ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
ต้อนรับปีใหม่ เลือก "รถใหม่" ที่ใช่สำหรับคุณ
ปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่ดีในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ และหนึ่งในสิ่งที่หลายคนเลือกที่จะลงทุน นั่นก็คือ "การซื้อรถใหม่" เพราะไม่เพียงแค่เป็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ และการเดินทางด้วยความสะดวกสบาย ปลอดภัยมากขึ้น หากคุณกำลังวางแผนที่จะซื้อรถใหม่ในปี 2025 นี้ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจขั้นตอน และคำแนะนำในการเลือก รถใหม่ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และความต้องการของคุณมากที่สุด
1. กำหนดงบประมาณ และคำนึงถึงค่าใช้จ่ายระยะยาว
ก่อนที่คุณจะไปดูรถใหม่ที่โชว์รูม ควรกำหนดงบประมาณที่เหมาะสมกับตัวเองก่อน การซื้อรถใหม่ไม่ใช่แค่การจ่ายเงินในครั้งเดียว แต่ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในระยะยาว เช่น ค่าประกันภัย ค่าน้ำมัน การบำรุงรักษา และภาษีรถยนต์ ซึ่งควรคำนวณให้รอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางการเงินในภายหลัง
คำแนะนำ : ต้องตรวจสอบการผ่อนชำระรถยนต์ที่คุณสนใจว่ามีเงื่อนไขแบบใด เช่น อัตราดอกเบี้ย, ระยะเวลาในการผ่อน และจำนวนงวดที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนเพื่อให้เหมาะกับสภาพคล่องทางการเงิน
2. เลือกรูปแบบ และประเภทของรถ
ในตลาดรถยนต์ปัจจุบันมีหลายประเภท และรูปแบบให้เลือก ทั้งรถเก๋ง, รถกระบะ, รถเอสยูวี หรือแม้กระทั่งรถไฟฟ้า (EV) ซึ่งการเลือกประเภทของรถควรขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งาน และไลฟ์สไตล์ของคุณ โดยแบ่งได้ดังนี้
รถเก๋งซีดาน หากคุณเป็นคนที่ต้องการรถที่ขับขี่สะดวก คล่องตัว และประหยัดน้ำมัน มีให้เลือกตั้งแต่หลักแสนไปถึงหลักหลายล้านบาท เหมาะสำหรับคนที่ใช้ชีวิตในเมือง โดยสารได้อย่างต่ำ 1-3 คน
รถเอสยูวี หรือครอสส์โอเวอร์ เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ สำหรับครอบครัวที่ต้องการพื้นที่กว้างขวาง การขับขี่ที่สบายทั้งในเมือง และนอกเมือง แน่นอนว่าเป็นทเรนด์ยุคใหม่ที่กำลังมาแรงมากกับรถยนต์สไตล์นี้ เพราะเข้าถึงได้ตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงาน หรือผู้สูงอายุ เป็นต้น
รถกระบะเพื่อการบรรทุก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถเพื่อการขนส่ง หรือมีความจำเป็นต้องใช้งานบรรทุกสิ่งของหนัก และขับได้สมบุกสมบัน ไปได้ในทุกสภาพถนน
รถไฟฟ้า หรือรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) เป็นรถยนต์กลุ่มใหม่ที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดการใช้พลังงานจากฟอสซิล และเป็นคนที่กล้าลองของใหม่ สนใจในเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะในแง่ของการประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว และมลภาวะเป็นศูนย์ ตอบโจทย์การใช้งานในเมือง และยังมีรถหลากหลายรุ่นให้เลือก ทั้งซีดาน แฮทช์แบค เอสยูวี รถเอมพีวี แม้กระทั่งรถกระบะ
3. ตรวจสอบคุณสมบัติ และฟังค์ชันการใช้งาน
เทคโนโลยีในรถยนต์สมัยใหม่มีการพัฒนาไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบความปลอดภัย เช่น ระบบเบรคอัตโนมัติ, ระบบเตือนการชน, ระบบรักษารถในเลน หรือระบบช่วยขับขี่ (Autopilot) ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้สามารถเพิ่มความสะดวกสบาย และความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่
อีกสิ่งที่ควรพิจารณาคุณสมบัติที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ คือ ระบบ Infotainment เช่น หน้าจอสัมผัส, การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน, ระบบนำทาง (GPS) ระบบขับขี่อัจฉริยะ เช่น Adaptive Cruise Control หรือระบบช่วยจอด และฟังค์ชันการประหยัดพลังงาน หากคุณเลือกซื้อรถที่เน้นประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เป็นตัวช่วยในการใช้งานรถยนต์อย่างเหมาะสม ดังนั้นสำคัญมาก
4. อย่าลืมเชคการรับประกัน และบริการหลังการขาย
การซื้อรถใหม่ควรพิจารณาถึงการรับประกัน และบริการหลังการขายของค่ายรถนั้นๆ เพราะการรับประกันเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจในการลงทุนของคุณ รถยนต์ที่ดีมักจะมาพร้อมกับการรับประกันที่ครอบคลุม เช่น การรับประกันเครื่องยนต์, ระบบไฟฟ้า หรือการบำรุงรักษาในระยะยาว
คำแนะนำ : ตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลาการรับประกัน และบริการที่ให้การดูแลลูกค้าหลังการขาย เช่น ศูนย์บริการในพื้นที่ของคุณ
5. ทดลองขับก่อนตัดสินใจ
การทดลองขับรถก่อนซื้อเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์จริงในการขับขี่ และรู้สึกถึงความสะดวกสบาย รวมทั้งการตอบสนองของเครื่องยนต์ และระบบต่างๆ เมื่อได้ลองสมรรถนะของรุ่นนั้นๆ แล้ว จะช่วยให้คุณมั่นใจว่ารถที่เลือกนั้นมีความเหมาะสมกับการใช้งานของคุณจริงๆ หรืออาจต้องเปลี่ยนตัวเลือก
6. ทเรนด์รถยนต์ในปี 2025 : รถไฟฟ้า และเทคโนโลยีใหม่มาต่อเนื่อง
ในปี 2025 รถยนต์กลุ่มพลังงานไฟฟ้า หรือ BEV กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม และความประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว บางรุ่นของรถไฟฟ้าสามารถชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว และมีระยะทางการขับขี่ที่ยาวนานขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น เช่น การขับขี่อัตโนมัติ, ระบบขับขี่ปลอดภัยขั้นสูง และการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ที่ทำให้คุณสามารถควบคุมรถจากระยะไกล ฯลฯ
โดยสรุปแล้ว การซื้อรถใหม่ไม่เพียงแต่เป็นการลงทุนในยานพาหนะใหม่ แต่ยังเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ด้วยความมั่นใจในการเดินทาง และการขับขี่ที่สะดวกสบาย หากคุณได้ทำการศึกษา เตรียมตัวให้ดี รถใหม่ที่คุณเลือกจะสามารถเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น และพร้อมสำหรับการเดินทางใหม่ๆ ไม่ว่าคุณจะเลือกรถประเภทไหน การเลือกพิจารณาตามความเหมาะสม ความต้องการ และงบประมาณที่สามารถบริหารจัดการได้ในระยะยาว คือ กุญแจสำคัญในการเลือกซื้อรถใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณอย่างแท้จริง
.......................................................................................................................................
Volvo แนะนำ Mobile Service
วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ เปิดตัวบริการบำรุงรักษาเคลื่อนที่ Volvo Mobile Service ที่พร้อมมอบความสะดวกสบายถึงหน้าประตูบ้าน หรือสถานที่ที่ลูกค้านัดหมาย ในการให้บริการบำรุงรักษารถแบบครบวงจรพร้อมอะไหล่แท้จาก Volvo (โวลโว)
คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เพื่อมอบประสบการณ์อันสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ที่ยืดหยุ่นแก่ลูกค้า Volvo ในปัจจุบัน วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ นำร่องเปิดให้บริการ Volvo Mobile Service และขยายโครงการนี้เพิ่มโดยผู้จัดจำหน่ายรถ Volvo อย่าง Volvo GT Auto-สาขาถนนวิทยุ เพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยในปี 2568 Volvo ได้มีแผนการขยาย Volvo Mobile Service ให้พันธมิตรผู้จัดจำหน่ายรถ Volvo ในเขตกรุงเทพฯ เพิ่มมากขึ้น เพื่อครอบคลุมการให้บริการในหลากหลายพื้นที่
Volvo Mobile Service คือ บริการตรวจเชคบำรุงรักษารถแบบเคลื่อนที่ โดยช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญจาก Volvo สำหรับกลุ่มลูกค้าผู้ใช้งานรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในรุ่น Volvo EX30 (โวลโว อีเอกซ์ 30 ), EC40 (อีซี 40), EX40 (อีเอกซ์ 40), C40 Pure Electric (ซี 40 เพียวร์ อีเลคทริค) และ XC40 Pure Electric (เอกซ์ซี 40 เพียวร์ อีเลคทริค) โดยลูกค้าสามารถรับบริการตรวจเชคซ่อมบำรุงพื้นฐาน อาทิ บริการตรวจเชคระยะ, ตรวจเชคลมยาง, เปลี่ยนใบปัดน้ำฝนหน้า-หลัง, เปลี่ยนไส้กรองแอร์ หรือบริการอัพเดทซอฟท์แวร์ได้ที่บ้าน หรือสถานที่ที่ลูกค้าพึงรับบริการโดยใช้ระยะเวลาในการรับบริการราว 1-2 ชม. แทนที่ต้องนำรถเข้าศูนย์ด้วยตนเอง เปลี่ยนเป็นให้เราได้มอบบริการถึงหน้าบ้านคุณ
"Volvo Mobile Service คือ บริการหลังการขายที่เราได้พัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับการให้บริการ และสร้างการเข้าถึงลูกค้าที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น อีกทั้งบริการดังกล่าวยังเป็นการอำนวยความสะดวก และสร้างความอุ่นใจในการขับขี่ให้แก่ลูกค้าด้วยรถที่ได้รับการตรวจสอบ และดูแลรักษาจากช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งผ่านการฝึกอบรมตามมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงของ Volvo"
สโลแกนที่ Volvo Mobile Service ยึดถือเป็นสำคัญ นั่นคือ ประหยัดเวลา-สะดวกสบาย-และแน่นอน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์การตรวจเชครถไฟฟ้าที่ครอบคลุม รวดเร็ว และแม่นยำ ซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันที่มองหาความอิสระ คล่องตัว และความยืดหยุ่น แต่ไม่ละเลยที่จะคำนึงถึงความปลอดภัย
สำหรับลูกค้า Volvo ที่มีระยะทางการใช้รถไฟฟ้าครบ 30,000 กม. หรือ 12 เดือน (อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นก่อน) สามารถติดต่อเพื่อนัดหมายวัน เวลา และเลือกสถานที่ในการรับบริการตามที่สะดวก สามารถนัดหมายติดต่อได้ที่ผู้ให้บริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน ได้แก่ วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ และผู้จัดจำหน่าย Volvo GT Auto-สาขาถนนวิทยุ
.......................................................................................................................................
เคาะราคาบัตร ! ซื้อบัตร MotoGP ได้ชมฟรี Pre-Season Test
เคาะราคาบัตร ! ซื้อบัตร MotoGP ได้ชมฟรี Pre-Season Test กับปีแห่งความยิ่งใหญ่ที่ประเทศไทยเตรียมรับบทเจ้าภาพ MotoGP รายการ PT Grand Prix of Thailand 2025 ทั้งการทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล (Pre-Season Test) และการแข่งขัน (Main Race) สนามที่ 1 ของฤดูกาลที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ. บุรีรัมย์
ฝ่ายจัดงานฯ ประกาศราคาบัตรสุดพิเศษ กับความสนุกแบบจัดเต็มทั้งใน และนอกสนาม เปิดจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลก 9 มค. 68 ผ่านช่องทางออนไลน์ ร่วมส่งเสียงเชียร์นักบิดคนโปรด แสดงพลังเชียร์นักบิดสายเลือดไทย “ก้อง-สมเกียรติ” ที่ลงแข่งขันในรุ่นพรีเมียร์คลาสส์ครั้งแรกในประวิติศาสตร์ ประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ทระดับโลกบนผืนแผ่นดินไทยที่แฟนตัวจริงต้องห้ามพลาด
การจัดการแข่งขัน “MotoGP สนามประเทศไทย” รายการ PT Grand Prix of Thailand 2025 ความภาคภูมิใจของคนไทยในการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมพ์โลก ซีรีส์ศึกสองล้อที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีผู้ติดตามชมมากที่สุดของโลก ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2568 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ. บุรีรัมย์ โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพปีที่ 6
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในฐานะเจ้าภาพหลักฝ่ายจัดการแข่งขันว่า คณะทำงานได้กำหนดราคาจำหน่าย “บัตรเข้าชม MotoGP สนามประเทศไทย 2025” ดังนี้
- สิทธิพิเศษสำหรับ “บัตรชม MotoGP” สุดคุ้ม 2 ต่อ ได้ชม “Pre-Season Test” ฟรี โดยราคาบัตร Main Race สนามที่ 1 ของฤดูกาล วันที่ 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2568 ซึ่งเป็นบัตรชมงานแบบ 3 วัน แบ่งเป็น
1. Grand Stand 5,000 บาท (เห็นทุกโค้งทั่วสนาม)
2. Rider Stand 3,000 บาท สำหรับกองเชียร์นักแข่ง 3 คน ได้แก่ มาร์เกซ สแตนด์, กวาร์ตาราโร สแตนด์, จันทรา สแตนด์ สำหรับแฟน ก้อง-สมเกียรติ จันทรา (พร้อมของที่ระลึก ลิขสิทธิ์แท้จากนักบิดคนโปรด)
3. Brand Stand 2,000 บาท สำหรับกองเชียร์จากค่ายรถจักรยานยนต์ชั้นนำ ประกอบด้วย Honda (ฮอนดา), Yamaha (ยามาฮา) และ Ducati (ดูคาตี) (พร้อมสิทธิ์ลุ้นชิงโชคของรางวัลจากผู้สนับสนุน)
4. Side Stand 2,000 บาท (ราคาสบายกระเป๋า)
-ส่วนผู้ชมที่ต้องการซื้อเฉพาะบัตรชม Pre-Season Test ทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล วันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ 2568 ราคาจำหน่ายบัตร แบ่งเป็น บัตร Grand Stand ราคา 500 บาท/วัน หรือเหมา 2 วัน 900 บาท, บัตร VIP 5,000 บาท/วัน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสถิติการเปิดจำหน่ายบัตร “MotoGP สนามประเทศไทย” ได้สร้างปรากฏการณ์ และสถิติที่น่าสนใจอย่างมากในแต่ละปี โดยในครั้งนี้ก็มีกระแสเสียงเรียกร้องจากแฟนความเร็วในส่วนการเปิดจองบัตรแข่งขันในโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
กกท. และคณะทำงาน ร่วมกับ “Allticket” จึงได้กำหนดวันจำหน่ายบัตรอย่างเป็นทางการทั่วโลก ในวันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม 2568 เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ผ่านช่องทางออนไลน์ที่เวบไซท์ All ticket และในประเทศไทย ยังสามารถจับจองผ่าน Counter Service All Ticket ในร้าน 7-11 ทุกสาขาทั่วประเทศ
คณะทำงานฯ ได้เตรียมการระบบต่างๆ เพื่อรองรับ และอำนวยความสะดวกให้แฟนๆ ที่จะจองบัตรในวัน เวลาดังกล่าวอย่างดีที่สุด โดยในปี 2024 ที่ผ่านมา หลังเปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมการแข่งขัน ประเภท Grand Stand Sold Out ด้วยเวลา 03.12 นาที โดยในปี 2025 นี้
คาดการณ์ว่า ด้วยความพิเศษของ “บัตรชม MotoGP” ที่สุดคุ้มถึง 2 ต่อ ได้ชม “Pre-Season Test” ฟรี รวมทั้งปรากฏการณ์แห่งการร่วมใจเชียร์นักบิดไทย จะทำให้บัตรชมการแข่งขันสนามประเทศ ไทย ประสบความสำเร็จในแง่ยอดจัดจำหน่ายสูงสุด เต็มทุกสแตนด์ที่นั่งอย่างรวดเร็ว สามารถสร้างสถิติใหม่ขึ้นได้อีกครั้งแน่นอน
ราคาจำหน่ายบัตรในประเทศไทย จัดว่าถูก และคุ้มค่าที่สุด เนื่องจากทุกภาคส่วนจัดเต็มมหกรรมความสนุก-ความบันเทิงทั้งใน และนอกสนาม คอนเสิร์ท มวย ชอพ ชิม ศิลปวัฒนธรรม ด้วยเสน่ห์แบบไทยไทย ประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ทระดับโลกบนผืนแผ่นดินไทยที่แฟนตัวจริงต้องห้ามพลาด
.......................................................................................................................................
Scomadi กางแผนปี 2568
Scomadi (สโกมาดี) เผย 2568 พร้อมเดินหน้าสร้างความสำเร็จผ่านหลากหลายกลยุทธ์ ทั้งการเปิดตัวรถสกูเตอร์โมเดลใหม่ สร้างเสริมฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง รวมถึงขยายดีเลอร์ให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ตลอดจนส่งเสริมการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักขับขี่ทุกไลฟ์สไตล์อย่างครอบคลุม และบรรลุเป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่คาดหวัง
แมกซิม วองเดอเรเกน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สโกมาดิ (ประเทศไทย) กล่าวว่า Scomadi เป็นแบรนด์สกูเตอร์สไตล์บริทิช โมเดิร์น คลาสสิค ที่ดำเนินธุรกิจในหลายประเทศทั่วโลก ตลอดปี 2567 Scomadi มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม ที่เป็นตลาดสำคัญของธุรกิจรถจักรยานยนต์ รวมถึงในประเทศไทย ซึ่งเป็นฐานการผลิต และส่งออกประจำภูมิภาค โดยมุ่งสร้างความประทับใจให้ลูกค้าทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ผ่านการนำเสนอโมเดลรถสกูเตอร์ทรงคลาสสิคขนานแท้ ที่ใช้งานในชีวิตจริงได้อย่างคล่องตัว สำหรับผู้ขับขี่ทุกไลฟ์สไตล์ ตามแนวคิด Timeless Design with High Functionality
สำหรับประเทศไทยในปีที่ผ่านมา ได้ชูรถสกูเตอร์ไฟฟ้ารุ่น “Turismo Electronica (ตูริสโม อีเลคทรอนิคา)” เป็นโมเดลหลักประจำปี นอกจากเอกลักษณ์สวยงามมีระดับตามแบบฉบับ Scomadi รถสกูเตอร์ไฟฟ้ารุ่นนี้ยังได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้ใช้งาน ด้วยสมรรถนะจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น
· ประสบการณ์การขับขี่ที่คล่องตัว ความหน่วงต่ำ ทำความเร็วได้สูงสุด 90 กม./ชม. นอกจากการขับขี่ในที่ราบ รถรุ่นนี้ยังมีจุดเด่นที่มอเตอร์แบบ DC Brushless Permanent Magnet Synchronous ให้กำลัง 3,000 วัตต์ รวมถึงยางล้อหน้า Tubeless 110/70-12 และล้อหลัง Tubeless 120/70-12 ให้การยึดเกาะดีเยี่ยม สามารถขับขึ้นเนินชันได้อย่างคล่องตัว ปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ถึง 3 โหมด ได้แก่ Economy Normal และ Sport พร้อมเกียร์ถอยหลัง มีชอคอับหน้า และหลังแบบไฮดรอลิคปรับพรีโหลดได้ และระบบเบรค CBS เพื่อประสบการณ์ขับขี่ที่ปลอดภัย พร้อมให้สนุกสนานกับการเดินทางทุกรูปแบบ
· มาพร้อมฟีเจอร์ทันสมัยอย่าง หน้าจอ TFT Screen ขนาดใหญ่ 5 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อจากโทรศัพท์มือถือมายังเรือนไมล์ ผ่านแอพพลิเคชัน Carbit Ride สามารถใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ ทั้งการเปิดแผนที่แบบ Real-Time รวมถึงสามารถเปิดเพลง หรือวีดีโอ มอบความบันเทิงขณะขับขี่ให้แก่ผู้ขับขี่ตลอดการเดินทาง
· สกูเตอร์ไฟฟ้ารุ่นนี้ยังได้รับการออกแบบให้มีความปลอดภัยสูง พร้อมความจุแบทเตอรี 72 โวลท์ 40AH ให้การขับระยะทางไกลถึง 101 กม. ในระยะเวลาการชาร์จเต็มเพียง 3 ชม. เท่านั้น ซึ่งถูกติดตั้งอย่างมั่นคง ป้องกันการชอท หรือเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงมอเตอร์ที่ได้รับการซีลป้องกันน้ำ ลุยน้ำได้ถึงระดับครึ่งล้อแบบไร้กังวล
“นอกจากนี้ ยังตอบโจทย์ลูกค้าที่มีความต้องการรถสกูเตอร์ที่ให้การขับขี่เร้าใจ และระบบเบรคที่มอบการควบคุมรถอย่างเฉียบคม ทำให้ในช่วงปลายปี 2567 ได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุดเพิ่ม 2 รุ่น ได้แก่ “Technica 200i Adventure Series ABS (เทคนิคา 200 ไอ แอดเวนเจอร์ ซีรีส์ เอบีเอส)” และ “Technica 200i Urban Series ABS (เทคนิคา 200 ไอ เออร์เบิน ซีรีส์ เอบีเอส)” ที่มาพร้อมระบบเบรค ABS และตัวเลือกสีใหม่ พร้อมให้ออกเดินทางไปกับโรดทริพแบบมีสไตล์ สอดรับเจตนารมณ์การเป็นแบรนด์ที่รองรับความต้องการของคนรักสกูเตอร์คลาสสิค ทั้งในเชิงฟังค์ชันการใช้งาน ดีไซจ์น และไลฟ์สไตล์ อย่างครบครันที่สุด”
แฟรงค์ แซนเดอร์สัน ผู้ร่วมก่อตั้ง Scomadi เสริมว่า Scomadi ถือกำเนิดจากความหลงใหลในรูปลักษณ์ที่อยู่เหนือกาลเวลาของรถสกูเตอร์แบบดั้งเดิม ผสานกับความรู้ด้านวิศวกรรมรถจักรยานยนต์ ที่สั่งสมจากการเป็นเจ้าของสำนักแต่งรถสกูเตอร์ และประสบการณ์การทำงานกว่า 60 ปี แรงบันดาลใจนี้นำมาสู่การสร้างสรรค์รถสกูเตอร์ Scomadi คันแรกในปี 2548 ณ ประเทศอังกฤษ ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี เรามีการพัฒนารถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยยังคงยึดมั่นในดีเอนเอ “บริทิช โมเดิร์น คลาสสิค" อย่างเข้มข้น สะท้อนในการออกแบบทั้งโครงรถ ตัวถังเหล็ก เส้นสายโค้งมน เบาะหนังเย็บอย่างประณีต ไปจนถึงไฟ LED ทรงกลม ที่รักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวครบถ้วน ผสานนวัตกรรมทันสมัย เช่น ระบบเบรค หน้าจอดิจิทอล และสมรรถนะเหนือระดับ เพื่อครองใจนักขับขี่ผู้มีใจรักความคลาสสิคในทุกยุคสมัย
ด้าน พรเศก ภาคสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สโกมาดิ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปี 2568 Scomadi พร้อมนำเสนอความตื่นเต้นให้คนรักสกูเตอร์ทั่วโลก ด้วยแผนการดำเนินงาน และกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ เปิดตัวรถสกูเตอร์ บริทิช โมเดิร์น คลาสสิค โมเดลใหม่ ที่ครบเครื่องด้วยเทคโนโลยีทันสมัย มาในรูปลักษณ์ต้นตำรับอังกฤษ การสร้างความแข็งแกร่งให้ชุมชนคนขับ Scomadi ผ่านกิจกรรมทดลองขับขี่ และกิจกรรมเอกซ์คลูซีฟในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ตลอดจนการขยายดีเลอร์ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อให้ผู้สนใจสามารถชมรถรุ่นต่างๆ รวมถึงให้ลูกค้าปัจจุบันสามารถเข้ารับบริการจาก Scomadi ได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
“นอกจากนี้ ในปีหน้า Scomadi ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจในตลาดเอเชีย ด้วยการยกระดับมาตรฐานโรงงานผลิตในไทย เพื่อรองรับความต้องการ และการส่งออก รวมถึงเตรียมขยายการดำเนินธุรกิจในทวีปยุโรป ด้วยการทำใบรับรองมาตรฐานยูโร เพื่อให้สามารถจำหน่ายรถรุ่นใหม่ได้ในหลายประเทศ ทั้งหมดนี้จะทำให้ Scomadi สามารถสร้างความสำเร็จในฐานะแบรนด์สกูเตอร์ บริทิช โมเดิร์น คลาสสิคที่ครองใจผู้ขับขี่ทุกคน”