ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
Isuzu เปิดตัว เครื่องยนต์ดีเซลใหม่
Isuzu (อีซูซุ) ส่งเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่ ! 2.2 DDI MAXFORCE…The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก พร้อมใหม่ ! เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Rev Tronic กระตุ้นตลาดโค้งสุดท้าย แรงขึ้น เร็วขึ้น ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าเดิม ตอบโจทย์การใช้งานมากยิ่งขึ้น และมีค่า CO2 ต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน ทั้งในรถ Isuzu D-Max (อีซูซุ ดี-แมกซ์) และ MU-X (มิว-เอกซ์ ) และใหม่ ! 3.0 DDI MAXFORCE สำหรับกลุ่มที่ต้องการเครื่องยนต์ที่มีกำลังสูง โดยรถพิคอัพ Isuzu D-Max ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 558,000-1,284,000 บาท และรถอเนกประสงค์ MU-X ราคาจำ หน่ายตั้งแต่ 1,194,000-1,771,000 บาท พร้อมให้สัมผัสที่โชว์รูม Isuzu ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป
ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า Isuzu ในฐานะผู้นำด้านเครื่องยนต์ดีเซลระดับโลก ได้พัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่ ! 2.2 DDI MAXFORCE พลังใหม่…กำหนดโลก เร่งแซงเร็วขึ้น พละกำลังสูงขึ้น แต่ให้ความประหยัดน้ำมันที่มากขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานมากยิ่งขึ้น และมีค่า CO2 ต่ำที่สุด ในรถระดับเดียวกัน มีให้เลือกทั้งในรถ Isuzu D-Max และ MU-X ซึ่งได้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน Isuzu เป็นระยะทางเทียบเท่า 2,200,000 กม. จนมั่นใจว่าเครื่องยนต์นี้มีความแรง ทนทาน และประหยัดน้ำมันเหมาะสมกับตลาดมากที่สุด พร้อมที่จะถ่ายทอดสมรรถนะอันยอดเยี่ยมในทุกๆ ด้าน อีกทั้งเครื่องยนต์ตัวใหม่ล่าสุดนี้ยังสามารถรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือทำงานควบคู่กับพลังงานทางเลือกอื่นๆ ในอนาคตได้อีกด้วย ถือเป็นเทคโนโลยีดีเซลที่จะกำหนดอนาคตแห่งการขับเคลื่อนอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ยังมีการแนะนำระบบส่งกำลังใหม่ทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะใหม่ แบบ Genius Sport Shift ที่มีการปรับเปลี่ยนอัตราทดให้เหมาะสมกับการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ใหม่ ! 2.2 DDI MAX FORCE และใหม่ ! เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ท Rev Tronic ให้อัตราทดต่อเนื่องทุกช่วงความเร็ว ตอบสนองไว แม่นยำ นุ่มนวล สู่การขับขี่ที่สนุกขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มไลน์อัพใหม่กับ MU-X The Next Peak (มิว-เอกซ์ เธอะ เนกซ์ พีค) รุ่น RS (อาร์เอส) เครื่องยนต์ 2.2 DDI MAXFORCE Isuzu V-Cross 4x4 (อีซูซุ วี-ครอสส์ 4x4) 4 ประตู เกรด ZP เกียร์อัตโนมัติ เครื่องยนต์ 3.0 DDI MAXFORCE และ Isuzu D-Max Spark 4x4 (อีซูซุ ดี-แมกซ์ สปาร์ค 4x4) เกียร์อัตโนมัติ เครื่องยนต์ 3.0 DDI MAXFORCE นอกจากนี้ ยังมาพร้อม สีใหม่ Elbrus Grey Opaque ใน Isuzu D-Max ทุกรุ่น…เรามั่นใจอย่างยิ่งว่า เทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่ ! 2.2 DDI MAXFORCE และใหม่ ! 3.0 DDI MAXFORCE พลังใหม่…กำหนดโลก จะสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการสมรรถนะรถอันยอดเยี่ยม ที่มาพร้อมกับความประหยัดน้ำมัน และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างแน่นอน
เครื่องยนต์แห่งอนาคต ใหม่ ! 2.2 DDI MAXFORCE พลังใหม่…กำหนดโลก ขนาด 2.2 ลิตร ให้พลังแรงสุดถึง 163 แรงม้า ที่ 3,600 รตน. แรงบิดสูงสุดถึง 400 นิวทันเมตร ที่ 1,600-2,400 รตน. ออกตัว เร่งแซงเร็วขึ้น กับแรงบิดช่วงออกตัวสูงขึ้นถึง 56 % เครื่องยนต์ใหม่ ! 2.2 DDI MAXFORCE พลังใหม่…กำหนดโลก ได้รับการพัฒนาเป็นเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต เร่งแซงเร็วขึ้น พละกำลังสูงขึ้น แต่ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าเดิมสูงสุด 10.7 % (ข้อมูลจาก Eco Sticker ในรุ่น Hi-Lander (ไฮ-แลนเดอร์) 2 ประตู เกรด L สภาวะนอกเมือง) ตอบโจทย์การใช้งานมากยิ่งขึ้น และมีค่า CO2 ต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน ใหม่ ! หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูงถึง 250 MPA และใหม่ ! ECM แบบ Multi-Core ประสิทธิภาพสูง ใหม่ ! E-VGS เทอร์โบแปรผันควบคุมด้วยอีเลคทรอนิคส์ ใหม่ ! ห้องเผาไหม้แบบ High Swirl เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้สมบูรณ์แบบ ใหม่ ! ลูกสูบแบบแรงเสียดทานต่ำพิเศษ และเสื้อสูบแบบขึ้นรูปแกร่งพิเศษ พร้อมระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่แบบ Hi-Flow นอกจากนี้ Isuzu ยังได้ปรับปรุงเครื่องยนต์ ใหม่ ! 3.0 DDI MAXFORCE พลังใหม่…กำหนดโลก ให้พลังแรงสุดถึง 190 แรงม้า ที่ 3,600 รตน. และแรงบิดสูงสุด 450 นิวทันเมตร ที่ 1,600-2,600 รตน. ด้วย ECM ใหม่ แบบ Multi-Core ประสิทธิภาพสูง เป็นอีกทางเลือกสำหรับการใช้งานที่ต้องการกำลังสูงเป็นพิเศษ
สัมผัสเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่ ! 2.2 DDI MAXFORCE และใหม่ ! 3.0 DDI MAXFORCE...The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก ใน Isuzu D-Max และ MU-X ได้ที่โชว์ รูม Isuzu ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป และในงาน Thailand International Motor Expo 2024 ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิ กายน-10 ธันวาคม 2567
..................................................................................................................................................
Juneyao เปิดตัว JY Air
บริษัท จูนเหยา ออโต (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิต และจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า Juneyao (จูนเหยา) เปิดตัวแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ “JY (จูนเหยา) รุ่น Air (แอร์)” มิติใหม่แห่งการขับเคลื่อนอัจฉริยะ ที่มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ในยุคใหม่ที่ต้องการยานยนต์ที่มีความล้ำสมัย สะดวกสบาย ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
จาง กว่างเห้า ประธานกรรมการ บริษัท จูนเหยา ออโต (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า Juneyao เป็นองค์กรที่มีรากฐานในธุรกิจการคมนาคมขนส่ง สินค้าอุปโภคบริโภค การศึกษา บริการด้านการเงิน และนวัตกรรมเทคโนโลยี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืนในทุกด้าน Juneyao ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในฐานะองค์กรที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และมีวิสัยทัศน์ในการสร้างประ โยชน์ต่อสังคม ทั้งนี้ ด้วยประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจสายการบินเชิงพาณิชย์ Juneyao ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดยานยนต์ โดยได้เข้าซื้อกิจการ Yudo Auto ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2022 ซึ่ง Yudo Auto ได้ทำตลาดในจีนมาตั้งแต่ปี 2015 กับรถรุ่นแรก Yudo Yuntu (ยูโดะ หยุนทู่) ซึ่งเป็น SUV พลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก
อย่างไรก็ตาม Juneyao ได้เริ่มดำเนินธุรกิจในกลุ่มยานยนต์อย่างจริงจังตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายในการพัฒนา และนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กลยุทธ์ที่มุ่งมั่นของกลุ่มเน้นการวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสู่การใช้พลังงานสะอาดในอุตสาหกรรมยานยนต์ นอกจากนี้ กลุ่ม Juneyao ยังมุ่งหวังที่จะขยายตลาดในระดับสากล เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และแข่งขันในอุตสาหกรรมที่มีความน่าสนใจนี้
จาง ไห่โป กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า Juneyao Auto นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก JY Air รูปแบบใหม่ของการเดินทางพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะที่จะมอบความสุขในทุกมิติ ผสมผสานระหว่างนวัต กรรมการขับขี่ที่ให้ความสะดวกสบายเหมือนที่อยู่บน First Class
เจาะลึกคุณสมบัติเด่น และเทคโนโลยีสุดล้ำของ JY Air
รถยนต์ไฟฟ้า JY Air ได้รับการออกแบบให้มีสมรรถนะสูงสุดทั้งในด้านประสิทธิภาพการขับขี่ และความปลอดภัย มาพร้อมกับระบบ Crystal OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาโดยทีมวิจัย และพัฒ นาของ Juneyao ระบบ Crystal OS นี้มีฟีเจอร์ควบคุม และสั่งงานแบบอัจฉริยะ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมทุกฟังค์ชันได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมไฟ ระบบหน้าต่าง และประตูท้ายรถ ทั้งยังรองรับการตั้งค่าตามสภาพถนนได้แบบเรียลไทม์ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่นในทุกสภาพการใช้งานพแลทฟอร์ม SKY ความปลอดภัยระดับ 5 ดาว เป็นอีกคุณสมบัติที่ช่วยเสริมความมั่นใจในด้านความปลอดภัย โดยพแลทฟอร์มที่สามารถพัฒนารุ่นรถใหม่สำหรับทั่วโลก ประสิทธิภาพดี และมีความปลอดภัยสูงช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันที่เหนือกว่า โดยครอบคลุมรถยนต์ประเภท A ถึงรถซีดานคลาสส์ C, SUV, Coupe, MPV และประเภทอื่นๆ
เทคโนโลยี ขับขี่อัตโนมัติ Level 2+ ที่ติดตั้งมากับ JY Air ช่วยให้รถสามารถขับขี่อัตโนมัติได้อย่างมั่นใจ ด้วยฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ช่วยในการรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า ระบบช่วยจอดที่เพิ่มความสะดวกในทุกการจอดรถ การเตือนจุดอับสายตาที่ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และการควบคุมเลนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดขณะขับขี่ รถรุ่นนี้ยังได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยระดับสูงตามมาตรฐาน NCAP และ E-NCAP ระดับ 5 ดาว ช่วยให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารมั่นใจได้ในทุกการเดินทาง
เพลิดเพลินไปกับดีไซจ์นสุดหรู และความสะดวกสบายที่เหนือชั้น
นอกจากเทคโนโลยีอันล้ำสมัยแล้ว JY Air ยังออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้ขับขี่ที่ต้องการความสะดวกสบาย และความหรูหรา ด้วยการออกแบบที่ใช้หลักแอโรไดนามิคส์ One Box ทำให้รถรุ่นนี้มีสมรรถนะการขับขี่ที่เงียบ และลดแรงต้านอากาศได้อย่างดี ห้องโดยสารยังใช้วัสดุคุณภาพสูง และเนื้อสัมผัสที่หรูหรา มีพื้นที่กว้างขวาง และเงียบสงบ พร้อมทั้งช่วยลดเสียงรบกวน
ภายนอก มอบความสบายสูงสุดแก่ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร
มากไปกว่านั้น นวัตกรรมภายในห้องโดยสาร ยังรวมถึงระบบควบคุมรถ 3D ที่ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่มีการตอบสนองที่ดี โดยมีการควบคุมไฟ หน้าต่าง และประตูท้ายด้วยสัมผัสเดียว นอกจากนี้ ยังมีหลังคาพาโนรามาขนาด 2.072 ตรม. ที่ช่วยสร้างความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย
มีให้เลือก 4 สี ประกอบด้วย สีขาว Moon White, สีฟ้า Meteorite Blue, สีเขียว Aurora Green และสีดำ Galactic Black
Jy Air เปิดตัว 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Standard (สแตนดาร์ด) ราคา 759,000 และ 899,000 บาท รุ่น Plus (พลัส) ราคา 869,000 และ 1,018,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งจองรถในช่วงแรก เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในบริการหลังการขาย และความคุ้มค่าในการลงทุนกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้
ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชม และสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แบบอัจฉริยะของ JY Air ได้ที่ โชว์รูม และงาน Thailand Motor Expo 2024 บูธ B17 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2567 พร้อมทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษา และตอบข้อสงสัย
..................................................................................................................................................
ชมงาน ชิงรถ ! Motor Expo Application
“Motor Expo” App อัดแน่นข้อมูลของงาน “Motor Expo 2024” ทั้งรีวิวรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทุกแบรนด์ภายในงานจาก Influencer ชื่อดัง และรายละเอียดอื่นๆ ของงาน อาทิ โปรโมชัน บริการรถรับส่งชมงานฟรี รายงานสภาพจราจร พร้อมแผนผังที่จอดรถ กิจกรรรมมากมาย ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมี Buyer’s Guide ช่วยเลือกซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ด้วยข้อมูลเปรียบเทียบคัน/คัน พร้อมคำนวณสินเชื่อ มีการจำหน่ายบัตรเข้าชมงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” ผ่านระบบออน ไลน์ มีราคาบัตรแบ่งเป็น 100 บาท/คน/วัน และราคา 240 บาท รับบัตรชมงาน 3 ใบ โดยบัตร 1 ใบ สามารถใช้ได้ 1 ครั้ง จำกัดสิทธิ์ใช้ได้ 1 ใบ/วัน เมื่อการสั่งซื้อสำเร็จจะได้รับ QR Code เพื่อนำไปแสดงกับเจ้าหน้าที่ ณ ประตูทางเข้างาน (หากต้องการเข้าชมงานซ้ำภายในวันเดียวกัน กรุณาประทับตราที่ประตูทางออก เด็กความสูงต่ำกว่า 120 ซม. และผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข้าฟรี)
ยิ่งกว่านั้น ดาวน์โหลด Motor Expo App ทั้งระบบ IOS และ Android รับสิทธิ์ร่วมกิจกรรม “ชมงานผ่าน Motor Expo App ชิงรางวัล" รถยนต์ Suzuki (ซูซูกิ) รุ่น Swift GL (สวิฟท์ จีแอล) มูลค่า 567,000 บาท จำนวน 1 รางวัล ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน-31 ธันวาคม 2567
งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” จะจัดขึ้น ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2567 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล ” และสามารถซื้อบัตรชมงานได้ทาง motorexpo.co.th
.................................................................................................................................................
Bridgestone แนะนำ Potenza Adrenalin RE004
Bridgestone ประเทศไทย ปลุกอะดรีนาลีนให้ลูกค้า และเหล่านักซิ่งสายสปอร์ทได้สัมผัสกับขีดสุด และเข้าถึงอีกระดับของการขับขี่แบบสปอร์ทเต็มสมรรถนะ แนะนำ “Potenza Adrenalin RE004” จากยางบนสนามแข่งสู่การใช้งานจริงบนถนน พร้อมเผยเบื้องหลังการพัฒนายางสปอร์ทสมรรถนะสูงตอบโจทย์การใช้งานขับขี่สนุก เข้าโค้งอย่างแม่นยำ ปลอดภัย และเติมเต็มการใช้ชีวิตในเมืองให้ยิ่งเร้าใจได้อย่างเต็มพิกัด
นอกเหนือจากการคิดค้น และพัฒนาด้วยนวัตกรรมเอกสิทธิ์เฉพาะของ Bridgestone เพื่อตอบโจทย์การขับขี่แบบสปอร์ท เบื้องหลังยางสปอร์ทสมรรถนะสูง Potenza Adrenalin RE004 ยังได้รับการทดสอบกับรถสปอร์ทซีดานอย่าง Mitsubishi Lancer Evolution 8 MR (มิตซูบิชิ แลนเซอร์ เอโวลูชัน 8 เอมอาร์) ตำนานรถแรลลี (WRC) ขับเคลื่อน 4 ล้อที่มาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูงขึ้นแท่นเป็นตำนานรถแรงจากสนามแข่งของประเทศญี่ปุ่น ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างเครื่องยนต์ 4G 63 280 แรงม้า จึงช่วยให้ Bridgestone สามารถออกแบบยางออกมาได้อย่างสมบูรณ์ โดยเมื่อย้อนกลับไปในปี พศ. 2548 Bridgestone ได้นำรถดังกล่าวเข้ามา ถือเป็นรถเพียง 1 ใน 7 คัน ที่ถูกนำเข้ามาในไทยแบบ Full Body เพื่อนำมาใช้พัฒนา และทดสอบประสิทธิภาพยางสปอร์ทตัวดังหลากหลายรุ่น ณ สนามทดสอบไทย Bridgestone ได้แก่ Potenza G3, Potenza RE001 และ Potenza RE002 เพื่อตอบโจทย์ให้แก่การขับขี่แบบสปอร์ทได้ทรงพลัง ขับสนุก และปลอดภัยสำหรับผู้ที่ชอบความเร็ว
คุณสมบัติเด่นของยาง Potenza Adrenalin RE004
· ร่องดอกยางแบบพิเศษ ช่วยกระจายแรงกดบริเวณหน้าสัมผัสของยางกับพื้นถนนอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้เข้าโค้ง และหยุดรถได้อย่างมั่นใจทั้งในสภาพถนนแห้ง และเปียก
· บลอคดอกยางด้านในขนาดใหญ่ ช่วยเพิ่มพื้นที่หน้ายางให้สัมผัสกับผิวถนนได้มากขึ้น ส่งผลให้ยึดเกาะ และควบคุมรถอย่างมั่นใจทั้งในสภาพถนนแห้ง และเปียก
· ร่องยางรูปตัว A สไตล์สปอร์ทเต็มพิกัดด้วย DNA ของ Adrenalin ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของบลอคดอกยาง ลดการบิดตัวของยางขณะขับขี่ ส่งผลให้ตอบสนองต่อพวงมาลัยได้อย่างฉับไว และควบ คุมรถได้อย่างแม่นยำ
..................................................................................................................................................
MGC-Asia ประกาศผลงานไตรมาส 3/2567
บมจ. มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-Asia ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 มีรายได้รวม 4,530 ล้านบาท ส่วนกําไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจําหน่าย (EBITDA) ทำได้ 381 ล้านบาท เติบโต 12 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กลุ่มธุรกิจบริการด้านการเงินครบวงจร Alpha X พอร์ตสินเชื่อเติบโต เดินหน้าขยาย Wealth Lending เจาะกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง ขณะที่ Xpeng (เสี่ยวเผิง) ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะพรีเมียม-เทค และ Zeekr (ซีเคอร์) ยานยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม-ลักชัวรี ผลตอบรับดีต่อเนื่อง ส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้า Xpeng กว่า 1,000 และ Zeekr กว่า 600 คัน ภายในไตรมาส 4 วางยุทธศาสตร์ขยายธุรกิจ มุ่งส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับอย่างครอบคลุมทุกมิติ เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
ดร. สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 4,530 ล้านบาท ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการลดลงของรายได้ในธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ใหม่ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีรายได้จากกลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขายเติบโต 5.4 % (มกราคม-กันยายน) และมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจให้บริการเช่ารถยนต์ และคนขับเพิ่มขึ้น ตอบรับเทศกาลท่องเที่ยว รถเช่าบูม ส่งผลให้กําไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจําหน่าย (EBITDA) ทำได้ 381 ล้านบาท เติบโต 12 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจให้บริการด้านการเงิน บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีกำไรสุทธิก่อนตั้งสำรอง (Pre-Provision Operating Profit) เติบโตต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของพอร์ทสินเชื่อใหม่ และส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) ยังเติบโตแข็งแกร่งจากกลยุทธ์การรุกตลาดสินเชื่อ Wealth Lending เจาะกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง (High Net Worth) รวมถึงการมุ่งเน้นการเพิ่มศักย ภาพในการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงิน และต้นทุนในการดำเนินงาน
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของ MGC-Asia คือ การรุกขยายธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ครบวงจร เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้า บริษัทฯ ได้เสียงตอบรับที่ดีจากงาน Xpeng X9 (เสี่ยวเผิง เอกซ์ 9) Exclusive Preview ที่ผ่านมา และจะมีการเปิดตัว Xpeng X9 ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ อุลทราสมาร์ท คูเป เอมพีวี ที่งาน Thailand International Motor Expo 2024 ครั้งที่ 41 ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2567 ณ IMPACT ชาลเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี นอกจากนี้ ได้เดินหน้าขยายเครือข่ายศูนย์บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้า และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า MGC-Asia โดยได้เปิดโชว์รูมต้นแบบอัจฉริยะพร้อมศูนย์บริการครบวงจร Xpeng สาขาหัวหมาก ซึ่งเป็นศูนย์บริการครบวงจร พร้อมด้วยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ และอุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมทั้งแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการจำนวน 12 ราย เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุม และเปิดโชว์รูมยานยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม-ลักชัวรี พร้อมศูนย์บริการครบวงจรeekr หรือ Zeekr House สาขาศรีนครินทร์ และวิภาวดี เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญในกรุงเทพฯ พร้อมรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
โดยช่วงไตรมาส 4 เตรียมส่งมอบเรือยอชท์ Azimut มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ซึ่งจะส่งมอบเสร็จสิ้น และรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ ขณะที่ MMS อยู่ในขั้นตอนการเจรจากับคู่ค้า และมีการศึกษาลู่ ทางการขยายศูนย์ซ่อมสี และตัวถังยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร โดยจัดให้มีการฝึกอบรม เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงยกระดับมาตรฐานการบริการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าว่าจะได้รับการบริการที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ MGC-Asia ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดย MGC-Asia ในฐานะผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิทีแบบครบวงจร ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ City Auto Group ผู้นำธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ในเวียดนาม เพื่อศึกษาโอกาสธุรกิจร่วมกัน ทั้งบริการรถใหม่ รถมือสอง รถเช่า บริ การทางการเงิน และประกันภัย เพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจ และสร้างการเติบโตร่วมกันในไทย และเวียดนาม
“ทางบริษัทฯ กำลังศึกษานวัตกรรม และเทคโนโลยี เพื่อปรับโครงสร้างการบริหารงาน และบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เรามั่นใจว่า MGC-Asia จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยปัจจัยบวกจากการขยายตัวของตลาดยานยนต์ไฟฟ้า การขยายเครือข่ายศูนย์บริการ และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เรามุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์โมบิลิที และสร้างประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ลูกค้าอย่างครอบคลุม”
..................................................................................................................................................
ปลายปีมีเฮ ! “มอเตอร์เวย์” เปิดวิ่งฟรี ยาว 8 วัน
เตรียมเปิดให้ใช้ "มอเตอร์เวย์ฟรี" ทางด่วนฟรี นาน 8 วันเต็ม ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568
กระทรวงคมนาคม เตรียมเปิดให้ใช้บริการ “มอเตอร์เวย์ฟรี” ทางด่วนฟรี นาน 8 วัน (ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9) ช่วงวันหยุดยาว ปีใหม่ 2568 โดยขึ้นทางด่วนฟรี ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 2 มกราคม 2568
ทั้งนี้ เนื่องจากช่วงเทศกาลจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้การจราจรติดขัดทุกสายทางที่ออก และเข้ากรุงเทพฯ การยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางช่วงเทศ กาลปีใหม่ มีส่วนให้ประชาชนสามารถเดินทางได้สะดวกรวดเร็ว และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
เชคเส้นทาง “มอเตอร์เวย์ฟรี” 8 วันเต็ม
การยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทาง "มอเตอร์เวย์ฟรี ทางด่วนฟรี ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 มี 2 สายทาง คือ
ทางหลวงพิเศษ หมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา)
- สายกรุงเทพฯ-บ้านฉาง ตอนกรุงเทพฯ-เมืองพัทยา รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 34 (บางวัว) ทางแยกเข้าชลบุรี ทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง ทางแยกเข้าพัทยา และตอนบ้านหนองปรือ-บ้านฉาง รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 3 (บ้านอำเภอ)
ทางหลวงพิเศษ หมายเลข 9 (วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ)
- ตอนพระประแดง-บางแค ช่วงพระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน และตอนบางปะอิน-บางพลี