Quattroruote ทดสอบ
ทดสอบ โพร์เช 911 คาร์เรรา
แม้กาลเวลาจะผ่านล่วงเลยมานาน รถสปอร์ทระดับตำนานได้กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับความคุ้นเคยที่ถูกรักษาเอาไว้ องค์ประกอบแต่ละส่วนพิสูจน์ให้เห็นว่าจุดเด่นทั้งหลาย ยังคงความเร้าใจเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อแรกที่ได้สัมผัสรถสปอร์ทรุ่นนี้ เราอาจ มองไม่เห็นความแตกต่างมากนัก องค์ประกอบหลายอย่างล้วนดูคุ้นเคย อย่างที่เห็นมาแล้วกับรุ่นก่อนหน้านี้ แต่เอาเข้าจริงแล้วภายใต้ความคุ้นเคยนั้น หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไป นั่นคือ สิ่งที่ 911 สืบทอดกันมาสู่รุ่นต่อรุ่น กับการรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้อย่างเหนียวแน่น รังสรรค์โดย บุทซี (ทายาทของ เฟร์ดินันด์ อเลกซันเดร์ โพร์เช) โดยในรหัสตัวถังของรุ่นล่าสุด 992 เปิดตัวตามหลังรุ่นก่อนหน้านี้ รหัส 991 ซึ่งมีรุ่นย่อยหลักๆ ที่แตกต่างกันถึง 6 รุ่นด้วยกัน บ่งบอกการเป็นรถสปอร์ทระดับตำนานที่สืบทอดมายาวนานถึง 56 ปี พร้อมเอกลักษณ์ที่มองเห็นได้ทันที นั่นคือ ฝากระโปรงหน้าทรงโค้ง หรือสันเหลี่ยมแนวขวางที่พาดต่อเนื่องกับชุดไฟท้าย เป็นเส้นสายในแบบฉบับของ โพร์เช โดยเฉพาะ นอกเหนือจากนี้ยังมีรายละเอียดในส่วนอื่นๆ ที่ถูกปรับปรุงเช่นกัน แต่ละส่วนล้วนมีความประณีต ไม่ละเลยในรายละเอียด จุดประสงค์ คือ การทำให้ โพร์เช รุ่นล่าสุด ยังคงความโดดเด่นรอบด้านเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เพื่อการทดสอบแบบเข้าถึงของ 911 รุ่นนี้ ทีมทดสอบของเราจึงไปปลดปล่อยสมรรถนะกันที่สนาม ริการ์โด โตร์โม ณ เมืองบาเลนซีอา พิสูจน์ให้เห็นว่า โครงสร้างตัวถัง เครื่องยนต์ การปรับแต่ง และระบบเกียร์ ล้วนประสานกันทำงานได้อย่างลงตัว
การตอบสนองฉับไว
คุณสมบัติของรถสปอร์ทรุ่นนี้ ก่อนหน้านี้ถูกนำเสนอไปบ้างแล้ว หากให้ฟันธงสั้นๆ บอกได้เลยว่า 992 ถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ ปรับแต่งมาอย่างลงตัว เริ่มจากขุมพลังแบบเบนซินเทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อน พร้อมพละกำลังสูงสุดที่เพิ่มขึ้นมาอีก 30 แรงม้า แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก เครื่องยนต์มีการตอบสนองที่ฉับไว ส่งกำลังได้ต่อเนื่อง และดุดันในเวลาเดียวกัน เครื่องยนต์ 6 สูบนอน ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์แบบ พีดีเค มีการทำงานที่ยืดหยุ่น ส่งกำลังได้อย่างน่าประทับใจ ระบบเกียร์ 8 จังหวะ ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ และรองรับการขับขี่ทางไกลเช่นกัน แม้ขณะเข้าโค้งจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ในจุดนี้มากนัก แต่ในช่วงเกียร์ 7 จังหวะแรก มีความลงตัวมาก แสดงประสิทธิภาพให้เห็นขณะทดสอบบนสนามแข่ง แม้จะใช้โหมดอัตโนมัติก็ตาม การเปลี่ยนจังหวะทำได้หนักแน่น หากใช้โหมด สปอร์ท พลัส ผู้ขับสามารถทะยานผ่านแต่ละช่วงของสนามแข่งโดยไม่ต้องใช้ แพดเดิล ชิฟท์ เลย ระบบเกียร์ของ พีดีเค เปลี่ยนจังหวะได้แม่นยำ เน้นความต่อเนื่อง แต่อาจลดทอนความดุดันแบบการเล่นรอบเครื่องยนต์เล็กน้อย
ขณะทะยานในทางโค้ง เราพบว่าพวงมาลัยมีการตอบสนองที่ฉับไวมาก และสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบ 911 คือ รถสปอร์ทที่มีจุดเด่นรอบด้านอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นความสมดุล การตอบสนองที่เป็นธรรมชาติ และขีดจำกัดในระดับสูงของตัวรถ รองรับการขับขี่แบบเน้นสมรรถนะได้ยอดเยี่ยม เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ในอดีต ระยะฐานล้อระหว่างล้อคู่หน้า และคู่หลัง มีความกระชับสั้นกว่าเดิม ผู้ขับสามารถถ่ายเทน้ำหนักได้ดังใจ การตอบสนองของตัวรถมีความแม่นยำดีมาก ควบคุมได้อยู่มือ และมีอาการท้ายปัดในระดับที่ควบคุมได้ จุดที่น่าสนใจ คือ โหมดขับเคลื่อนในทางเปียก เน้นการปรับแต่งสำหรับการขับบนถนนที่มีความลื่น ระบบรองรับด้านหลังของ 911 ที่เน้นความนุ่มนวลอาจทำให้มีโอกาสพบอาการเหินน้ำได้ เหมือนที่พบเจอในคู่แข่งหลายเจ้า ระบบดังกล่าวใช้เซนเซอร์ที่ติดตั้งด้านในซุ้มล้อ เมื่อตรวจพบว่ามีฝนตกระบบจะเตรียมพร้อมเรื่องความปลอดภัย และเตือนให้ผู้ขับเลือกใช้โหมดบนเส้นทางเปียก โดยเปิดใช้งานผ่านปุ่มบนพวงมาลัยรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย และการปรับแต่งที่ลงตัว เป็นอีกจุดเด่นของ 911 เมื่อผู้ขับแล่นออกจากสนามแข่ง และเปลี่ยนเป็นโหมดขับเคลื่อนแบบปกติ พูดง่ายๆ คือ การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ตัวรถเน้นความนุ่มนวลกว่าเดิม และมีการขับขี่ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น รองรับการใช้งานทั่วไปได้ดีในระดับหนึ่ง
การออกแบบห้องโดยสารมีความสมดุลที่ดี รูปแบบการจัดวางโดยรวมไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ส่วนประกอบต่างๆ ถูกจัดวางเป็นแนวขวาง มีพัฒนาการที่น่าสนใจในรายละเอียด เช่น รูปทรงของปุ่มใช้งาน และช่องแอร์ บรรดาปุ่มใช้งานบนคอนโซลเกียร์ และคันเกียร์ทรงสั้น เน้นความเรียบง่าย มากกว่าความสวยงาม ผสมผสานความทันสมัย จะเห็นได้จากจอแสดงผลตรงกลางขนาดใหญ่ แสดงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสอดคล้องกับการทำงานของระบบต่างๆ จากตัวรถ อย่างไรก็ตามการจัดวางแบบใหม่อาจทำให้ผู้ที่คุ้นเคยกับสิ่งดั้งเดิมต้องปรับตัวเล็กน้อย เช่น แผงหน้าปัดจากเดิมที่มีรูปแบบทรงกลม 5 วงซ้อนกัน ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นจอแสดงผลแบบดิจิทอลจำนวน 2 จอแทน เป็นความทันสมัยที่เกิดขึ้นตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตามเป็นการปรับเปลี่ยนที่ทำให้ 911 มีรูปแบบที่สร้างความเร้าใจได้เสมอมา
ข้อมูลทางเทคนิค พัฒนาการที่ไม่ถึงกับวิวัฒนาการ
การรังสรรค์ โพร์เช 911 รุ่นที่ 8 ของสายพันธุ์ ไม่ใช่เรื่องง่าย บรรดาทีมวิศวกรต้องลงลึกในรายละเอียดแทบทุกส่วน โดยไม่ปรับเปลี่ยนองค์ประกอบของเครื่องยนต์กลไกมากเกินไป ผลลัพธ์ คือ การพัฒนาต่อยอดจากรุ่นก่อนหน้านี้ แต่ไม่ใช่การยกเครื่องใหม่ทุกสัดส่วน ยกเว้นการติดตั้งเซนเซอร์ที่ด้านในของซุ้มล้อ เพื่อทำหน้าที่ตรวจจับละอองน้ำ หากแล่นผ่านสภาพแวดล้อมที่เปียกโชก ระบบจะเตือนให้ผู้ขับเปลี่ยนมาใช้โหมดขับเคลื่อนบนทางเปียก ทางด้านโครงสร้างตัวถังมีการใช้วัสดุอลูมิเนียมมากขึ้น (คิดเป็นอัตราส่วนถึง 70 เมื่อเทียบกับ 37 % ของรุ่นก่อนหน้านี้) พร้อมกับเครื่องยนต์บลอคใหม่ และเทอร์โบที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ติดตั้งวาล์วปรับแรงดันควบคุมด้วยไฟฟ้า ขยายขนาดของอินเตอร์คูเลอร์ ระบบหัวฉีดควบคุมด้วยอีเลคทรอนิคส์ และระบบท่อไอดีแบบแปรผันการไหลเวียนของอากาศได้ในช่วงความเร็วต่ำ ช่วยให้ตัวรถมีสมรรถนะที่ดี ภายใต้การประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีขึ้นเช่นกัน และลดค่าไอเสียเฉลี่ยลงได้ ระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ มีชื่อเรียกว่า พีดีเค ช่วยให้ช่วงเกียร์จังหวะสูงลากรอบได้นานขึ้น สุดท้าย คือ ทางเลือกของล้อที่มีขนาดแตกต่างกัน ยางคู่หน้าขนาด 20 นิ้ว และคู่หลังขนาด 21 นิ้ว ช่วยเสริมความมั่นคงของตัวรถอย่างได้ผล
โพร์เช คาร์เรรา 4 เอส
ข้อมูลจากทางผู้ผลิต
เครื่องยนต์
- เบนซินเทอร์โบคู่ 6 สูบนอน
- ความจุ 2,981 ซีซี
- กำลังสูงสุด 450 แรงม้า ที่ 6,500 รตน.
- แรงบิดสูงสุด 54.1 กก.-ม. ที่ 2,300-5,000 รตน.
ระบบส่งกำลัง
- 4 ล้อตลอดเวลา
- เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ
ตัวเลขสมรรถนะ
- ความเร็วสูงสุด 306 กม./ชม.
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.4 วินาที
- อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เฉลี่ย 11.1 กม./ชม.
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
- ระยะฐานล้อ 2,450 มม.
- น้ำหนักโดยรวม 1,640 มม.
ราคา
- 132,051 ยูโร (ประมาณ 4,580,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)