ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ปีหน้า Mercedes-Benz (เมร์เซเดส-เบนซ์) จะเปิดตัวรถไฟฟ้าใหม่ 2 รุ่น โดยมีทั้งรุ่น GLC-Class (จีแอลซี-คลาสส์) และ C-Class (ซี-คลาสส์)
รถทั้งสองรุ่นจะติดป้าย “with EQ Technology” เพื่อสื่อว่าเป็น GLC-Class และ C-Class เวอร์ชันรถไฟฟ้า โดยจะเป็นรุ่นแรกที่ใช้พแลทฟอร์ม MB.EA ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ
พแลทฟอร์ม MB.EA ต่างจากพแลทฟอร์ม MMA ที่ใช้กับ CLA-Class ซึ่งเปิดตัวในปีนี้ โดยพแลทฟอร์มใหม่ใช้ระบบส่งกำลัง 2 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมสถาปัตยกรรม 800 โวลท์ และมีแบทเตอรีให้เลือก ในรุ่นสูงสุดรองรับการชาร์จเร็ว 320 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จ 10-80 % ไม่เกิน 30 นาที
Mercedes-Benz แจ้งว่าแบทเตอรีใหม่ มีส่วนประกอบสารเคมีต่างออกไป โดยขั้วบวกมีส่วนผสมของซิลิคอนคาร์ไบด์เพิ่มในแท่งกราไฟท์ ทำให้มีความหนาแน่นกระแสไฟสูง รถมีน้ำหนักน้อยลง และมีระยะเดินทางไกลขึ้น
Mercedes-Benz ยังไม่แจ้งรายละเอียดของระบบส่งกำลัง 2 จังหวะ แต่คาดว่าเป็นระบบเดียวกับพแลทฟอร์ม MMA ที่ปรับปรุงให้มีความนุ่มนวล และประสิทธิภาพสูง แทนการเน้นสมรรถนะเพียงอย่างเดียว โดยเกียร์ 1 อัตราทด 11:1 ทำความเร็วสูงสุด 110 กม./ชม. และเกียร์ 2 อัตราทด 5:1 ทำความเร็วสูงสุด 209 กม./ชม. ให้ประสิทธิภาพสูงสุดในเส้นทางไฮเวย์ และทางค่ายยืนยันว่าระบบเกียร์มีการทำงานนุ่มนวล จนไม่รู้สึกถึงจังหวะเปลี่ยนเกียร์
GLC-Class มีทั้งเวอร์ชันมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง และมอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยในรุ่นขับเคลื่อนทุกล้อ มีระบบตัดการเชื่อมต่อการขับเคลื่อนของมอเตอร์ที่ล้อหน้าเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด และสามารถเชื่อมต่อทันทีที่ต้องการ อินเวอร์เตอร์ของมอเตอร์ไฟฟ้าใช้เทคโนโลยีซิลิคอนคาร์ไบด์ ช่วยลดการสูญเสียพลังงานขณะสลับการใช้งาน และสลับทำงานอย่างรวดเร็ว จึงให้ระยะเดินทางไกลกว่า
พแลทฟอร์ม MB.EA พิเศษสุดด้วยโมดูลระบบเบรคแบบคอมแพคท์ ประกอบด้วยหม้อลมเบรค, กระบอกสูบ และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) ซึ่งรถทั่วไปไม่อยู่ด้วยกัน ผู้ผลิตยืนยันว่าเป็นระบบเบรคที่มีการถ่ายทอดความรู้สึกการเบรคดีขึ้น มีประสิทธิภาพการชาร์จกระแสกลับ (Energy Recovery) สูงสุด ทำให้มีระยะเดินทางไกลขึ้น ทั้งยืนยันว่าการเบรคด้วยระบบชาร์จกระแสกลับ และระบบเบรคแบบดั้งเดิมถ่ายทอดความรู้สึกของระบบเบรคไม่ต่างกัน ระบบเบรคแบบไฮดรอลิค มีพร้อมใช้งานกรณีระบบโมดูลเบรคขัดข้อง
ขณะนี้ GLC-Class กำลังวิ่งทดสอบในตอนเหนือของสวีเดน ภายใต้ระดับอุณหภูมิ -40 องศา ซึ่งอุณหภูมิระดับนี้จะส่งผลอย่างรุนแรงกับแบทเตอรี ทั้งการใช้งาน และระยะเดินทาง การทดสอบนี้จึงเป็นการประเมินผลการทำงานของระบบปั๊มความร้อน (Heat Pump)
ระบบปั๊มความร้อนดึงความร้อนจาก 3 แหล่ง จากมอเตอร์ไฟฟ้า, แบทเตอรี และสภาพแวดล้อม ปั๊มความร้อนเป็นส่วนหนึ่งของระบบปรับอากาศ ซึ่งทางค่ายให้ความสำคัญกับความสบายในห้องโดยสารด้วยระบบจ่ายความเย็น แม้ขณะชาร์จแบทเตอรีด้วยระบบชาร์จเร็วที่ทำให้เกิดความร้อนสูงในแบทเตอรี แต่ระบบปรับอากาศยังทำงานได้อย่างไม่มีที่ติ เพื่อความสบายของผู้โดยสาร
อีก 24 เดือนข้างหน้า Mercedes จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่กว่า 10 รุ่น โดยส่วนใหญ่เป็นรถไฟฟ้า และมีรถไฟฟ้า E-Class อีกรุ่น ซึ่งใช้พแลทฟอร์ม MB.EA