ธุรกิจ
Omoda & Jaecoo พัฒนาศูนย์กระจายอะไหล่

Omoda & Jaecoo ประกาศความพร้อมด้านบริการหลังการขายอย่างครบวงจร พร้อมยกระดับมาตรฐานการบริการสู่ระดับสากล เพื่อรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของยอดจอง Jaecoo 5 EV (เจคู 5 อีวี) ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทย
บิล จาง ผู้อำนวยการบริหารแบรนด์ Omoda & Jaecoo ประเทศไทย เปิดเผยว่า ด้วยกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้า Jaecoo 5 EV บริษัทฯ ได้ลงทุน และพัฒนาระบบบริการหลังการขายอย่างครบวงจร โดยมีอัตราการสำรองอะไหล่สูงถึง 94 % และจะครบ 100 % ภายในเดือนตุลาคม 2568 พร้อมเพิ่มการขยายการรองรับรถยนต์เข้าบริการจากจำนวน 1,200 คัน สู่จำนวนมากกว่า 5,000 คัน ภายในเดือนธันวาคม 2568 พร้อมระบบจัดส่งด่วนพิเศษภายใน 24 ชั่วโมง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และภายใน 3 วันทำการสำหรับต่างจังหวัด เพื่อตอกย้ำความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับการดูแลอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงสุด
ลงทุนพัฒนาศูนย์กระจายอะไหล่ขนาดใหญ่
ด้านการบริหารจัดการคลังอะไหล่ Omoda & Jaecoo ได้ลงทุนพัฒนาศูนย์กระจายอะไหล่ขนาดใหญ่ ณ ดีเอชแอล บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส จังหวัดสมุทรปราการ บนพื้นที่กว่า 2,500 ตารางเมตร โดยสามารถรองรับปริมาณการขนส่งอะไหล่ และชิ้นส่วนรถทุกรุ่นในปัจจุบัน รวมถึงรุ่นอื่นๆในอนาคตด้วย เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งนี้ได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดการระดับสากลด้วยมาตรฐาน ISO 9002:2015 (ระบบบริหารงานคุณภาพ), ISO 14001:2015 (ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม) และ ISO 45001:2018 (ระบบการจัดการอาชีวอนามัย และความปลอดภัย)
ภายในศูนย์ประกอบด้วยระบบจัดเก็บที่ครอบคลุมอะไหล่ทุกรุ่น และทุกประเภทการใช้งาน พร้อมโซนพิเศษสำหรับจัดเก็บน้ำมัน และแบทเตอรีไฟฟ้าแรงดันสูง ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานสากล นอกจากนี้ ยังมีนโยบายสำรองอะไหล่ที่ระดับ 30 % ของจำนวนรถที่จำหน่าย ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงกว่ามาตรฐานทั่วไปของการสำรองอะไหล่ในตลาดประเทศไทย และยังมีการเฝ้าตรวจสอบการเคลื่อนไหวของอะไหล่คงคลังเพื่อการพิจารณาเพิ่มเติมสัดส่วนในอนาคต ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับการบริการอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่อง
“เรามุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพบุคลากรผู้เชี่ยวชาญชาวไทยอย่างต่อเนื่อง และเป็นระบบ โดยจัดให้มีการฝึกอบรมเชิงเทคนิคเฉลี่ย 3-4 หลักสูตร/เดือน ภายใต้การถ่ายทอดความรู้จากผู้เชี่ยวชาญระดับสากลจากสำนักงานใหญ่ โดยมีการทดสอบองค์ความรู้ตั้งแต่ก่อนการเข้าอบรมไปจนถึงเมื่อฝึกอบรมเสร็จสิ้น การฝึกอบรมครอบคลุมตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงระดับสูง รวมถึงการฝึกอบรมเฉพาะทางด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ทั้งนี้เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการหลังการขายให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างดีที่สุด"