Ford (ฟอร์ด) เผยผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคที่มีต่อรถยนต์สันดาป และรถยนต์ไฟฟ้า โดยในประเทศไทย ผู้ที่กำลังพิจารณาซื้อรถยนต์คันใหม่จะพิจารณารถยนต์ไฟ ฟ้ามากถึง 86 % ถ้ารถดังกล่าวสามารถขับขี่ออฟโรดได้ อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับระยะทางในการขับขี่ จุดชาร์จ และการบรรทุกสัมภาระ ทำให้ 63 % ของคนไทยในปัจจุบันยังมีแนวโน้มที่จะเลือกใช้รถยนต์สันดาปในการเดินทางออฟโรดมากกว่า
นอกจากรถที่พร้อมสำหรับทุกเส้นทางสมบุกสมบันแล้ว ในการออฟโรด ผู้ขับขี่ยังต้องใช้ทักษะ และประสบการณ์รับมือกับความท้าทายที่ไม่คาดคิดต่างๆ ด้วย Ford จึงแนะนำ 4 เชคลิสต์สำคัญที่คนรักการผจญภัยต้องรู้ เพื่อให้ออฟโรดได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัย ไม่ว่าจะใช้รถที่มีระบบส่งกำลังแบบใด
ยิ่งสมบุกสมบัน ยิ่งใช้พลังงานมากขึ้น
เส้นทางที่ขรุขระ เนินชัน รวมถึงสัมภาระที่นำไปด้วย ล้วนมีผลต่อการใช้พลังงานของรถไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์สันดาป หรือรถยนต์ไฟฟ้า การศึกษาเส้นทางและความท้าทายที่อาจต้องเผชิญไว้ล่วงหน้า จึงมีส่วนช่วยให้วางแผนเส้นทางที่ประหยัดพลังงานมากกว่าได้ ลดโอกาสการต้องขับย้อนกลับ หรือหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ การเหยียบคันเร่งแบบนุ่มนวล และขับด้วยความเร็วคงที่ จะช่วยประหยัดพลังงานได้
รู้จักฟีเจอร์รถ เพิ่มความมั่นใจทุกเส้นทาง
ไม่ว่าจะเจอทางทราย ก้อนหิน โคลน ดินลูกรัง หรือทางฝุ่น ผู้ขับขี่ก็ต้องพร้อมเสมอ แม้ขุมพลังจะมีบทบาทสำคัญในการขับขี่ แต่ปัจจัยที่จำเป็นกว่านั้น คือ การเข้าใจความสามารถและฟีเจอร์ต่างๆ ของรถ ดังนั้น ก่อนที่จะเข้าไปในพื้นที่ที่คาดเดาเส้นทางล่วงหน้าไม่ได้ ควรทำความคุ้นเคยกับฟีเจอร์ของรถก่อน ทั้งการเลือกใช้เกียร์ และการเลือกโหมดขับขี่อัตโนมัติต่างๆ
สำหรับเจ้าของรถยนต์ Ford ทั้งรถยนต์สันดาป หรือรถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายในตลาดต่างประเทศ ล้วนได้ใช้ประโยชน์จากระบบ Terrain Management System (TMS) ที่ช่วยปรับจูนการทำงานของระบบต่างๆ ภายในรถแบบอัตโนมัติ ทั้งอัตราเร่ง และระบบควบคุมการยึดเกาะถนนให้สามารถเดินทางไปได้ทุกที่อย่างมั่นใจ
เตรียมพลังงาน และเชื้อเพลิงให้เพียงพอ
การขับขี่ในพื้นที่ห่างไกลโดยเฉพาะในเส้นทางออฟโรดอาจทำให้หาปั๊มน้ำมัน หรือจุดชาร์จไฟได้ยาก ซึ่งเป็นหนึ่งในความกังวลที่ผู้ใช้รถชาวไทยให้ความสำคัญ โดย 29 % ของผู้ตอบแบบสอบถามของ Ford ระบุว่า ตนยังมีความกังวลเกี่ยวกับจุดชาร์จไฟที่พอเพียงแม้ในการใช้งานรถไฟฟ้าตามปกติ สำหรับรถยนต์สันดาปอย่าง Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) และ Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอ เรสต์) มีพื้นที่เพียงพอในการบรรทุกน้ำมันสำรอง ช่วยให้เดินทางไกลได้อย่างอุ่นใจเมื่อต้องขับรถบนเส้นทางที่คาดเดาไม่ได้
พร้อมรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินเสมอ
การผจญภัยแบบออฟโรดอาจพบเจอสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ เช่น ยางรั่ว ติดหล่ม ลุยน้ำ หรือสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งเป็นสิ่งที่คอออฟโรดทุกคนต้องเตรียมพร้อมรับมือเสมอ Ford แนะนำให้ผู้ขับขี่จัดเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน อุปกรณ์สื่อสาร อุปกรณ์นำทาง อุปกรณ์กู้ภัย และชุดเครื่องมือซ่อมบำรุงแบบพกพาไว้ก่อนออกเดินทาง และตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ทั้งหมดใช้งานได้และหยิบจับได้ง่าย นอกจากนี้ นักเดินทางยังจำเป็นต้องเตรียมอาหาร น้ำ และเบอร์ติดต่อฉุกเฉินสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เพื่อให้เดินทางได้อย่างปลอดภัย และอุ่นใจ
Ford ผู้นำด้านการขับขี่ออฟโรด
Ford ยังคงพัฒนารถยนต์เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบออฟโรด ไม่ว่าจะเป็น Ford Ranger ที่มีความแข็งแกร่ง อเนกประสงค์ และเทคโนโลยีอันชาญฉลาด หรือ Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แรพเตอร์) เจ้าของฉายา "ดุดัน ไม่เกรงใจใคร" ซึ่งถือเป็นสุดยอดรถกระบะสมรรถนะสูงที่สะท้อนดีเอนเอของ Ford Performance
สำหรับผู้ที่ต้องการทั้งความสมบุกสมบัน และความสะดวกสบาย Ford Everest มอบเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ พร้อมประสิทธิภาพในการบุกตะลุยทุกสภาพถนน ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประ จำวัน และการผจญภัยในวันพักผ่อน
นอกจากนี้ ในตลาดต่างประเทศ Ford ยุโรป และออสเตรเลีย ยังได้เปิดตัว Ford Ranger PHEV ซึ่งผสานเทคโนโลยีไฟฟ้าเข้ากับสมรรถนะอันแข็งแกร่งของรถออฟโรดได้อย่างลงตัว สะท้อนความมุ่งมั่นของ Ford ในการส่งมอบทางเลือกรถยนต์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าในกว่า 180 ประเทศ