Quattroruote ทดสอบ
HYUNDAI IONIQ 5
การออกแบบที่สุดล้ำสมัย ห้องโดยสารให้อารมณ์ผ่อนคลายเหมือนห้องรับแขกในบ้าน และระบบจัดสรรพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ ค่ายรถสัญชาติเกาหลีใต้ กำลังกำหนดมาตรฐานใหม่ของยานยนต์ยุคในหน้า มาพร้อมการขับขี่ที่ลงตัว มีความมั่นคงสูงขณะเข้าโค้ง ส่วนระยะทำการสูงสุด ทำได้เกือบถึง 500 กม. สำหรับการขับขี่ในตัวเมือง
รุ่น AWD EVOLUTION
ราคา (จากผู้ผลิต)
• 60,250 ยูโร
เครื่องยนต์
• มอเตอร์ด้านหน้า 1 ตัว ด้านหลัง 1 ตัว
กำลังสูงสุด
• 305 แรงม้า
ความจุแบทเตอรี
• 72.6 กิโลวัตต์
อัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า
• จากผู้ผลิต (WTLP) 5.3 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง
• จากการทดสอบ 5.0 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง
• ความคุ้มค่าของการชาร์จจากครัวเรือน 4.03 ยูโร/100 กม.
• ความคุ้มค่าของการชาร์จแบบเร่งด่วน 10.07 ยูโร/100 กม.
ระยะทำการ
• จากผู้ผลิต (WTLP) 430 กม.
• จากการทสอบ 377 กม.
จุดแข็ง
ห้องนั่งเล่นแสนสบายแบบติดล้อ: พื้นที่เหลือเฟือ และมีความปลอดโปร่ง มีความโดดเด่นกว่าคู่แข่งระดับเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีระบบแบทเตอรีที่ทันสมัย รองรับระดับไฟฟ้าที่ 800 โวล์ท ชาร์จไฟฟ้าได้ฉับไว และมีระบบ V2L ที่สามารถจ่ายไฟฟ้าสู่ภายนอกได้
จุดอ่อน
ความสะดวกสบาย และสมรรถนะทำได้น่าพอใจสบายๆ แต่การขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ผู้ขับต้องระวังมุมของทางแยกต่างๆ ให้ดี ต้องขับเคลื่อนแบบค่อยเป็นค่อยไป น้ำหนักของตัวรถค่อนข้างมาก รู้สึกได้ชัดเจนขณะขับขี่ และลดทอนระดับความคล่องแคล่ว นอกจากนี้การบังคับเลี้ยวเน้นความต่อเนื่อง ไม่ฉับไวมากนัก
ข้อเท็จจริงที่เราพบ นั่นคือ การออกแบบภายในห้องโดยสารที่ลงตัว จากการผสมผสานของรูปทรง สีสัน และวัสดุที่ทำได้อย่างน่าพอใจ สามารถกระตุ้นความรู้สึกของความสุขุม และความเงียบสงบในเวลาเดียวกัน นั่นคือ ตัวตนเบื้องต้นของ IONIQ 5 (ไอโอนิก 5) ที่เราได้สัมผัส ความสงบ และผ่อนคลายที่ไม่ได้มาจากความรู้สึกเท่านั้น แต่มาจากการตกแต่งภายในที่เราจะนำเสนอในส่วนถัดไป รวมถึงรูปลักษณ์ภายนอก มีความแปลกใหม่ ราวกับการเป็นรถยนต์แนวคิด แต่ถูกนำมาใช้จริงกับรุ่นที่ทำตลาด ผสมผสานรูปแบบย้อนยุค ก่อนหน้านี้เคยถูกนำเสนอผ่านรถต้นแบบชื่อว่า 45 EV (45 อีวี) เมื่อ 2-3 ปีก่อนหน้านี้ เส้นสายที่บ่งบอกการเฉลิมฉลองให้กับค่ายรถยนต์ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1974 แต่งเติมโดยจินตนาการของทีมงาน เพื่อสื่อถึงความหมายผ่านเส้นสายอย่างชัดเจน เป็นการบรรจบกันของยุคสมัยที่ทำได้อย่างน่าสนใจ รูปแบบดังกล่าวสามารถกระตุ้นความสนใจจากการมองเห็นอย่างได้ผล พื้นผิวที่สะอาด ให้ความรู้สึกที่น่าเชื่อถือ หลอมรวมแนวคิดของคนแต่ละรุ่น ย้อนไปในยุคปี 1970 และ 1980 สู่แนวคิดของรถยนต์ยุคอนาคต รวมถึงคนรุ่นใหม่ยุคดิจิทอลที่คุ้นเคยรูปแบบภาพลักษณะพิกเซลคล้ายกับเกม
นอกจากนี้ยังมีสาระมากมาย ภายใต้ชื่อ IONIQ (ไอโอนิก) ซึ่งเคยถูกนำมาใช้ก่อนหน้านี้แล้วกับค่ายรถแห่งนี้ แต่ครั้งนี้ คือ ความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง โดยค่าย HYUNDAI (ฮันเด) เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่กับแนวทางของขุมพลัง ไฮบริด พลัก-อิน ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า โดยอนุกรม IONIQ จะถูกพัฒนาขึ้นตามพแลทฟอร์ม E-GMP สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ส่วนความหมายของตัวเลข 5 คือ เลขชี้กำลังแรกที่เคยมีมา และหลายสิ่งเริ่มต้นจากที่นี่ ได้แก่ ทางเลือกของแบทเตอรี 2 ความจุ (58 และ 72.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง) ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง หรือ 4 ล้อตลอดเวลา (จึงมีทางเลือกมอเตอร์ไฟฟ้า 1-2 ตัว) สถาปัตยกรรมระบบไฟฟ้าแบบ 800 โวลท์ มีรถยนต์ไฟฟ้าไม่กี่รุ่นที่ทำได้ ไม่ว่าจะเป็น AUDI E-TRON GT (เอาดี อี-ทรอน จีที) และ PORSCHE TAYCAN (โพร์เช ไทย์คาน) แปลว่า ความเร็วในการชาร์จไฟฟ้าที่เร็วขึ้นด้วยเช่นกัน สามารถรองรับไฟฟ้ากระแสตรงที่สูงถึง 220 กิโลวัตต์ชั่วโมง หรือ กล่าวคือ สามารถแล่นได้ไกล 100 กม. ในเวลาน้อยกว่า 10 นาที สำหรับการชาร์จแบบเร่งด่วน และยังมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นด้วยแรงดันไฟฟ้า 2 เท่า แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด เพราะ HYUNDAI ยังแนะนำระบบไฟฟ้าแบบ 2 ทิศทาง เรียกว่าเทคโนโลยี V2L โดยจะเปลี่ยน IONIQ 5 ให้เป็นแบทเตอรีสำรองขนาดใหญ่ พร้อมแบ่งปันพลังงานไฟฟ้ากับภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องชงกาแฟ หรือแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ แม้อันที่จริง ระบบดังกล่าวจะต้องจ่ายเงินเพิ่มก็ตามที่ 44,750 ยูโร ไม่รวมอุปกรณ์อื่นๆ (เช่น มอเตอร์ด้านหลัง 170 แรงม้า และแบทเตอรีเสริมที่ 58 กิโลวัตต์ชั่วโมง) กับราคาที่อาจจะสูงถึงระดับ 60,250 ยูโร ของเวอร์ชันขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 305 แรงม้า แบทเตอรีมีขนาดใหญ่กว่า และมีประสิทธิภาพโดยรวมที่คุ้มค่าที่สุด กับความสะดวกสบายระดับรถยนต์ลีมูซีน อย่างไรก็ตาม ควรไปชมที่ศูนย์จำหน่ายด้วยตัวเอง อย่างน้อยก็เพื่อขจัดความอยากรู้ และทำความเข้าใจให้ดียิ่งขึ้นว่า ความต้องการจากรถคันนี้อยู่ตรงจุดไหน เมื่อได้เห็นกับตา หลายคนจะพบว่า IONIQ 5 มีขนาดใหญ่โตกว่าที่คิด ตัวถังทรงแฮทช์แบค ไม่ใช่ครอสส์โอเวอร์ตามสมัยนิยม รูปทรงอาจดูกะทัดรัด แต่ความจริงแล้วมีความกว้างขวางที่น่าพอใจไม่น้อย มิติตัวถังไม่เป็นรองคู่แข่งในแง่ของความใหญ่โต ระยะโอเวอร์แฮงที่กระชับ และระยะฐานล้อที่ยาวมาก (เกือบ 3,000 มม. จากความยาวของตัวรถทั้งหมด 4,650 มม.) เป็นตัวเลขที่บ่งบอกว่า เมื่อผู้ขับสัมผัสที่จับประตู พบว่าการออกแบบมีความทันสมัย แต่แฝงรูปแบบที่ดูน่าเชื่อถือเอาไว้ในเวลาเดียวกัน ทีมงานผู้ออกแบบชาวเกาหลีใต้ได้สื่อแนวคิดการอยู่อาศัยที่เน้นความเป็นปัจเจกบุคคลภายใต้รูปทรงกล่องของรถยนต์ เป็นแนวคิดที่เคยถูกนำมาใช้ก่อนหน้านี้ เพราะปรัชญาก็คือ การรักวิถีชีวิตที่คุ้นเคยเอาไว้ เน้นความเรียบง่าย อย่างที่หลายคนสัมผัสมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เหมาะสำหรับคนที่ใช้เวลาอยู่กับรถยนต์ของตัวเองค่อนข้างมาก รวมถึงการรอเป็นระยะเวลานานระหว่างชาร์จประจุไฟฟ้า จนกระทั่งแบทเตอรีเต็ม ดังนั้นภายในห้องโดยสารจะต้องอบอุ่นเหมือนบ้านของคุณ
อย่างไรก็ตาม ชาวเกาหลีใต้สมควรได้รับการยกย่องว่าได้แสดงแนวคิดนี้ออกมาดีกว่าคนอื่นๆ ทันทีที่ผู้ขับนั่งลงบนเบาะ ความรู้สึกแรก คือ ความสงบมั่นคง สุขุม และไม่ใช่แค่เกี่ยวกับความกว้างขวาง ปลอดโปร่งเท่านั้น แต่มาจากการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และความชัดเจนของการนำเสนอ องค์ประกอบต่างๆ ถูกจัดวางในตำแหน่งที่ให้ความสะดวกสบาย ไม่มีสิ่งกั้นกลางระหว่างผู้ขับ และผู้โดยสารด้านข้าง รับรองได้เลยว่าให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เป็นอิสระอย่างที่ไม่เคยเจอในรถยนต์รุ่นอื่นๆ รวมถึงองค์ประกอบสำหรับการใช้งานมือถือ และใช้งานได้จริงสามารถเลื่อนไป/มาได้ เพื่อให้ผู้โดยสารตอนหลังสามารถเข้าถึงการชาร์จไฟฟ้าแบบไร้สาย และช่องต่อ USB จำนวนมาก คนที่อยู่ข้างหลังยังมีพื้นที่ส่วนขาเหลือเฟือ (สูงสุด 38 ซม.) และเบาะนั่งพร้อมพนักพิงที่ปรับเอนได้ และปรับตามยาวหน้า/หลังด้วยระบบไฟฟ้า
ความสบายเทียบเท่าเบาะนั่งของเครื่องบินชั้นธุรกิจ ตัวเบาะรองรับถูกยกขึ้นได้ด้วยไฟฟ้า และแปลงที่นั่งด้านหน้าเป็นเก้าอี้เท้าแขน 2 ตัวสำหรับเพิ่มความผ่อนคลายของผู้โดยสาร แต่นี่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่สร้างบรรยากาศที่พิเศษ วัสดุที่ใช้สำหรับ ห้องโดยสารมีจุดเด่นทั้งคุณสมบัติ และสี พวกเขากลับออกแบบที่ให้ความรู้สึกเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด ผ่อนคลาย และอบอุ่นได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีการหันมาใช้วัสดุที่เน้นการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน นั่นคือ องค์ประกอบการตกแต่งที่ใช้วัสดุจากขวดพลาสติครีไซเคิล เส้นด้ายที่ได้จากพืช และขนสัตว์ธรรมชาติ ชุดหนังที่มีการปรับปรุงจากน้ำมันพืช และสีที่ใช้ปราศจากวัสดุทางเคมีสังเคราะห์
ในระบบนิเวศที่เต็มไปด้วยความสุขุมนุ่มลึกตามแบบฉบับของชนชาติเซี่ย ยังไม่ลืมที่จะเสริมการใช้งานที่ทันสมัยเข้ามาด้วย กับรูปแบบแนวทางดิจิทอล ด้านหลังพวงมาลัยมีองค์ประกอบที่ถูกจัดเรียงในแนวนอน มีความหรูหราด้วยหน้าจอขนาด 12.3 นิ้วจำนวน 2 จอ บวกกับจอแสดงผลสะท้อนบนกระจกหน้ารถแบบอิงสภาพแวดล้อมตามความเป็นจริง ดูราวกับการฉายภาพไปยังหน้าจอขนาด 44 นิ้ว แผงหน้าปัด และระบบความบันเทิงตั้งค่าได้ง่ายดาย การจัดการด้วยการแสดงผลกราฟิคที่เป็นระเบียบ จัดวางเป็นหมวดหมู่ เข้าใจง่าย ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้งาน รายการต่างๆ อยู่ในระยะเอื้อมถึงได้สบาย อย่างไรก็ตามมีหลายจุดที่ไวต่อการสัมผัส เช่น พวงมาลัย และแผงหน้าปัดขอการใช้งานระบบปรับอากาศ ดังนั้นผู้ขับต้องระมัดระวังจุดนี้เล็กน้อย ไม่ให้เกิดการสัมผัสปุ่มใช้งานโดยไม่เจตนา
อย่างไรก็ตาม การเลือกเกียร์โหมด D มีความง่ายดาย สิ่งแรกที่ทำให้น่าประทับใจ คือ ประสิทธิภาพของรูปแบบโหมดการขับขี่ที่แตกต่างกัน 3 แบบ ถูกเลือกได้ด้วยปุ่มบนพวงมาลัย และเมื่อเทียบกับวิธีแก้ปัญหาอื่นที่คล้ายคลึงกันในการเลือกใช้ โดยมีโหมดขับเคลื่อน ได้แก่ ECO NORMAL และ SPORT โดยมีจุดที่แตกต่างกัน คือ การตอบสนองของมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัว และยังสามารถเลือกเสียงสังเคราะห์ของมอเตอร์ไฟฟ้าได้อีกด้วย ภายใต้กำลังสูงสุดระดับ 305 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 61.3 กก.-ม. ที่ตอบสนอง และสร้างความเร็วได้อย่างรวดเร็ว (0-100 กม./ชม. ใน 5.3 วินาที) หรือมีผลต่อความรู้สึกขณะขับขี่อีกด้วย เช่น ความรู้สึกเวลาปกติ และเมื่อต้องการความผ่อนคลาย เพียงเลือกโหมดระดับความหน่วงของมอเตอร์ได้จากแป้นหลังพวงมาลัย เพื่อเปิด/ปิดโหมด I-PEDAL นั่นคือ สามารถเน้นการนำพลังงานมาแปรเป็นพลังงานไฟฟ้ามาใช้งานอีกครั้ง โดยที่ผู้ขับแทบไม่ต้องเหยียบแป้นเบรคเลย (การตอบสนองถูกปรับแต่งมาเป็นอย่างดีปรับอย่างดี และมีการทำงานที่แม่นยำอย่างยอดเยี่ยม) สามารถชะลอความเร็วจนกระทั่งหยุดสนิทได้
อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้เหมาะสำหรับการขับขี่ที่เน้นความผ่อนคลาย เพราะ IONIQ 5 ดูเหมือนสร้างมาเพื่ออารมณ์ดังกล่าวโดยเฉพาะ เอาใจผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายอย่างแท้จริง ด้วยตัวถังที่มีความแข็งแรง แน่นหนา และฉนวนกันเสียง แทบไม่รู้สึกถึงเสียงรบกวนจากภายนอก รวมถึงแรงสั่นสะเทือนต่างๆ จากพื้นถนน ทั้งสภาพพื้นผิวถนนที่ขรุขระ หรือขณะใช้ความเร็วสูงบนทางเรียบ รองรับการเดินทางทั้งระยะสั้น และระยะทางไกลได้ดี นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ทันสมัย การใช้งานสามารถควบคุมได้จากปุ่มบนพวงมาลัย รวมฟังค์ชันการใช้งานขั้นสูงที่ช่วยคลายความเครียด เช่น การปรับความเร็วอัตโนมัติ (นอกจากนี้ยังมีระบบตรวจจับป้ายการจราจร ช่วยให้ผู้ขับไม่ใช้ความเร็วมากเกินไปในแต่ละพื้นที่ ไม่ใช่เช่นนั้นอาจเสี่ยงต่อการถูกปรับเงินจากเจ้าหน้าที่ได้) รวมถึงการเข้าโค้งที่ทำได้ไหลลื่น เพื่อความสะดวกสบายเกือบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ใครที่ต้องการการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ IONIQ 5 ก็ตอบสนองได้เช่นกัน รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้รองรับการหักเลี้ยวที่ฉับไวได้ ไม่ว่าจะตามความต้องการของผู้ขับ หรือในกรณีที่เจอสภาวะฉุกเฉิน ภายใต้น้ำหนักตัวที่ประมาณ 2.2 ตัน ถือเป็นมาตรฐานทั่วไปของรถยนต์ไฟฟ้าระดับนี้ไปแล้ว มีการกระจายน้ำหนักที่สมดุล ทำให้การทะยานไปในแต่ละช่วงโค้งทำได้ดีเกินคาด การบังคับควบคุมทำได้อยู่มือ ไม่มีอาการโคลงของตัวรถมากเกินไป แต่จะดีกว่านี้ถ้าเพิ่มน้ำหนักของพวงมาลัย การตอบสนองโดยรวมให้ความรู้สึกที่มั่นคง (แม้การทำงานของระบบ อีเอสพี ด้วยทำได้ละเอียดมากกว่านี้) อย่างไรก็ตามเป็นเพียงจุดสังเกตเล็กน้อยเท่านั้น โดยรวมแล้วการตอบสนองของพวงมาลัยมีความฉับไวที่ดีพอ
ระยะทำการเกือบ 500 กม. ในตัวเมือง
ในแง่ของการประหยัดพลังงานไฟฟ้า มีจุดที่ทำได้น่าพอใจพอสมควร รวมถึงอิสระในการเลือกสถานีชาร์จประจไฟฟ้าที่รองรับได้ในวงกว้าง ยิ่งในแง่การเดินทางรายสัปดาห์จำกัดเฉพาะในตัวเมือง IONIQ 5 มีประสิทธิภาพในเรื่องของการหมุนเวียนพลังงานไฟฟ้าที่ดีมาก (กับตัวเลขที่ 6.5 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง) ทำให้มีระยะทำการในส่วนนี้เกือบ 500 กม. และเมื่อประเมินตัวเลขโดยเฉลี่ยในสภาวะอื่นๆ ด้วยแล้ว จะเป็นระยะทำการที่ประมาณ 400 กม. เลยทีเดียว ในขณะที่การขับขี่บนทางหลวง คือ จุดที่ทำให้รถเจอข้อจำกัดมากขึ้น ตัวเลขการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าจะสูงขึ้นมาที่ 3.8 กม. /กิโลวัตต์ชั่วโมง และมีระยะทำการที่ 300 กม. โดยผู้ขับต้องทำความเข้าใจอีกด้วยว่า ระยะทำการจะมาก/น้อยแค่ไหน กับการบวก/ลบไม่เกิน 10 กม. ที่ทำได้ จะขึ้นอยู่กับลักษณะของการขับขี่ด้วย นอกจากนี้อุณหภูมิของสภาพแวดล้อมก็มีผลเช่นกัน สำหรับการชาร์จประจุไฟฟ้า การชาร์จแบบเร่งด่วนของไฟฟ้ากระแสตรงมีความสำคัญมากๆ โดยสามารถชาร์จจากระดับแบทเตอรีที่ 20-80 % ในเวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น
ข้อมูลทางเทคนิค พลังไฟฟ้าทั้งรับ และจ่าย
หากการใช้รถยนต์ไฟฟ้าคันหนึ่ง นอกเหนือจากจุดประสงค์ในเรื่องของการใช้งานเป็นยานพาหนะแล้ว ยังสามารถจ่ายประจุไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้อีก นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ว่ามา คือ สิ่งที่ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น ไดร์เป่าผม หรือ การดูทีวีขณะออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ตลอดจนจักรยานไฟฟ้าสำหรับใช้งานขณะไปท่องเที่ยวภูเขา หรือแม้แต่การแบ่งปันไฟฟ้าให้กับรถยนต์ไฟฟ้าของเพื่อนที่แบทเตอรีหมดพอดี ระบบดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า V2L (หรือ VIHECLE TO LOAD) เป็นเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้กับ IONIQ 5 ใช้งานได้ทั้งสำหรับการแบ่งปันกระแสไฟฟ้าภายในตัวรถ หรือการใช้งานนอกตัวรถ ในกรณีที่ใช้ไฟฟ้าระดับ 230 โวล์ท จุดเสียบพลักจะอยู่ตรงกลางระหว่างเบาะด้านหลัง สำหรับใช้อุปกรณ์ทั่วไป เช่น คอมพิวเตอร์ส่วนตัว จุดแตกต่างจากระบบจ่ายไฟฟ้าของรถยนต์รุ่นอื่นๆ คือ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ไม่ต้องอาศัยชุดแปลงกระแสไฟฟ้า และไม่ต้องเปิดระบบการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าเอาไว้ เท่านั้นยังไม่พอ ระบบสามารถทำการชาร์จไฟฟ้าได้ทันที รองรับแม้แต่อุปกรณ์ที่ต้องการกำลังไฟฟ้าสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า โดยทำงานผ่านระบบ RE-CHARGE (อุปกรณ์เลือกติดตั้งราคา 2,000 ยูโร) ประกอบด้วยชุดแปลงระบบไฟฟ้าสำหรับจ่ายไฟฟ้าออกไป และระบบควบคุมแรงดันไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยของการชาร์จ ผู้ขับสามารถชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ได้ โดยสามารถลอคประตู และเดินออกห่างจากตัวรถได้ กำลังไฟฟ้าสูงสุดที่จะจ่ายออกไปได้ คือ 3.6 กิโลวัตต์ และยังสามารถปรับแต่งการทำงานผ่านหน้าจอได้ ผู้ขับสามารถกำหนดปริมาณไฟฟ้าสูงสุดที่จ่ายออกไปได้ โดยสามารถกำหนดตัวเลขได้ที่ระหว่าง 20 % ของกำลังไฟฟ้าสูงสุด และที่ 80 % สำหรับความจุของแบทเตอรีที่เหลืออยู่ ระบบ RE-CHARGE ยังรวมถึงหลังคาชาร์จไฟฟ้าด้วยพลังแสงอาทิตย์ ทำให้ได้พลังงงานไฟฟ้ามาใช้งานอีกเล็กน้อย
บนหน้าจอตรงกลาง จะแสดงผลการทำงานของระบบไฟฟ้า ตลอดช่วงอายุการใช้งานของตัวรถ ระบบสามารถคำนวณได้ว่า ในสภาวะที่แสงแดดจ้าในบางประเทศ ระบบชาร์จไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์สามารถเพิ่มระยะทำการได้ถึง 2,000 กม. ต่อปีนั่นเชียว ถือเป็นการใช้งานที่ 5 วันครึ่งด้วยซ้ำไป สำหรับโครงสร้างตัวถัง มีชื่อว่า E-GMP ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ หลังจากที่เปิดตัวกับ IONIQ 5 จะยังมีรุ่นอื่นๆ ตามมาอีกเร็วๆ นี้ นั่นคือ รหัส 6 สำหรับตัวถังซีดาน และรหัส 7 สำหรับตัวถัง เอสยูวี ทางฝั่งค่ายรถ KIA (เกีย) ใช้โครงสร้างตัวถังชุดนี้กับรถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ครอสส์โอเวอร์ นั่นคือ EV6 ขณะที่ระบบไฟฟ้าถูกพัฒนาให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น นอกเหนือจากระบบจ่ายไฟฟ้า V2L ยังมีระบบไฟฟ้าแบบ 400/800 โวล์ท สามารถทำให้รองรับการชาร์จประจุไฟฟ้าได้สูงสุดที่ 350 กิโลวัตต์ เลยทีเดียว (แม้ตัวรถจะรับได้สูงสุดที่ 220 กิโลวัตต์ ในตอนนี้) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้งาน และลดการสูญเสียพลังงานได้ในระยะยาว บริเวณใต้พื้นตัวถังเป็นตำแหน่งติดตั้งของชุดแบทเตอรี ปกป้องด้วยวัสดุโลหะที่แข็งแรง สามารถทนแรงกระแทกได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อป้องกันความเสียหายต่อชุดแบทเตอรี ต่อเนื่องกัน คือ ชุดมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับล้อคู่หลัง (กำลังสูงสุด 211 แรงม้า สำหรับความจุแบทเตอรีที่ 72.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง หรือ 170 แรงม้า สำหีรับรุ่น 58 กิโลวัตต์ชั่วโมง) และยังมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า มีกำลังสูงสุดที่ 305 แรงม้า สุดท้าย คือ ระบบรองรับที่ปรับแต่งมาโดยเฉพาะ แบบมัลทิลิงค์ 5 จุดยึด
ข้อมูลจำเพาะจากผู้ผลิตของรถที่นำมาทดสอบ
เครื่องยนต์
ด้านหน้า
• มอเตอร์ไฟฟ้าสนามแม่เหล็ก
• กำลังสูงสุด 95 แรงม้า
ด้านหลัง
• มอเตอร์ไฟฟ้าสนามแม่เหล็ก
• กำลังสูงสุด 211 แรงม้า
กำลังสูงสุดทั้งระบบ
• 305 แรงม้า
• แรงบิดสูงสุด 61.2 กก.-ม.
• พละกำลังโดยเฉลี่ยจากการทดสอบ 103 แรงม้า 76 kW (103 HP)
ชุดแบทเตอรี
• ลิเธียม-ไอออน ติดตั้งใต้พื้นรถ
• ความจุ 72.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง
การชาร์จประจุไฟฟ้า
• ไฟฟ้าเฟส 3 จากจุดชาร์จ 11 กิโลวัตต์
• การชาร์จเร่งด่วนสูงสุด 200 กิโลวัตต์ ที่ 800 โวล์ท
ระบบส่งกำลัง
• ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
• ชุดควบคุมการหมุนของมอเตอร์ไฟฟ้า
รูปแบบตัวถัง
• ตัวถังวัสดุโลหะ 2 กล่อง 5 ประตู 5 ที่นั่ง
• ระบบรองรับด้านหน้า แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
• ระบบรองรับด้านหลัง มัลทิลิงค์ 5 จุดยึด คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
• ชอคอัพแบบไฮดรอลิค
• ระบบเบรคแบบ จาน พร้อมช่องระบายความร้อน เอบีเอส อีเอสพี
• พวงมาลัย ฟันเฟือง และตัวหนอน ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า
ยาง
• MICHELIN PILOT SPORT EV 255/40 R20 105W
• ชุดปะยาง
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
• ระยะฐานล้อ 3,000 มม.
• ความกว้างฐานล้อ คู่หน้า 1,630 มม. คู่หลัง 1,640 มม.
• ความยาว 4,640 มม. กว้าง 1,890 มม. สูง 1,610 มม.
• น้ำหนักโดยรวม 2,095 กก. รวมน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 2,540 กก. น้ำหนักลากจูงสูงสุด 1,600 กก.
• ที่เก็บของด้านหน้า 24 ลิตร ด้านหลัง 527-1,587 ลิตร
ผลิตที่
• เมือง ULSAN (ประเทศเกาหลีใต้)
พื้นที่ใช้สอย ทัศนวิสัย และคุณภาพการประกอบ
IONIQ 5 มีคุณภาพการประกอบที่น่าพอใจหลายจุด นับตั้งแต่การออกแบบที่เรียบเนียน เส้นสายที่เรียบง่าย และการออกแบบที่เน้นการใช้งานที่สะดวก ตำแหน่งต่างๆ ถูกจัดวางอย่างลงตัว วัสดุแต่ละส่วนถูกออกแบบให้มีรูปทรงที่สวยงามประณีต ผิวสัมผัส รวมถึงคุณภาพโดยรวม แทบจะไร้ที่ติ แต่ละส่วนได้รับความเอาใจใส่เป็นอย่างดี ในส่วนของขอบประตู มีการติดตั้งคิ้วยางอย่างทั่วถึง ช่วยให้บิรเวณดังกล่าวปราศจากสิ่งสกปรกเล็ดลอดเข้ามาได้แม้แต่น้อย