Motorcycle
เจาะลึกขุมพลังเครื่องยนต์ Triumph ในสนามแข่ง Moto2

หากใครที่เป็นสายชื่นชอบการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมพ์โลก เชื่อว่าคงมีความรู้สึกอยากลองสัมผัสประสบการณ์ความเร้าใจเสมือนลงสนามแข่งด้วยตัวเองสักครั้งแน่นอน เพราะความเร็วที่พุ่งทะยาน ไปจนถึงเสียงเครื่องยนต์ที่กึกก้อง ล้วนกระตุ้นอะดรีนาลีนให้สูบฉีดได้เป็นอย่างดี ซึ่งความเป็นจริงการได้ลงแข่งในสนามแบบนักบิดอาจเป็นเรื่องที่ดูไกลเกินไป แต่ทุกคนสามารถพบกับประสบการณ์การขับขี่แบบนักแข่งระดับเวิร์ลด์คลาสส์ได้ในชีวิตประจำวันด้วยรถจักรยานยนต์รุ่น “Street Triple 765 RS (สตรีท ทริเพิล 765 อาร์เอส)” จาก Triumph Motorcycles ที่เป็นต้นแบบเครื่องยนต์สำหรับการแข่งขัน Moto2 ที่ได้สร้างสถิติโลกมากมาย ครั้งนี้พาทุกคนมาร่วมเจาะลึกรถจักรยานยนต์ Naked Sports คันนี้ไปพร้อมกัน
กว่าจะมาเป็น “Street Triple 765 RS” รถจักรยานยนต์สายพันธุ์แท้ของนักสู้แห่งท้องถนน
ในปี 2007 Triumph (ทไรอัมฟ์) ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์ตระกูล Roer รุ่น Street Triple ที่ผสานโครงรถแบบเนเคดไบค์ และดีไซจ์นดุดันจากรุ่นพี่อย่าง Speed Triple เข้ากับขุมพลัง 3 สูบ 675 ซีซี จาก Daytona 675 (เดย์โทนา 675) ที่ถูกปรับแต่งให้เบา และคล่องตัว เหมาะกับการขับขี่ในเมืองมากขึ้น แต่ยังคงพละกำลังแบบรถแข่ง พร้อมเสียงคำรามอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ Street Triple กลายเป็นไอคอนแห่งความแรงที่ครองใจนักบิดทั่วโลกตั้งแต่แรกเห็น
จากกระแสตอบรับที่ยอดเยี่ยม Triumph ได้เดินหน้าพัฒนารถรุ่น Street Triple อย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดเปลี่ยนสำคัญในปี 2017 กับการเปิดตัว “Street Triple 765” ที่อัพเกรดครั้งใหญ่ พร้อมพละกำลังมหาศาล ฝ่าฟันโค้งสุดโหดในสนามแข่งได้อย่างง่ายดาย ทำให้เครื่องยนต์ Street Triple 765 ได้รับเลือกให้เป็นเครื่องยนต์สำหรับการแข่งขัน Moto2 ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา และในปี 2023 Triumph ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยี และประสบการณ์การพัฒนาเครื่องยนต์สำหรับ Moto2 สู่ท้องถนนอย่างสมบูรณ์แบบอีกครั้ง กับการพัฒนาสู่ “Street Triple 765 RS” ถือเป็นรถจักรยานยนต์ที่ทรงพลังที่สุดที่เคยพัฒนามาในพิกัดเครื่องยนต์นี้ รวมถึงเป็นการยกระดับสปอร์ทเนเคดไบค์สู่มิติใหม่อย่างรอบด้าน
เจาะลึกราชา 3 สูบต้นแบบขุมพลังเครื่องยนต์ Moto2
Street Triple 765 RS มาพร้อมเครื่องยนต์ 3 สูบ 765 ซีซี ให้กำลัง 130 แรงม้าที่ 12,000 รตน. และแรงบิด 80 นิวทันเมตร ที่ 9,500 รตน. ใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์แบบเดียวกับที่ใช้ในการแข่งขัน Moto2 ที่ปรับจูนให้เหมาะกับการใช้งานในท้องถนน นอกจากนี้ ยังมาพร้อมเกียร์ 6 จังหวะที่อัตราทดสั้นลง มอบประสิทธิภาพการตอบสนอง และการเร่งที่ดีขึ้น รวมถึงท่อไอเสียแบบใหม่ ให้การขับขี่ที่สนุกสนาน และเร้าใจ
ด้านดีไซจ์น มาในรูปลักษณ์สปอร์ทเนเคดไฮคลาสส์สุดโฉบเฉี่ยว พร้อมตัวถังขนาด 15 ลิตร ที่มาในรูปทรงดุดันขึ้น รับกับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และยาง Pirelli Diablo Supercorsa SP V3 ให้ประสิทธิภาพการเกาะถนนดีเยี่ยม ตัวถังมาพร้อมกราฟิคลวดลาย 765 ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง นอกจากนี้ ยังออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ แฮนด์บาร์กว้าง เบาะที่นั่งที่สูงเพียง 836 มม. และยังมีอุปกรณ์เสริมเบาะนั่งแบบต่ำเพื่อลดความสูงเบาะนั่งลงได้อีก 28 มม. เมื่อรวมกับน้ำหนักรถที่เบาเพียง 188 กก. ทำให้มอบความสะดวกแก่ผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ Street Triple 765 RS ยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับ ด้วยระบบเบรค ABS แบบช่วยเข้าโค้ง เสริมการทำงานด้วยระบบตรวจจับแรงเฉื่อย IMU ให้การบังคับ และหยุดรถที่เฉียบคม นอกจากนี้ ยังมีระบบควบคุมการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้ง คาลิเพอร์คู่หน้าแบบเรเดียลโมโนบลอก 4 สูบ ของ Brembo Stylema ไปจนถึงระบบกันสะเทือนแบบปรับได้เต็มสเปค ทั้งชอคอับสูบคู่แบบหัวกลับจาก Showa และชอคอับหลังพร้อมกระปุกเก็บน้ำมันจาก Öhlins ตลอดจนรองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ด้วยโหมดการขับขี่ 5 โหมด ได้แก่ Road, Rain, Sport, Rider-Configurable และ Track
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีฟังค์ชันอัจฉริยะอำนวยความสะดวกแบบเต็มพิกัด ด้วยหน้าจอ TFT 5 นิ้ว สามารถใช้งาน Lap Timer จับเวลาสำหรับการขี่ในสนามแข่ง พร้อมรองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมระบบเชื่อมต่อ My Triumph Connectivity ที่สามารถเชื่อมต่อระบบนำทางแบบ Turn-by-Turn โทรศัพท์ และฟังเพลง รวมถึงหากต้องการปรับแต่ง Street Triple 765 RS ตามสไตล์ของผู้ขับขี่ยังมีหลากหลายอุปกรณ์เสริมแท้ของ Triumph ให้เลือก ไม่ว่าจะต้องการอุปกรณ์ปกป้องรถ หรือสร้างความโดดเด่นเหนือใคร หรือต้องการเสริมความสามารถ ความสะดวกสบายเพื่อการขับขี่อย่างต่อเนื่องยาวนาน ตลอดจนติดตั้งเทคโนโลยีสนับสนุนผู้ขับขี่เพิ่มเติมทั้งหมดนี้ก็สามารถทำได้
โดย Street Triple 765 RS ราคา 507,000 บาท มาใน 4 ตัวเลือกสี ได้แก่ สี Phantom Black สี Silver Ice สี Carnival Red และสี Cosmic Yellow พร้อมทั้งยังมอบความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของด้วยโปรโมชัน รับฟรีประกันภัยชั้น 1 ตลอดจนรับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชม. (Triumph Roadside Assistance) เป็นระยะเวลา 24 เดือน และการรับประกันคุณภาพของรถอีก 24 เดือน ไม่จำกัดระยะทาง ทั้งนี้โปรโมชันดังกล่าวเริ่มตั้งแต่วันที่ 1-31 มิถุนายน 2568 เท่านั้น