รถล่าสุด
Mercedes-Benz ในบ้านเรา ประเดิมปี 2025 กับการเปิดตัวพร้อมราคาของ AMG 3 รุ่นรวด ! ได้แก่ Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+, G63 และ SL 55 4MATIC+
ค่ายดาว 3 แฉก Mercedes-Benz (เมร์เซเดส-เบนซ์) ในบ้านเรา ประเดิมปี 2025 อย่างเร้าใจ กับการเปิดตัวรหัสแห่งความแรง “AMG” 3 รุ่นรวด ! ได้แก่ Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ (ราคาเริ่มต้น 15,900,000 บาท), Mercedes-AMG G63 (ราคาเริ่มต้น 18,800,000 บาท) และ Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ (ราคาเริ่มต้น 14,900,000 บาท) มาดูรายละเอียดของแต่ละรุ่นกันเลย
Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ ราคาเริ่มต้น 15,900,000 บาท
ยนตรกรรมเรือธงในตระกูล GT เจเนอเรชันที่ 2 ของแบรนด์ Mercedes-AMG (เมร์เซเดส-เอเอมจี) ครั้งนี้กลับมาเปิดตัวในประเทศไทยด้วยรหัสตัวถัง C192 ออกแบบภายใต้แนวคิด “One Man, One Engine” ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบ Bi-Turbo และติดตั้งในตำแหน่งอันเป็นเอกลักษณ์แบบ hot inside “V” ทำให้เครื่องยนต์สามารถสร้างพละกำลังได้สูงถึง 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 800 นิวทันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.2 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กม./ชม.โดยรถรุ่นนี้ได้ถูกปรับแต่งระบบควบคุมเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มสมรรถนะ และการตอบสนองของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการควบคุมระบบอัดอากาศให้เหมาะสมตามการขับขี่ และตกแต่งฝาครอบเครื่องยนต์ด้วยลายเซ็นของผู้ประกอบที่บ่งบอกถึงสัญลักษณ์ของ AMG
ดีไซจ์นภายนอกของ Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ (เมร์เซเดส-เอเอมจี จีที 63 4 เมทิค พลัส) มีลักษณะตัวถังแบบ Wide Body ด้วยมิติความกว้างถึง 2 ม. สะท้อนดีเอนเอของรถมอเตอร์สปอร์ทที่ขับขี่ได้จริง ติดตั้งกระจังหน้าแบบ AMG-specific radiator grille with V8 Exterior Styling Package และไฟหน้า Digital Light นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัย Driving Assistance Package ที่รวมเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง และกล้องรอบคัน 360 องศา ที่จะแสดงภาพมุมมองรอบทิศทางแบบ Real-time เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการขับขี่ ที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมได้
ระบบส่งกำลัง คือ AMG Speedshift MCT 9-Speed Sport Transmission ที่สามารถรองรับแรงบิดได้สูง ตอบสนองทุกรูปแบบการขับขี่ และเปลี่ยนเกียร์ได้ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที พร้อมสมรรถนะการขับขี่ในสนามแข่งที่ดียิ่งขึ้น ด้วยการออกแบบทั้งระบบฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ ให้สามารถทำงานร่วมกันอย่างลงตัว รวมถึงระบบ Race Start ในจังหวะออกตัวเพื่อการทำอัตราเร่งที่ดีที่สุด ขณะที่ระบบขับเคลื่อน AMG Performance 4MATIC+ ถูกปรับทูนมีให้การตอบสนองการใช้งานให้สามารถเข้าโค้งได้ปลอดภัย และรวดเร็ว โดยไม่เสียการควบคุม ด้วยการกระจายกำลังที่สั่งการจากระบบต่างๆ อย่างเหมาะสม และแม่นยำตามสถานการณ์ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถทำเวลาในสนามแข่งได้ดีที่สุด รวมถึงเบรคสมรรถนะสูงที่ออกแบบโดย Mercedes-AMG ที่มาพร้อมระบบเบรคแบบ Sports Braking System และช่องระบายอากาศเพื่อลดอุณหภูมิของเบรคเมื่อมีการใช้งานในความเร็วสูง
Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ สามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงได้อย่างรวดเร็ว และปลอดภัย ด้วยระบบช่วยเหลือการควบคุมการเลี้ยวล้อหลังแบบ AMG Rear-Axle Steering โดยระบบจะทำงานแบบอัตโนมัติเมื่อความเร็วเกิน 100 กม./ชม. ขึ้นไป ด้วยการใช้ล้อหลังเลี้ยวไปในทิศทางเดียวกันกับล้อหน้า ไม่เกิน 0.7 องศา หากต่ำกว่า 100 กม./ชม. จะเลี้ยวตรงกันข้ามกับล้อหน้า ไม่เกิน 2.5 องศา ส่วนช่วงล่างติดตั้งระบบ AMG Ride Control Sports Suspension รองรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูง เพื่อความปลอดภัยขณะเข้าโค้ง โดยผู้ขับขี่สามารถปรับระบบการทำงานของช่วงล่างได้มากถึง 3 ระดับ ได้แก่ Comfort, Sport และ Sport+ ระบบจะช่วยปรับบุคลิกของช่วงล่างให้เป็นไปตามโหมดที่ผู้ขับขี่เลือกใช้ ผ่านหน้าจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลาง หรือปุ่มบริเวณพวงมาลัย
เติมเต็มประสบการณ์แห่งความสปอร์ทอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์ และเทอร์โบแบบ AMG Real Performance Sound โดยระบบจะแสดงเสียงภายในห้องโดยสารบริเวณคอนโซลกลาง สามารถถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์ได้อย่างเร้าใจตามแบบฉบับของ AMG ผู้ขับขี่สามารถควบคุมเสียงของเครื่องยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น Sporty, Discreet (Balanced), Motorsporty และ Emotive (Powerful) สามารถเลือกโหมดผ่านระบบปรับรูปแบบการขับขี่ AMG Dynamic Select โดยในโหมด S และ S+ จะสามารถถ่ายทอดพลังเสียงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ในส่วนของดีไซจ์นภายใน Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ มาพร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX7 กับหน้าจอตรงกลางขนาด 11.9 นิ้ว ควบคุมด้วยระบบสัมผัส และสามารถปรับระดับด้วยไฟฟ้า 12- 32 องศา พร้อมหน้าจอ Driver’s display ขนาด 12.3 นิ้ว แบบ AMG-specific indicators พวงมาลัย AMG Performance Steering Wheel และเบาะหลังที่พับพนักพิงได้ในรถยนต์แบบ 2+2 ที่สามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมได้ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน
Mercedes-AMG G63 ราคาเริ่มต้น 18,800,000 บาท
ยนตรกรรมที่มาพร้อมการผสมผสานระหว่างขุมพลัง สมรรถนะ และเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่โลกของยนตรกรรมออฟโรดสุดหรู ด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ V8 Bi-Turbo ขนาด 4.0 ลิตร ที่ออกแบบโดย AMG และเกียร์แบบใหม่ AMG Speedshift TCT 9-Speed Sports Transmission พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหล และแม่นยำ มอบพละกำลังสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวทันเมตร ทำให้สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.5 วินาที พร้อมยกระดับสมรรถนะด้วยระบบ Mild Hybrid ที่ผสานการทำงานเข้ากับพื้นฐานเครื่องยนต์ V8 ภายใต้แนวคิด "One Man, One Engine" เสริมพลังการออกตัวที่เฉียบคม และตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
Mercedes-AMG G63 (เมร์เซเดส-เอเอมจี จี 63) มาพร้อมดีไซจ์นที่สะท้อนความแข็งแกร่งเหนือกาลเวลา ด้วยการออกแบบรอบคันแบบ AMG bodystyling ตกแต่งด้วยกระจังหน้าแบบ AMG Specific Grille และกันชนหน้าแบบ AMG-specific front bumper เพื่อเพิ่มความสปอร์ทดุดัน ทั้งยังช่วยในด้านแอโรไดนามิค และการระบายอากาศ ผสานกับไฟหน้า Multibeam LED ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มทัศนวิสัย และความปลอดภัยขณะขับขี่ และการแก้ไขการออกแบบจุดเสา A-pillar ใหม่ทั้งหมด พร้อมการใส่ Spoiler ไว้ด้านบน ช่วยลดเสียงภายในห้องโดยสารลงได้มากถึง 20 % นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งหลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความโปร่งโล่งให้แก่ห้องโดยสาร พร้อมให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารสัมผัสบรรยากาศภายนอกได้อย่างง่ายดาย มาจนถึงล้อแมกขนาด 21 นิ้ว ดีไซจ์นสปอร์ทจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ทั้งยังเป็นครั้งแรกของ G-Class ที่มาพร้อมปุ่มเปิด-ปิดประตูทั้งหมดเป็นแบบ Keyless-Go เพียงสัมผัสที่มือจับประตูก็สามารถลอค หรือปลดลอคได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ ช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ในทุกการเดินทาง
AMG High-Performance Braking System ระบบเบรคสมรรถนะสูง พร้อมการตกแต่งด้วยคาลิเพอร์เบรคสีแดง ประดับด้วยโลโก AMG ให้ความโดดเด่นในทุกการขับขี่ ผสานการทำงานกับระบบท่อไอเสียคู่ AMG Performance Exhaust System ที่มอบประสบการณ์อันเร้าใจถึงขีดสุด พร้อมระบบปรับระดับเสียง ช่วยให้ควบคุมความกระหึ่มของเสียงท่อไอเสียได้ตามความต้องการ และกล้อง 360 องศา with Transparent Bonnet เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เห็นภาพด้านหน้ารถ และใต้ท้องรถ ผ่านหน้าจอแสดงผล ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยโดยเฉพาะในเส้นทางออฟโรด หรือพื้นที่แคบ
AMG Active Ride Control Chassis ระบบช่วงล่างแบบ Active Hydraulic ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเสถียรในการขับขี่ และลดอาการโคลงตัวของรถ โดยสามารถปรับการขับขี่ได้ 2 รูปแบบ คือ Off-Road และ Sport โดยเพิ่มฟีเจอร์ความเป็นรถมอเตอร์สปอร์ทมากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่ง Differential Lock ซึ่งเป็นฟีเจอร์เอกลักษณ์ของ G-Class โดยระบบสามารถลอคเฟืองท้ายได้ถึง 3 จุด แต่ละจุดสามารถลอคได้เต็ม 100 % (Three Times 100 % Lockable) ช่วยให้รถสามารถขับผ่านพื้นผิวที่มีแรงยึดเกาะต่ำ เช่น โคลน ทราย หิมะ หรือพื้นผิวขรุขระได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเทคโนโลยีที่มอบความล้ำสมัยอย่างลงตัว เริ่มจากหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ All-Digital Instrument Display ขนาด 12.3 นิ้ว ที่เชื่อมต่อกับระบบปฏิบัติการมัลทิมีเดีย Comand Online ขนาด 12.3 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงข้อมูล และควบคุมฟังค์ชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย พวงมาลัย AMG Performance Steering Wheel หุ้มหนัง Nappa ตัดสลับ Dinamica microfibre ระบบ AMG Dynamic Select ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดขับขี่ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งสามารถปรับค่าการทำงานของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และพวงมาลัยให้ตอบสนองกับสภาพถนน และสไตล์การขับขี่ได้อย่างลงตัว พร้อมเติมเต็มอารมณ์การขับขี่ด้วยระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® Surround Sound System ที่ให้คุณภาพเสียงคมชัดรอบทิศ นอกจากนี้ ภายในห้องโดยสารยังมาพร้อมระบบฟอกอากาศ Air Balance Cabin-Air Purification System ที่ช่วยรักษาคุณภาพอากาศให้สะอาด สดชื่น และผ่อนคลายตลอดการเดินทาง ทำให้ทุกเส้นทางเต็มไปด้วยความสะดวกสบายในแบบฉบับของ AMG
Mercedes-AMG G 63 ยังติดตั้งระบบความปลอดภัยขั้นสูงสุดมากมาย อาทิ Assistance Package ทั้งระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist Distronic) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist with exit warning function) ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) และระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย (Active Steering Assist) และระบบความปลอดภัยอื่นๆ อย่างครบครัน
โดยมีสีตัวถังให้เลือกกว่า 8 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีดำ (Obsidian Black) สีเงิน (Iridium Silver) สีเงิน (Mojave Silver) สีน้ำเงิน (Sodalite Blue) สีน้ำเงิน (Brilliant Blue) สีเขียว (Emerald Green) และสีเทา (Selenite Grey)
นอกจากนี้ Mercedes-AMG G 63 ยังมาพร้อม Optional Extra ที่เปิดให้ลูกค้าสามารถเลือกออพชัน และอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมได้อีกมากมาย ตั้งแต่สีตัวถังแบบ Manufaktur ล้อแมกแบบ AMG ชุดแต่ง AMG Night Package และ Black accents อุปกรณ์ตกแต่ง “G manufaktur” รวมถึงการตกแต่งภายในที่มีให้เลือกทั้งแบบ Exclusive และ Superior Line
Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ ราคาเริ่มต้น 14,900,000 บาท
รถยนต์สปอร์ทขุมพลังแรงสุดหรูที่มอบความเป็นที่สุดในทุกด้านจาก Mercedes-AMG มาพร้อมเครื่องยนต์อันทรงพลังในแบบฉบับ AMG ประกอบขึ้นโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเพียงผู้เดียว ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายแบบ One Man, One Engine ด้วยเครื่องยนต์แบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบ Bi-Turbo มอบพละกำลังสูงสุด 476 แรงม้า ที่ 2,250-4,500 รตน. และแรงบิดสูงสุด 700 นิวทันเมตร ที่ 5,500-6,500 รตน.
Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ (เมร์เซเดส-เอเอมจี เอสแอล 55 4 เมทิค พลัส) มาพร้อมระบบส่งกำลังแบบ AMG Speedshift MCT 9-Speed Sport Transmission แบบใหม่ ที่สามารถรองรับแรงบิดได้สูง ช่วยให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที (ultra-short shift times) มีการออกแบบฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ ให้ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว และผสานการทำงานของเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างเต็มกำลัง พร้อมระบบช่วยการออกตัวแบบ Race Start ช่วยให้รถสามารถพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.9 วินาที มอบความเร็วสูงสุด 295 กม./ชม. พร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ AMG Performance 4MATIC+ แบบ all-wheel drive ซึ่งถูกปรับแต่งให้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการขับขี่บนถนนปกติ และในสนามแข่ง โดยจะตอบสนองการเข้าโค้งอย่างปลอดภัย และรวดเร็วโดยไม่เสียการควบคุม ด้วยการกระจายกำลังไปที่ล้อต่างๆ อย่างเหมาะสม และแปรผันตามสภาพถนนเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถทำเวลาในสนามแข่งได้ดีที่สุด
นอกจากนี้ ยังผสานการทำงานกับระบบช่วยเหลือการควบคุมการเลี้ยวด้วยล้อหลังแบบ AMG Rear-Axle Steering โดยระบบจะทำงานแบบอัตโนมัติเมื่อความเร็วเกิน 100 กม./ชม. ขึ้นไป ด้วยการใช้ล้อหลังในการเลี้ยวไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้าไม่เกิน 0.7 องศา แต่ถ้าหากต่ำกว่า 100 กม./ชม. จะเลี้ยวตรงกันข้ามกับล้อหน้าไม่เกิน 2.5 องศา มาพร้อมระบบช่วงล่างแบบ AMG Ride Control Sports Suspension โดยผู้ขับขี่สามารถปรับระบบการทำงานของช่วงล่างได้ถึง 3 ระดับ คือ Comfort, Sport และ Sport+ ระบบจะช่วยปรับบุคลิกของช่วงล่างให้เป็นไปตามโหมดที่ผู้ขับขี่เลือกใช้ ผ่านหน้าจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลาง หรือปุ่มบริเวณพวงมาลัย
ระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์ และเทอร์โบแบบ AMG Real Performance Sound จะแสดงเสียงภายในห้องโดยสารบริเวณคอนโซลกลาง โดยใช้เสืยงสังเคราะห์ผสานการทำงานกับเสียงท่อสุดเร้าใจตามแบบฉบับของ AMG ซึ่งผู้ขับขี่สามารถควบคุมเสียงของเครื่องยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้ง Sporty, Discreet (Balanced) หรือ Motorsporty และ Emotive (Powerful) สามารถเลือกโหมดผ่านระบบปรับรูปแบบการขับขี่ AMG Dynamic Select โดยในโหมด S และ S+ จะสามารถถ่ายทอดพลังเสียงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และติดตั้งเบรคสมรรถนะสูง AMG High-Performance Brake System ที่สามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำในทุกสภาวะการขับขี่ และระบบเบรคแบบ Sports Braking System ยังติดตั้งช่องระบายอากาศเพื่อลดอุณหภูมิของเบรคเมื่อมีการใช้งานในความเร็วสูง
ในส่วนของดีไซจ์นภายนอก โดดเด่นด้วยกระจังหน้า AMG-specific radiator grille with V8-Styling-Paket Exterieur ติดตั้งไฟหน้าแบบ Digital Light ระบบไฟด้านข้างประตูแบบ AMG light display หลังคาเปิดประทุนแบบ Fabric soft-top ซึ่งสามารถเปิด และปิดภายในระยะเวลาเพียง 15 วินาที โดยควบคุมได้ในความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. ด้านท้ายติดตั้งสปอยเลอร์ระบบไฟฟ้า electrically extending rear wing พร้อมติดตั้งล้อแมกสไตล์ AMG ขนาด 19 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX7 ที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับเฟิร์สต์คลาสส์ในทุกวินาทีที่อยู่ในห้องโดยสาร และหน้าจอขนาด 11.9 นิ้ว ที่สามารถควบคุมได้ด้วยระบบสัมผัส และปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า 12-32 องศา ช่วยปรับให้มองเห็นหน้าจอได้ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมป้องกันแสงสะท้อนจากการเปิดหลังคาที่มากระทบหน้าจอ ส่วนจอหน้าที่นั่งคนขับเป็นหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว แบบ AMG-specific indicator ที่ทั้งสปอร์ท โฉบเฉี่ยว และเร้าใจ นอกจากนี้ ยังติดตั้งพวงมาลัยแบบ AMG Performance steering wheel นุ่มกระชับมือด้วยหนัง Nappa leather และเบาะที่นั่ง AMG Sport seats พร้อม Airscarf
สำหรับเทคโนโลยี และระบบความปลอดภัยนั้น Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ จัดมาให้อย่างเต็มพิกัดตามแบบฉบับรถยนต์สปอร์ทพลังแรงที่หรูหราถึงขีดสุด ทั้งกล้องมองรอบคันแบบ 360 องศา ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบ Driving Assistance Package ที่รวบรวมระบบความปลอดภัยต่างๆ ไว้อย่างครบครัน ทั้งระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist Distronic) ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) ระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ (Active Brake Assist) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Active Blind Spot Assist) ระบบช่วยการทรงตัว และดึงรถกลับเข้าช่องจราจร (Evasive Steering Assist) และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน (Active Emergency Stop Assist) ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมได้อย่างอิสระ
โดยมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีเหลือง (Sun Yellow) สีดำ (Obsidian Black) สีเงิน (High-tech Silver) สีเทา (Selenite Grey) สีน้ำเงิน (Hyper Blue) และสีน้ำเงิน (Spectral Blue)
นอกจากนี้ Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ ยังมาพร้อม Optional Extra ที่เปิดให้ลูกค้าสามารถเลือกออพชัน และอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมได้อีกมากมาย ตั้งแต่สีตัวถังแบบ Manufaktur สีหลังคา Fabric soft-top ล้ออัลลอย AMG การตกแต่งภายในแบบ AMG special trim ระบบเสียง Burmester® high-end 3D surround sound system ที่มาพร้อม AMG 3D Spider ในการเพิ่มเส้นใยนำเสียงที่บริเวณหลังคา รวมถึงการตกแต่งภายนอกด้วยชุดแต่ง AMG Night Package, AMG Night Package Plus หรือ AMG Dynamic Plus Package จนไปถึงการเปิดระบบช่วงล่างแบบ AMG Active Ride Control Suspension ที่จะมาพร้อมระบบ Lift system, front axle ที่สามารถปรับระดับบริเวณล้อหน้าได้ชั่วคราว
ข้อมูลเพิ่มเติมของ Mercedes-AMG แต่ละรุ่น : https://www.mercedes-benz.co.th/th/passengercars/mercedes-amg.html
