ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Nissan Armada ใหม่ ผลิตขึ้นจากการสร้างสมประสบการณ์อันยาวนาน จนเป็นรถที่ให้ความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง ผลิตอย่างพิถีพิถัน เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และเป็นครั้งแรกที่มีเกรด Pro-4X เป็นรถลุยระดับแนวหน้า
Nissan Armada เป็นผลงานการสร้างสมความสำเร็จ 70 ปีของ Nissan Patrol ที่เปิดตัวพร้อมกันทั้ง 2 รุ่น โดยต้องผ่านการทดสอบเพื่อพิสูจน์ทั้งสมรรถนะ และระดับเทคโนโลยีขั้นสูง
ทั้ง Armada และ Patrol ใช้พื้นฐานเดียวกัน แต่ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับตลาดของแต่ละรุ่น จากประสบการณ์หลายทศวรรษ และการพัฒนาระดับแนวหน้า ทำให้ทั้งสองรุ่นเป็นรถลุยระดับเรือธงของค่ายอย่างสมศักดิ์ศรี
Nissan Armada รุ่นปี 2568 เป็นรถเอสยูวีรุ่นแรกที่ได้เกรด Pro-4X พร้อมลุยด้วยยาง All-Terrain เพิ่มมุมชันเข้าอุปสรรค แผ่นกันกระแทกใต้ท้อง ระบบลอคเฟืองท้าย และระบบรองรับถุงลมปรับอัตโนมัติ (Adaptive Electronic Air Suspension) เพื่อความเพลิดเพลินกับการพบเส้นทางใหม่ในการใช้ชีวิตกลางแจ้ง
สำหรับขุมพลังเป็นบลอคล่าสุด แบบ วี 6 สูบ ทวินเทอร์โบ ความจุ 3.5 ลิตร ให้กำลัง และแรงบิดมากกว่าขุมพลัง วี 8 สูบ ที่ปลดระวางไป ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ โดยสามารถลากจูงน้ำหนักได้ถึง 8,500 ปอนด์/3.85 ตัน
Armada รุ่นปี 2568 เป็น Nissan รุ่นล่าสุดที่ใช้ระบบช่วยการขับขี่ Propilot Assist 2.1 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ระดับก้าวหน้า สำหรับใช้งานบนเส้นทางฟรีเวย์ ด้วยระบบความปลอดภัย Nissan Safety Shield® 360 ที่มีเป็นมาตรฐานให้ Armada ทุกเกรด
ภายในห้องโดยสารตอบโจทย์การใช้งานระดับครอบครัว ที่ให้ทั้งความอบอุ่น และสะดวกสบาย ตั้งแต่เบาะนั่งขนาดใหญ่, แสงปรับบรรยากาศ 64 เฉดสี, จอแสดงผลเชื่อมต่อผ่าน Google ขนาด 14.3 นิ้ว 2 จอ และชุดเครื่องเสียง พร้อมลำโพงระดับพรีเมียม Klipsch® 12 ทิศทาง เพิ่มเนื้อที่เก็บสัมภาระหลังแถว 3 ถึง 24 %
ภายนอกถูกออกแบบ เพื่อท้าทายเส้นทางทุรกันดารโดยเฉพาะ โดยเพิ่มระยะห่างใต้ท้องมากขึ้น ตัวรถผ่านการออกแบบอย่างพิถีพิถัน มีรูปทรงแข็งแกร่ง และน่าประทับใจ ตั้งแต่ไฟท้ายแอลอีดีคาดยาวตลอดความกว้างตัวรถ ล้ออัลลอยขนาด 22 นิ้ว และตัวเลือกสีหลังคาแบบทูโทน
เทคโนโลยีกล้องขั้นสูงสร้างภาพเสมือนจริงรอบด้าน ด้วยเทคโนโลยี 3D Around View®, ภาพด้านหน้ามุมมองกว้าง และมุมมองผ่านกระโปรงหน้า ที่สามารถวางตำแหน่งล้อหน้าได้อย่างถูกต้องในเส้นทางทุรกันดาร
Nissan Armada รุ่นปี 2568 วางตลาดด้วยเกรด SV, SL, Pro-4X, Platinum และ Platinum Reserve ที่มีให้เลือกทั้งขับเคลื่อนล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ นอกจากรุ่น Pro-4X ที่มีแต่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้เป็นมาตรฐาน ส่วนราคาจะแจ้งให้ทราบก่อนการวางตลาด