เรื่องเด่น Quattroruote
ทดลองขับ เมร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวซี
ค่ายรถสัญชาติเยอรมัน ก้าวเข้าสู่ความท้าทายด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้า พร้อมเปิดตัวรถยนต์ครอสส์โอเวอร์สไตล์เอสยูวี ด้วยการผสมผสานระหว่างสมรรถนะ และความสะดวกสบาย มีระยะทำการได้ไกลอย่างน่าพอใจ นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังมีระบบช่วยเหลือผู้ขับที่ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าแบทเตอรีจะหมดไวเกินคาด
รุ่น 400 4 เมทิค
ข้อมูลจากทางผู้ผลิต
- มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว
- กำลังสูงสุด 408 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 78.0 กก.-ม.
- ความจุแบทเตอรี 80 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ระบบส่งกำลัง
- ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
- เกียร์แบบอัตราทดเดียว
สมรรถนะ
- ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.1 วินาที
- ระยะทำการเมื่อชาร์จเต็ม 445 กม. (มาตรฐานการวัดแบบ NEDC) 374 กม. (มาตรฐานการวัดแบบ WLTP)
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
- ระยะฐานล้อ 2,870 มม.
- ความยาว 4,760 มม. กว้าง 1,880 มม. สูง 1,620 มม.
- น้ำหนักโดยรวม 2,495 มม.
ราคา
- 76,839 ยูโร (ประมาณ 3,210,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
การขับขี่สะดวกสบายสูงสุด
ถือเป็นเรื่องที่แปลก หากเราจะเอ่ยถึงจุดเด่นของ อีคิวซี แง่ของความเงียบภายในห้องโดยสาร แต่นั่นคือ ความจริงทุกประการ อีคิว-ซี ถือเป็นรถยนต์สายพันธุ์ใหม่ ใช้พลังงานไฟฟ้าล้วน เตรียมพร้อมทำตลาดกว่า 10 รุ่น ภายในปี 2022 ชุดแบทเตอรีของเอสยูวีรุ่นนี้จาก เมร์เซเดส-เบนซ์ มีประสิทธิภาพสูง เมื่อเทียบกับรถยนต์ในระดับเดียวกันของคู่แข่ง ซึ่งมีส่วนช่วยในแง่ของความสะดวกสบายเช่นกัน ทีมวิศวกรได้พัฒนาให้มอเตอร์ไฟฟ้า มีการทำงานที่เงียบสนิท และมีแรงสั่นสะเทือนต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ เครื่องยนต์กลไกบางส่วนนำมาจากครอสส์โอเวอร์รุ่น จีแอลซี และขึ้นสายการผลิตจากโรงงานที่ เมืองบเรเมน เช่นกัน แต่การผลิตรถยนต์รุ่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ชิ้นส่วนกว่า 86 % ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่หมด ไม่ใช่เครื่องยนต์ที่เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตัวถังภายนอก และส่วนประกอบภายในห้องโดยสาร เน้นความประณีต และวัสดุคุณภาพชั้นสูง วัสดุผ้าแบบพิเศษถูกนำมาใช้บริเวณแผงคอนโซลหน้า มีคุณภาพการประกอบที่ยอดเยี่ยม
เมื่อเราได้ทดลองขับ อีคิวซี สิ่งที่สามารถสัมผัสได้นอกเหนือจากความสะดวกสบาย และระยะทำการที่ไกลมากขึ้น (ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของรถพลังงานไฟฟ้า) นั่นคือ การขับขี่เส้นทางไกลที่มีความสะดวกสบายสูงสุด เป็นจุดที่ผู้ทดสอบคำนึงถึงอย่างถ้วนถี่ อีคิวซี รุ่นนี้มีความยาว 4,760 มม. ภายใต้ตัวถังเอสยูวีขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว กำลังสูงสุด 408 แรงม้า และมีน้ำหนักโดยรวมที่ 2,495 กก. โดยเป็นน้ำหนักของชุดแบทเตอรีความจุ 80 กิโลวัตต์ชั่วโมง เพียง 652 กก. เท่านั้น ระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จเต็มอาจไม่ใช่ตัวเลขระดับสถิติใหม่ที่ 445 กม. สำหรับการทดสอบมาตรฐาน NEDC (หรือ 374 กม. สำหรับการทดสอบมาตรฐาน WLTP) ในแง่ของการใช้งานจริง จะมีระยะทำการที่ประมาณเกือบ 300 กม. ทางค่าย เมร์เซเดส-เบนซ์ ตระหนักถึงการพัฒนารถรุ่นนี้มีการประหยัดพลังงานไฟฟ้ามากที่สุด เริ่มจากการออกแบบระบบแสดงผล MBUX มีการเชื่อมต่อข้อมูลอิน- เตอร์เนทตลอดเวลา สามารถป้อนข้อมูลที่จำเป็นให้แก่ผู้ขับขณะที่กำลังเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ระบบจะคำนวณเส้นทาง และสามารถให้คำแนะนำถึงสถานีชาร์จประจุไฟฟ้าที่เหมาะสม ประเมินจากสภาพการจราจร ลักษณะของเส้นทาง และตำแหน่งของสถานีชาร์จประจุไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีแอพพลิเคชันสำหรับมือถือ สามารถใช้งานจากตัวรถ หรือจากโทรศัพท์มือถือได้ เมื่อเข้าไปใช้งานสถานีชาร์จประจุไฟฟ้าที่ให้ความร่วมมือ รวมถึงการจ่ายเงินได้อย่างสะดวกสบาย ระบบจะรวมยอดเงินเอาไว้ด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องแยกใบเสร็จให้วุ่นวาย นอกจากนี้ยังมีระบบขับเคลื่อน 5 โหมด รวมถึงโหมดเพิ่มระยะทำการสูงสุด จะควบคุมให้ผู้ขับไม่กดคันเร่งมากเกินความจำเป็น (ยกเว้นกรณีประสบสถานการณ์ฉุกเฉิน แล้วต้องกดคันเร่งสุดทันทีทันใด) การขับจะเอื้อต่อการประหยัดพลังงานอย่างแท้จริง และยังมีระบบที่คอยแนะนำผู้ขับให้ถอนคันเร่งในเวลาที่เหมาะสม เช่น ขณะกำลังแล่นลงเนิน หรือการเตรียมหยุดรถ แป้นเหยียบคันเร่งทางขวา คือ สิ่งจำเป็นที่ต้องอาศัยการบังคับควบคุมจากผู้ขับอย่างถึงที่สุด ในระหว่างการขับสู่จุดหมายปลายทาง ผู้ขับสามารถใช้งานทดแทนระบบเบรคได้ ในกรณีที่ปรับตั้งให้ระบบขับเคลื่อนมีแรงหน่วงขณะถอนคันเร่งสูงสุด เมื่อถอนคันเร่งตัวรถจะชะลอความเร็วลงจนกระทั่งหยุดสนิท หรือใกล้เคียง ในทางตรงกันข้าม ผู้ขับสามารถใช้งานแป้นคันเร่งเพื่อเรียกอัตราเร่งที่เร้าใจของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า อัตราเร่งช่วงตีนต้นมีความโดดเด่นดีมาก อีคิวซี ให้อัตราเร่งแบบหลังติดเบาะ 0-100 กม./ชม. ใน 5.1 วินาที เมื่อหันมาพิจารณด้านราคา รถรุ่นนี้มีค่าตัวต่ำกว่าคู่แข่งโดยตรงเล็กน้อย นั่นคือ เอาดี อี-ทรอน และแจกวาร์ ไอ-เพศ โดย อีคิวซี มีราคาเริ่มต้นที่ 76,839 ยูโร สำหรับรุ่นย่อย สปอร์ท และจะเป็นราคา 82,460 ยูโร สำหรับรุ่นย่อยในอังกฤษ และสุดท้าย คือ 85,140 ยูโร สำหรับรุ่นย่อยในเยอรมนี ขณะที่ อีคิวซี ชุดแรกที่เริ่มทำตลาด มีชื่อรุ่นว่า 1886 เอดิชัน มีราคาที่ 87,221 ยูโร มีการรับประกันระยะเวลา 6 ปี หรือระยะทาง 160,000 กม.
ระบบของแบทเตอรี และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทันสมัย
ตั้งแต่แรกเริ่มของการพัฒนา อีคิวซี ค่าย เมร์เซเดส-เบนซ์ มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ตลอดจนแนวทางที่มุ่งเน้นไปที่การผลิต เต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพ ส่วนประกอบที่ใช้ร่วมกันกับรุ่น จีแอลซี ถูกนำมาใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น สายการผลิตถูกปรับปรุงให้สามารถประกอบรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นพร้อมกัน แม้รุ่นหนึ่งจะเป็นเครื่องยนต์สันดาปแบบปกติทั่วไปก็ตาม ตัวโรงงานตั้งอยู่ที่เมืองบเรเมน หากลงลึกในรายละเอียดจะพบว่ามอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ทำหน้าที่แตกต่างกัน โดยมอเตอร์ด้านหน้ามีหน้าที่ขับเคลื่อนแบบเน้นสมรรถนะในช่วงความเร็วต่ำ และความเร็วปานกลาง ขณะที่มอเตอร์ด้านหลังจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนในช่วงที่เน้นอัตราเร่งเต็มตัว มอเตอร์ทั้ง 2 ตัวถูกเชื่อมเข้ากันด้วยชุดสายไฟที่มีความยืดหยุ่น เชื่อมโยงเข้ากับโครงสร้างของตัวถังเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน การเชื่อมต่อ และจุดยึดต่างๆ จึงมีให้น้อยที่สุด เพื่อช่วยเสริมความสะดวกสบาย และให้ความนุ่มนวลขณะขับขี่ ภายใต้แบทเตอรีความจุ 80 กิโลวัตต์ชั่วโมง (น้ำหนัก 652 กก.) ปลดปล่อยกำลังออกมาอย่างฉับไวตามแบบฉบับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยในโหมด อีโค จะมีระบบเตือนให้ผู้ขับถอนเท้าออกจากคันเร่งด้วยการส่งแรงสั่นสะเทือนเบาๆ ที่แป้นคันเร่ง อย่างไรก็ตาม ระยะทำการเมื่อชาร์จแบทเตอรีเต็มของ อีคิวซี ไม่สามารถแล่นได้เป็นระยะทาง 374 กม. ในโหมดการทดสอบแบบ WLTP เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น เอาดี อี-ทรอน แบทเตอรีความจุ 95 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถแล่นได้ไกล 417 กม. ภายใต้สภาวะเดียวกัน ในขณะที่ แจกวาร์ ไอ-เพศ แบทเตอรีความจุ 90 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถแล่นได้ 470 กม.