ข่าวจากประเทศอังกฤษ ระบุว่า Stellantis ฝั่งอเมริกาเหนือได้พัฒนาพแลทฟอร์มใหม่ คือ STLA Frame ที่ออกแบบมาสำหรับใช้กับรถประเภทบอดีออนเฟรม (body-on-frame) ทั้งรถกระบะ และเอสยูวีขนาดใหญ่
สถาปัตยกรรม STLA Frame สามารถใช้ได้ทั้งระบบส่งกำลังไฟฟ้าล้วน และรถไฟฟ้าแบบยืดระยะทาง (range-extending electric) ทั้งยังสามารถปรับติดตั้งระบบส่งกำลัง เครื่องยนต์สันดาปภายใน, ระบบไฮบริด และไฮโดรเจนได้ โดยจะมี 2 แบรนด์แรก ที่ใช้พแลทฟอร์มชุดนี้ คือ Jeep และ Ram
Carlos Tavares ซีอีโอของ Stellantis กล่าวในงานเปิดตัวพแลทฟอร์ม STLA Frame นี้ว่า หากจำหน่ายในยุโรปจะใช้กับรถแบรนด์อเมริกันเท่านั้น โดยจะใช้กับ Jeep ที่มีจำหน่ายอยู่ คือรุ่น Avenger, Compass, Renegade, Grand Cherokee และ Wrangler
รถไฟฟ้าที่ใช้พแลทฟอร์มนี้ทำระยะเดินทางได้ถึง 800 กม. ด้วยแพคแบทเตอรีขนาด 159-200 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยประเมินจากรถกระบะไฟฟ้า Ford F-150 Lighting ซึ่งใช้แพคแบทเตอรีขนาด 132 กิโลวัตต์ชั่วโมง
STLA Frame สามารถใช้กับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลัง 246 กิโลวัตต์/335 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ใน 4.4 วินาที
ในเวอร์ชันไฮบริดยืดระยะทาง (range extender hybrid) สามารถทำระยะเดินทางได้ถึง 1,110 กม. แต่ไม่มีรายละเอียดข้อมูลระบบส่งกำลัง โดยรถที่ใช้ STLA Frame ทั้งเวอร์ชันไฮบริดยืดระยะทาง และไฟฟ้าล้วน สามารถทำน้ำหนักลากจูงถึง 6,350 กก. และน้ำหนักบรรทุกถึง 1,224 กก. และสามารถลุยน้ำได้ถึง 610 มม.
รถขนาดฟูลล์ไซส์ทั้งกระบะ, รถเอสยูวี และรถตู้ที่ใช้พแลทฟอร์ม STLA Frame พร้อมสถาปัตยกรรม 800 โวลท์ สามารถรับกระแสชาร์จถึง 350 กิโลวัตต์ หากชาร์จเพียง 10 นาที จะเดินทางได้ถึง 160 กม. ส่วนรถไฮบริดยืดระยะทาง พร้อมสถาปัตยกรรม 400 โวลท์ สามารถเดินทางต่อได้ 80 กม. หลังจากชาร์จเป็นเวลา 10 นาที ด้วยกระแสชาร์จสูงสุด 175 กิโลวัตต์
สำหรับ Jeep และ Ram ที่กำลังจะเข้าสู่สายการผลิต ทั้งระบบส่งกำลังไฟฟ้าล้วน และยืดระยะทาง จะมาพร้อมกับระดับเทคโนโลยี ซึ่งจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจชื้อรถไฟฟ้าเป็นคันแรกได้ทันที ด้วยความมหัศจรรย์ด้านเทคโนโลยีที่สามารถเป็นจริงได้
Jeep และ Ram ที่ใช้พแลทฟอร์ม STLA Frame จะวางตลาดในปี 2568 แต่ไม่น่าจะมาตลาดยุโรป เนื่องจากทั้งรถกระบะ และเอสยูวีจะมีขนาดใหญ่เกินไป แต่ Stellantis ยังมีสถาปัตยกรรม STLA Large สำหรับใช้กับรถไฟฟ้าระดับเรือธง หรือรถขนส่งขนาดใหญ่ในยุโรป อย่าง Vauxhall Movano Electric และ Peugeot e-Boxer ซึ่งขณะนี้ใช้พแลทฟอร์มสำหรับเครื่องยนต์สันดาปภายในร่วมกัน