ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Alfa Romeo (อัลฟา โรเมโอ) โดย Chris Feuell บอสส์ใหญ่อเมริกาเหนือ ได้กล่าวในงาน NADA (National Automobile Dealers Association) ที่นิวออร์ลีนว่า ทางค่ายจะยกเลิกแผนขายรถไฟฟ้าทุกรุ่นในปี 2570 โดยจะขายรถเครื่องยนต์สันดาปภายในต่อไป เพื่อเป็นการปรับตัวจากยอดขายรถไฟฟ้าตกต่ำในอเมริกาเหนือ
สิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยน คือ การเปลี่ยนจากแนวคิดขายรถไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ไปเลือกใช้ประเภทหลากหลายพลังงาน โดยปัจจุบัน Alfa Romeo มีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายในสหรัฐฯ 110 แห่ง ที่ต้องพยายามเอาตัวรอด ด้วยการเปลี่ยนจากการจำหน่ายรถไฟฟ้าอย่างเดียว
การจำหน่ายรถเครื่องยนต์เบนซิน และพลัก-อิน ไฮบริด นับว่าเป็นเรื่องที่ท้าทาย จากตัวเลขยอดขายในไตรมาสที่ 4 มียอดจำหน่ายลดลง 38 % และยอดขายรวมของปี 2567 ลดลง 19 % ซึ่งเป็นการลดต่อเนื่องถึง 4 ปี และปัจจุบันยังมีรถรุ่นปี 2567 ค้างอยู่อีกจำนวนไม่น้อย
Alfa Romeo รุ่นต่างๆ ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ มีทั้งซีดาน Giulia, ครอสส์โอเวอร์ Stelvio และ Tonale ครอสส์โอเวอร์รุ่นใหม่คู่แฝดของ Dodge Hornet โดย Tonale วางขายด้วยรุ่นปี 2567 พร้อมเครื่องยนต์พลักอินไฮบริด และเพิ่มตัวเลือกรุ่นใหม่ ด้วยเครื่องยนต์เบนซินล้วนในปี 2568
นอกจากนั้นยังมีแนวคิดจะวางจำหน่าย Junior รถครอสส์โอเวอร์ขนาดเล็ก ขุมพลังไฟฟ้าล้วน และไมลด์ไฮบริด ซึ่งเดิมไม่มีแผนวางตลาดสหรัฐฯ โดยจะวางตลาดสหรัฐฯ เฉพาะรัฐที่มีข้อกำหนดด้านมลพิษเข้มงวดอย่างแคลิฟอร์เนีย และฟลอริดา
ส่วนรถใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน และไฮบริดรุ่นใหม่ที่จะส่งจำหน่ายสหรัฐฯ ในขณะนี้ยังไม่มีตัวเลือกมากนัก โดยรุ่นที่จะมาแทน Giulia และ Stelvio จะเป็นรถไฟฟ้าล้วนตามแผนเดิม
Alfa Romeo ไม่ได้เป็นแบรนด์เพียงเจ้าเดียวที่ถอยจากแผนจำหน่ายรถไฟฟ้าล้วนทั้งในสหรัฐฯ และตลาดอื่น โดย Genesis ปรับเป้าหมายจำหน่ายรถไฟฟ้าทุกรุ่นในปี 2568 เปลี่ยนมาเพิ่มเวอร์ชันไฮบริด สำหรับรุ่นต่อไปที่จะวางจำหน่ายทั่วโลก ส่วน General Motors ก็ยังไม่ชัดเจนในแผนผลิตรถไฟฟ้าล้วนในปี 2573
บทความแนะนำ