ธุรกิจ
สอท. เผยยอดอุตสาหกรรมรถยนต์ เดือน สค.
สอท. เผยเดือนสิงหาคม 2567 ผลิตรถยนต์ 119,680 คัน ลดลงร้อยละ 20.56 ขาย 45,190 คัน ลดลงร้อยละ 24.98 ส่งออก 86,066 คัน ลดลงร้อยละ 1.70 ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 352 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17,500 ขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 7,302 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.44
สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ของประเทศในเดือนสิงหาคม 2567 ดังต่อไปนี้
การผลิต
จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนสิงหาคม 2567 มีทั้งสิ้น 119,680 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 20.56 เพราะผลิตเพื่อขายในประเทศ และผลิตเพื่อส่งออกลดลงร้อยละ 40.49 และ 6.62 ตามลำดับจากการผลิตรถกระบะลดลง และลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 4.12
จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,005,749 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 17.69
รถยนต์นั่ง เดือนสิงหาคม 2567 ผลิตได้ 46,765 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 8.84 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 31,909 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 15.26
• รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 352 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 17,500
• รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 452 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 30.57
• รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 14,052 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 8.18
ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 มีจำนวน 376,034 คันเท่ากับร้อยละ 37.39 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม2566 ร้อยละ 11.09 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 241,480 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 26.90
• รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 5,857 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 3,857.43
• รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 4,013 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 42.84
• รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 124,684 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 45.94
รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนสิงหาคม 2567 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ผลิตได้ 10 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 89.36
รถยนต์บรรทุก เดือนสิงหาคม 2567 ผลิตได้ทั้งหมด 72,915 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 26.60 และตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 629,705 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 21.17
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนสิงหาคม 2567 ผลิตได้ทั้งหมด 71,973 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 24.67 และตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 616,549 คัน เท่ากับร้อยละ 61.30 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 20.51 โดยแบ่งเป็น
• รถกระบะบรรทุก 97,885 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ29.91
• รถกระบะ Double Cab 409,451 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 19.49
• รถกระบะ PPV 109,213 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ14.31
รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน-มากกว่า 10 ตัน เดือนสิงหาคม 2567 ผลิตได้ 942 คันลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 75.26 รวมเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ผลิตได้ 13,156 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 43.28
ผลิตเพื่อส่งออก
เดือนสิงหาคม 2567 ผลิตได้ 82,788 คัน เท่ากับร้อยละ 69.17 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 6.62 ส่วนเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 686,509 คัน เท่ากับร้อยละ 68.26 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 2.74
รถยนต์นั่ง เดือนสิงหาคม 2567 ผลิตเพื่อการส่งออก 23,923 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 13.59 และตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 201,389 คัน เท่ากับร้อยละ 53.56 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 4.86
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนสิงหาคม 2567 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 58,865 คันลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 12.92 และตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 485,120 คัน เท่ากับร้อยละ 78.68 ของยอดการผลิตรถกระบะ ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 5.58 โดยแบ่งเป็น
• รถกระบะบรรทุก 39,463 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ25.15
• รถกระบะ Double Cab 358,686 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 8.42
• รถกระบะ PPV 86,971 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ25.29
ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
เดือนสิงหาคม 2567 ผลิตได้ 36,892 คัน เท่ากับร้อยละ 30.83 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 40.49 และเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ผลิตได้ 319,240 คัน เท่ากับร้อยละ 31.74 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 38.13
รถยนต์นั่ง เดือนสิงหาคม 2567 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 22,842 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 24.46 แต่ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ผลิตได้ 174,645 คัน เท่ากับร้อยละ 46.44 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ลดลงร้อยละ 24.35
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนสิงหาคม 2567 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ13,108 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 53.08 และตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 131,429 คัน เท่ากับร้อยละ 21.32 ของยอดการผลิตรถกระบะ และลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 49.81 ซึ่งแบ่งเป็น
• รถกระบะบรรทุก 58,422 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ32.79
• รถกระบะ Double Cab 50,765 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ56.57
• รถกระบะ PPV 22,242 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ61.67
รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนสิงหาคม 2567 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ผลิตได้ 10 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 89.36
รถบรรทุก เดือนสิงหาคม 2567 ผลิตได้ 942 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 75.26 และตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 13,156 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 43.28
รถจักรยานยนต์
เดือนสิงหาคม 2567 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 172,064 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 7.95 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 144,244 คันลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 15.78 แต่ชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 27,820 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 77.65
ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น1,548,433 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 8.29 โดยแยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 1,289,764 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 12.20 แต่ชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 258,669 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 17.90
ยอดขาย
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนสิงหาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 45,190 คันลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 2.60 และลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 24.98 เพราะสถาบันการเงินเข้มงวดในการให้สินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนสูงโดยหนี้เสีย (NPL) รถยนต์ ณ ไตรมาส 2 ของปีนี้ สูงถึง 254,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.7 จากไตรมาส 2 ปีที่แล้ว และเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตในอัตราต่ำที่ร้อยละ 2.3 ในไตรมาส 2 ของปีนี้ คาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะดีขึ้นจากรัฐบาลใหม่ที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งมีนโยบายหลายข้อที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เช่น การแจกเงินหนี่งหมื่นบาทเป็นเงินสดซึ่งจำนวนเงินกว่าหนึ่งแสนล้านบาท การแก้ใขหนี้ทั้งในระบบ และนอกระบบ เป็นต้น รวมทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ก็ทันใช้ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ด้วย และดัชนี ตลาดหลักทรัพย์ก็เพิ่มขึ้น ธนาคารกลางสหรัฐลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงถึง 0.50 และอาจจะลดอีกครั้งในปีนี้
รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 27,754 คัน เท่ากับร้อยละ 61.42 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 13.02
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 11,748 คัน เท่ากับร้อยละ 26 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 39.31
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 7,302 คัน เท่ากับร้อยละ 16.16 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 20.44
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 93 คันเท่ากับร้อยละ 0.21 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 29.01
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 8,611 คัน เท่ากับร้อยละ 19.06 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 35.46
รถกระบะมีจำนวน 12,303 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 37.10 รถ PPV มีจำนวน 2,667 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 47.30 รถบรรทุก 5-10 ตัน มีจำนวน 1,252 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 47.35 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 1,214 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 8.38
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 131,736 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2566 ร้อยละ 6.94 และลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 17.73
ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 รถยนต์มียอดขาย 399,611 คัน ลดลงจากปี 2566 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 23.85 แยกเป็น
รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 239,971 คันเท่ากับร้อยละ 60.05 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 9.12
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 106,245 คัน เท่ากับร้อยละ 26.59 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 36.91
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 47,645 คัน เท่ากับร้อยละ 11.92 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 13.86
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 1,456 คันเท่ากับร้อยละ 0.36 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 8.14
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 84,625 คัน เท่ากับร้อยละ 21.18 ของยอดขายรถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 62.06
รถกระบะมีจำนวน 115,051 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 39.30 รถ PPV มีจำนวน 24,481 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 43.07 รถบรรทุก 5-10 ตัน มีจำนวน 10,909 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 38.71 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 9,199 คัน ลดลงจากเดือนช่วงกันในปีที่แล้ว 11.45
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 1,163,827 คัน ลดลงจากเดือนมกรามค-สิงหาคม2566 ร้อยละ 10.81 แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์ ICE จำนวน 1,163,627 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันร้อยละ 10.75 รถจักรยานยนต์ BEV จำนวน 200 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันร้อยละ 9.09
การส่งออก รถยนต์สำเร็จรูป
เดือนสิงหาคม 2567 ส่งออกได้ 86,066 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 3.04 แต่ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 1.70 จากปัญหาเรื่องพื้นที่ในเดือนในเรือไม่เพียงพอ และล่าช้าจากสง ครามอิสราเอลกับฮามาส และปัญหาสิ่งสกปรกในท่าเรือที่ติดในรถกระบะที่เตรียมขับขึ้นเรือ จึงผลิตรถกระบะเพื่อส่งออกลดลงร้อยละ 12.92 และส่งออกลดลงในตลาดออสเตรเลีย แอฟริกา ยุโรป แบ่งเป็น
• รถกระบะ 48,201 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 56 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 14.07
• รถยนต์นั่ง ICE 22,677 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 26.35 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 16.11
• รถยนต์นั่ง HEV 3,516 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 4.09 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 351.93
• รถ PPV 11,672 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 13.56 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 4.66
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 60,334.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 0.20
• เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 3,467.66 ล้านบาท ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 3.62
• ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 16,765.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 2.69
• อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,333.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม2566 ร้อยละ 7.07
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนสิงหาคม 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่มีมูลค่า 82,901.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 0.71
เดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 688,633 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 4.94 แบ่งเป็น
• รถกระบะ ICE 394,046 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 57.23 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 8.76
• รถยนต์นั่ง ICE 169,126 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 24.55 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 18.34
• รถยนต์นั่ง HEV 34,712 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 5.04 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 472.71
• รถ PPV 90,749 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 13.18 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 14.37
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 480,206.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 5.08 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
• เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 23,447.72 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 5.51
• ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 128,985.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 7.07
• อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 17,442.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 11.52
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 650,082.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม2566 ร้อยละ 5.21
รถจักรยานยนต์
เดือนสิงหาคม 2567 มีจำนวนส่งออก 58,468 คัน (รวม CBU+CKD) ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 0.49 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 19.91 โดยมีมูลค่า 4,329.64 ล้านบาท ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 4.65
• ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 219.76 ล้านบาท ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 3.92
• อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 260.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 29.53
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนสิงหาคม 2567 ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ 4,809.68 ล้านบาท ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 3.23
เดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 รถจักรยานยนต์ มีจำนวนส่งออก 531,543 คัน (รวม CBU+CKD) ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 1.68 มีมูลค่า 41,684.24 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 9.56
• ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,670.47 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 18.61
• อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,272.10 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 12.61
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์เดือนมกราค-สิงหาคม 2567 ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 44,626.81 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 10.03
เดือนสิงหาคม 2567 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 87,711.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 0.48
เดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 694,708.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 4.08
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนสิงหาคม 2567
เดือนสิงหาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 8,804 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 3 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 6,376 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 3.67
o รถยนต์นั่ง จำนวน 6,211 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน จำนวน 162 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจร จำนวน 3 คัน
• รถกระบะ รถแวน มีทั้งสิ้น 233 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 762.96
• รถยนต์ 3 ล้อรับจ้าง มีทั้งสิ้น 48 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 100
o รถยนต์ 3 ล้อส่วนบุคคล จำนวน 9 คัน
o รถยนต์รับจ้าง 3 ล้อ จำนวน 39 คัน
• รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 2,091 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 12.07
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล จำนวน 2,090 คัน
o รถจักรยานยนต์สาธารณะ จำนวน 1 คัน
• รถโดยสาร มีทั้งสิ้น 13 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 44.44
• รถบรรทุก มีทั้งสิ้น 43 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 126.32
เดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 69,047 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 17.34 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 49,642 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 14.52
o รถยนต์นั่ง จำนวน 48,204 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน จำนวน 1,370 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจ จำนวน 8 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจร จำนวน 57 คัน
o รถยนต์บริการให้เช่า จำนวน 3 คัน
• รถกระบะ รถแวน มีทั้งสิ้น 491 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 439.56
• รถยนต์ 3 ล้อ มีทั้งสิ้น 135 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ42.80
o รถยนต์ 3 ล้อส่วนบุคคล จำนวน 32 คัน
o รถยนต์รับจ้าง 3 ล้อ จำนวน 103 คัน
• รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 18,237 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 30.35
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล จำนวน 18,129 คัน
o รถจักรยานยนต์สาธารณะ จำนวน 108 คัน
• รถโดยสารมีทั้งสิ้น 237 คัน ซึ่งลดลงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 79.12
• รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 305 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 643.90
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนสิงหาคม 2567
เดือนสิงหาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 11,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 54.80 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 10,932 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 55.31
o รถยนต์นั่ง จำนวน 10,917 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน จำนวน 6 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจ จำนวน 2 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจร จำนวน 7 คัน
• รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 68 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 1.49
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล จำนวน 68 คัน
เดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 94,794 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 60.14 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 94,406 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 60.67
o รถยนต์นั่ง จำนวน 94,317 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน จำนวน 23 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจ จำนวน 17 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจร จำนวน 46 คัน
o รถยนต์บริการให้เช่า จำนวน 3 คัน
• รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 388 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 11.21
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 388 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนสิงหาคม 2567
เดือนสิงหาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 854 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 32.70 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 854 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 32.70
o รถยนต์นั่ง จำนวน 854 คัน
เดือนมกราค-สิงหาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสม มีจำนวน 6,576 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 22.80 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 6,576 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ร้อยละ 22.80
o รถยนต์นั่ง จำนวน 6,569 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจร จำนวน 7 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567
ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 200,109 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 120.13 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 139,059 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 143.78
o รถยนต์นั่ง มีจำนวน 136,574 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ141.35
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน มีจำนวน 1,983 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 504.57
o รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 74 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 270
o รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 128 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 393.33
o รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 3 คัน ซึ่งในช่วงเดียวกันไม่มีการจดทะเบียน
o รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอีเลคทรอนิคส์ มีจำนวน 297 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 219.35
• รถกระบะ และรถแวน มีจำนวน 769 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 409.27
• รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 1,019 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 42.92
o รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล มีจำนวน 114 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 50
o รถยนต์รับจ้างสามล้อ มีจำนวน 905 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 42.07
• รถจักรยานยนต์ มีจำนวนทั้งสิ้น 55,998 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 84.20
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล มีจำนวน 55,871 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 84.54
o รถจักรยานยนต์สาธารณะ มีจำนวน 127 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 1.60
• อื่นๆ
o รถโดยสาร มีจำนวนทั้งสิ้น 2,654 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 13.08
o รถบรรทุก มีจำนวนทั้งสิ้น 610 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 143.03
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567
ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 437,504 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 37.53 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 428,223 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 38.58
o รถยนต์นั่ง มีจำนวน 427,271 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 38.60
o รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 496 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 3.55
o รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 73 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 73.81
o รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 202 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 78.76
o รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ66.67
o รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอีเลคทรอนิคส์ มีจำนวน 176 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 100
• รถกระบะ และรถแวน มีจำนวน 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566
• รถจักรยานยนต์ มีจำนวนทั้งสิ้น 9,278 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 1.84
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล มีจำนวน 9,278 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี2566 ร้อยละ 1.84
• อื่นๆ
o รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567
ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 60,428 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 18.84 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 60,428 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ1 8.84
o รถยนต์นั่ง มีจำนวน 60,357 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 18.85
o รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 43 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 4.88
o รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 20 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 25
o รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 3 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566
o รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอีเลคทรอนิคส์ มีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 25