ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Jim Farley ซีอีโอ Ford ได้กล่าวถึง "Model T moment" ซึ่งเป็นการผลิตรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มีราคาจับต้องได้ ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายแบบ โดยใช้ฐานการผลิตในเคนทักกี ซึ่งผลิตรถกระบะเครื่องยนต์สันดาปภายใน F-Series Super Duty ในปัจจุบัน โดยจะก้าวข้ามขอบเขตราคาของรถไฟฟ้า จนทำให้มีราคาสามารถจับต้องได้ ด้วยรูปแบบรถกระบะที่มีความนิยมสูงในอเมริกา
ระยะแรกของ Model T moment จะผลิตรถกระบะ จากนั้นจะปรับเป็นรถรูปทรงอื่น ทั้งเอสยูวีหลายรูปแบบจนถึงรถซีดาน โดยมีจุดเด่นในหลายด้าน ทั้งระยะเดินทางที่น่าประทับใจ, สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าบ้านได้ถึง 6 วัน และห้องโดยสารกว้างขวางใกล้เคียง Toyota RAV4
รถกระบะใหม่มีเนื้อที่ใช้สอยมากมายทั้งกระบะหลัง และใต้ฝากระโปรงหน้า มีความเร็วจัดจ้านพอๆ กับ Tesla, จุดเด่นของโครงการ คือ พแลทฟอร์ม “Universal” ที่ Ford พัฒนาขึ้นใหม่ โดยมีต้นทุนต่ำ, ใช้วิศวกรรมระดับก้าวหน้า, ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตใหม่, เพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนา, ทำให้การผลิตชิ้นส่วนน้อยลง, ลดความซ้ำซ้อนการผลิต และมีน้ำหนักเบา ใช้เทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วน “Unicasting” สามารถผลิตชิ้นส่วนได้ง่ายขึ้น, มีขนาดใหญ่ขึ้น, มีการเชื่อมต่อชิ้นส่วนน้อยลง ใช้สายไฟน้อยลงถึง 4,000 ฟุต/คัน สามารถทำระยะเดินทางเทียบเท่ากับรถไฟฟ้าในยุคนี้ ด้วยแพคแบทเตอรีขนาดเพียง 2/3 ของปัจจุบัน ใช้เทคโนโลยีแบทเตอรีแบบ Lithium Iron Phosphate (LFP) ที่มีต้นทุนต่ำ โดยสามารถใช้เป็นพื้นรถ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวรถด้วย
Doug Field หัวหน้าฝ่าย EV, ดิจิทอล และการออกแบบ Ford กล่าวว่า ขอให้ลืมการประกอบรถยนต์ที่ซับซ้อนในปัจจุบัน Ford กำลังจะเปลี่ยนแปลงการผลิตใหม่ตั้งแต่การออกแบบ, การจัดหาชิ้นส่วน, การผลิตรถต้นแบบ และส่วนประกอบของตัวรถ จากการประกอบตัวรถแบบสายการผลิตจะเปลี่ยนไปเป็นระบบ "assembly tree" ที่แบ่งแยกการผลิตออกเป็นหลายส่วนขนานกัน แล้วจะนำมาประกอบเข้าด้วยกันในช่วงสุดท้าย
รถยนต์รุ่นใหม่ในโครงการ Model T moment ยังเปิดเผยด้วยลายเส้นง่ายๆ เป็นได้ทั้งรถเอสยูวีขนาดเล็ก, รถเอสยูวีแบบที่นั่ง 3 แถว หรือแม้แต่รถแวน โดยจะผลิตรถกระบะเป็นแบบแรกอย่างเร็วในปี 2570 ด้วยฐานการผลิตในหลุยส์วิลล์
บทความแนะนำ