจนใหม่ ดีไซจ์นใหม่หมด พร้อมขุมพลังใหม่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ขนาดรถใหญ่ขึ้น และอัตราประหยัดน้ำมันดีขึ้น ใช้งานได้ทุกวัตถุประ สงค์ ทุกจุดหมาย ทุกรูปแบบเส้นทาง Subaru วางกลยุทธ์การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน เมื่อเปลี่ยนถ่าย Business Model จากที่จำหน่ายรถ CKD เป็นหลักไปสู่การจำหน่ายรถ CBU หรือรถนำเข้า เป็นโอกาสที่ได้ส่งต่อคุณภาพต้นฉบับจากประเทศแม่ (Home of Origin) สู่ผู้ใช้รถคนไทย และกลยุทธ์เรื่องราคาที่มั่นใจว่าระดับราคาดีที่สุดในตลาดรถนำเข้าจากญี่ปุ่น สนนราคาจำหน่ายของ Crosstrek เริ่มต้นที่ 1.8 ล้านบาท
เริ่มจากปี 2568 Subaru จะนำเข้ารถมาจำหน่ายทั้งหมด 5 รุ่น รวม BRZ (บีอาร์เซด), WRX (ดับเบิลยูอาร์เอกซ์) และ Outback (เอาท์แบค) ขณะที่รถผลิตในประเทศ (CKD) จากโรงงานในนิคมอุต สาหกรรมลาดกระบัง กำลังจะหมดลงภายในสิ้นปีนี้
แม้ตลาดรถยนต์ประเทศไทยปัจจุบันนี้จะเป็นยุคที่ตลาดมีการแข่งขันสูงมากที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา แต่เนื่องด้วยรถผลิตในประเทศเหลือไม่มากนัก แคมเปญโปรโมชันยังคงมีให้ในระดับที่ผู้จำหน่ายแข่งขันได้ในตลาด และยังคงให้แพคเกจดูแลรถ 6-Star Care+ เป็นแพคเกจมาตรฐานพร้อมกับตัวรถนาน 5 ปี ครอบคลุมดูแลค่าบำรุงรักษาฟรีทั้งค่าแรง-ค่าอะไหล่ 5 ปี หรือ 100,000 กม., รับประ กันตัวรถนาน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. 5 ปี ในโอกาสฉลองครบรอบ 55 ปีของ Subaru ในประเทศไทย โปรโมชันวันนี้-30 กันยายน 2567
Maserati เปิดโชว์รูมอัตลักษณ์ใหม่ ใจกลางกรุงเทพฯ
Maserati ประเทศไทย นำเสนอโชว์รูมอัตลักษณ์ใหม่ ใจกลางกรุงเทพฯ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ภายใต้คอนเซพท์ Atelier of Passion หรือห้องศิลป์แห่งความหลงใหล ที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ ที่มีต้นกำเนิดจากสนามแข่งได้อย่างเด่นชัด พร้อมนำเสนอประสบการณ์การขับที่เปี่ยมด้วย ความสุนทรีย์ ตามแบบฉบับอิตาเลียนลักชัวรีอย่างแท้จริง
ปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป Maserati ประเทศไทย กล่าวว่า โชว์รูมอัตลักษณ์ใหม่ รังสรรค์ขึ้นภายใต้คอนเซพท์ Atelier of Passion นำพาเข้าสู่โลกแห่งยนตรกรรมในฝันที่เปี่ยมไปด้วยการนำเสนอประสบการณ์ความหรูหราสไตล์อิตาเลียน และสะท้อนถึงทิศทางในการผลิตยนตรกรรมสายพันธุ์ Folgore (โฟลกอเร) ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100 % รวมถึงตำนานที่กำเนิดมาจากสนามแข่ง กับยนตรกรรมที่หลากหลาย อาทิ MC20 (เอมซี 20), Grecale (กเรคาเล), Ghibi (กีบลี) และอื่นๆ อีกทั้งความได้เปรียบของการตั้งอยู่ในศูนย์การค้าใจกลางเมือง ที่สามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวก สามารถดึงดูดทั้งลูกค้าปัจจุบัน รวมถึงแฟนๆ Maserati (มาเซราตี) นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป นับเป็นการเพิ่มโอกาสการมองเห็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โชว์รูมแบบใหม่ เอาใจคนเมือง เชื่อมต่อโลกแห่งยนตรกรรมในฝัน สไตล์อิตาเลียนลักชัวรี
พื้นที่แห่งนี้ ได้รับการออกแบบตามแนวคิดใหม่ สไตล์ Urban Concept คือ การทำให้โชว์รูมมีความเหมาะสมกับจังหวะชีวิตที่กระฉับกระเฉงของคนเมือง เป็นเสมือนดินแดนแห่งศิลปะ และความประ ณีต ของนักออกแบบ ผสานความคลาสสิคสไตล์อิตาเลียน ณ จุดบรรจบอันสมบูรณ์แบบแห่งวิวัฒนาการ และการปรับเปลี่ยน เราได้บรรลุถึงขีดสุดของการพัฒนารูปแบบเมืองสมัยใหม่ ผสานความก้าวล้ำ ทางนวัตกรรม เข้ากับเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของภูมิทัศน์เมือง โชว์รูมแห่งนี้จึงเปรียบได้กับประตูสู่โลกแห่ง Maserati ชวนให้ผู้มาเยือนได้เข้าถึง และสัมผัสมนต์เสน่ห์ของตำนานที่ยังมีตัวตน ตลอดจนจิตวิญญาณอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
Atelier of Passion ห้องพิเศษเป็นส่วนตัว แต่งรถได้ตามใจ เหมือนอยู่ในอิตาลี
โชว์รูมล้อมรอบด้วยกระจกใส มองเห็นได้จาก 3 ด้าน พร้อมมียนตรกรรมไฮไลท์อยู่กลางห้อง เสมือนเป็นอาร์ทแกลเลอรีที่จัดแสดงงานศิลป์ชั้นเลิศ แต่งด้วยโทนสีเทา ให้ความรู้สึกเคร่งขรึม และมีประตูที่นำไปสู่ห้องพิเศษตามคอนเซพท์ Atelier of Passion ที่ถ่ายทอดผ่านการผสมผสานระหว่างความเป็นแกลเลอรีศิลปะสมัยใหม่ และโชว์รูมรถยนต์ นำเสนอประสบการณ์เสมือนจริง กระตุ้นประ สาทสัมผัสทุกด้าน ดำดิ่งสู่โลกแห่งความปรารถนาอันเร่งเร้า ดุจดั่งความเร็วที่พุ่งทะยานของเครื่องยนต์ Maserati ผสานกับแรงบันดาลใจอันไร้ขีดจำกัด เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถรังสรรค์รายละ เอียดการตกแต่งยนตรกรรม Maserati คันโปรดได้ตามจินตนาการแบบ Immersive 3D เรียกว่าโปรแกรม Fuoriserie ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันกับโชว์รูมในประเทศอิตาลี และนับเป็นโชว์รูม Maserati ที่มาพร้อมอัตลักษณ์ใหม่ เป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
EV Station PluZ เดินหน้ารุกขยาย Charging Hub
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ร่วมยกระดับความมั่นใจในการเดินทางของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการขยายเครือข่าย EV Station PluZ ในรูปแบบ Charging Hub ที่สามารถรองรับการชาร์จพร้อมกันสูงสุดถึง 8 หัวชาร์จ กำลังไฟฟ้าสูง 180 กิโลวัตต์ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในสถานีบริการ ตั้งเป้าเปิดบริการครบ 10 สาขาภายในปี 2567
สุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ และพิมาน พูลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า EV Station PluZ มีแผนเปิดบริการ Charging Hub ให้ครบ 10 สาขาภายในปี 2567 นี้ โดยปัจจุบันได้เปิดให้บริการนำร่องแล้ว 2 สาขา ได้แก่ สถานีบริการ PPT Station สาขาสระบุรี และสาขาหัวหิน จ. ประจวบคีรี ขันธ์ รวมถึงมีแผนขยาย Charging Hub เพิ่มเติมในเส้นทางหลัก และพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ เช่น สาขาสีคิ้ว จ. นครราชสีมา สาขาขาณุวรลักษบุรี จ. กำแพงเพชร สาขาท่าแซะ จ. ชุมพร สาขาร่วมใจบริการ (2002) จ. บุรีรัมย์ สาขาบ้านไผ่ จ. ขอนแก่น สาขาวชิรบารมี จ. พิจิตร สาขาไชยา (ขาขึ้น) จ. สุราษฎร์ธานี และสาขาแยกหาดจอมเทียน จ. ชลบุรี
ปัจจุบัน EV Station PluZ มีเครือข่ายสถานีชาร์จที่ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้นกว่า 950 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567) โดยเป็นหัวชาร์จ DC 1,800 หัว ซึ่งสถานีเหล่านี้รองรับการชาร์จทั้งในเส้นทางหลัก แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และพื้นที่การให้บริการเชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า โรงแรม รีสอร์ท อาคารสำนักงาน ร้านอาหาร หรือโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามั่นใจว่าไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็สามารถเข้าถึงจุดชาร์จไฟฟ้าได้อย่างแน่นอน