เรื่องเด่น Quattroruote
TOYOTA YARIS CROSS
ครอสส์โอเวอร์คันนี้มีจุดเด่นหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น รูปทรงที่ลงตัว ขนาดตัวที่เหมาะกับการใช้งานในตัวเมือง และการขับขี่ที่น่าพอใจ นอกจากนี้ ยังมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำจากการหันมาใช้งานระบบไฮบริดเต็มตัว
รุ่น 1.3H E-CVT PREMIERE
ราคา
- จากผู้ผลิต 32,600 ยูโร (ประมาณ 1,310,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
เครื่องยนต์
- เบนซิน 3 สูบเรียง + มอเตอร์ไฟฟ้า 1,490 ซีซี
กำลังสูงสุด
- 116 แรงม้า
อัตาสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
- จากผู้ผลิต (มาตรฐาน WLTP) 23.2 กม./ลิตร
- จากการทดสอบ 19.8 กม./ลิตร
- ความคุ้มค่า 8.16 ยูโร/100 กม.
ค่าไอเสียเฉลี่ย
- จากผู้ผลิต (มาตรฐาน WLTP) 98 กรัม/กม.
- จากการทดสอบ 121 กรัม/กม.
จุดแข็ง
ใครที่กำลังมองหา B-SUV คันหนึ่ง และต้องการการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีพอ YARIS CROSS ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ลงตัวมากๆ กับตัวเลขเฉลี่ยที่ระดับ 20 กม./ลิตร และทำได้ถึงระดับ 25.0 กม./ลิตร สำหรับการขับในตัวเมือง นอกจากนี้ ยังมีการขับขี่ที่ตอบสนองฉับไว ขับสนุก ลัดเลาะผ่านโค้งได้อย่างคล่องแคล่ว
จุดอ่อน
จากการมองในระยะแรก คอนโซลหน้าถือว่าออกแบบได้อย่างลงตัว แต่เมื่อมองลึกลงไปในรายละเอียด จะพบรายละเอียดของการประกอบที่ดูไม่สมราคา โดยเฉพาะส่วนที่เก็บสัมภาระ มีความจุที่เหลือเฟือ แต่อุปกรณ์ใช้งานกลับมีไม่มากนัก
ราวกับ RAV4 ขนาดย่อม
สายพันธุ์ตัวลุยรุ่นถัดมาจาก RAV4 (รัฟโฟร์) แต่มาในร่างครอสส์โอเวอร์ขนาดเล็ก ภายใต้ชื่อ YARIS (ยารีส) โดยภาพรวมแล้ว นี่คือ ครอสส์โอเวอร์ระดับบี-เซกเมนท์ รุ่นใหม่จาก TOYOTA (โตโยตา) มีกำหนดทำตลาดเร็วๆ นี้ มาพร้อมจุดเด่นหลายประการที่จะทำให้บรรดาคู่แข่งระดับเดียวกันต้องหันมามองอย่างแน่นอน ตลาดรถยนต์กลุ่มนี้กำลังได้ความนิยมอย่างกว้างขวาง กับครอสส์โอเวอร์ที่มีขนาดกะทัดรัด ใช้งานได้อเนกประสงค์ YARIS CROSS (ยารีส ครอสส์) มีจุดเด่นที่แปลกใหม่บางประการ ที่ทำให้รถคันนี้แตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ อย่างแรก คือ ระบบไฮบริดที่เคยใช้งานมาก่อนหน้านี้ กับ YARIS ตัวถังซีดาน กับตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยในเบื้องต้นที่ 20 กม./ลิตร หากมองในแง่ของคู่แข่งที่สามารถทำตัวเลขได้ใกล้เคียงที่สุด คือ RENAULT CAPTUR E-TECH (เรอโนลต์ กัปตือร์ อี-เทค) อย่างไรก็ตาม รถยนต์จากทาง TOYOTA ก็ยังมีจุดเด่นที่สร้างความแตกต่าง กับทางเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาเป็นอุปกรณ์เลือกติดตั้ง แม้ระบบขับเคลื่อนดังกล่าวอาจส่งผลกับการประหยัดเชื้อเพลิงอยู่บ้าง (มีการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนสำหรับล้อคู่หลัง) และยังไม่เหมาะสำหรับการลุยทางสมบุกสมบันอย่างจริงจัง
YARIS CROSS คือ ครอสส์โอเวอร์ที่มีจุดเด่นให้พูดถึงได้มากมาย หากดูไล่เรียงตามข้อมูลจำเพาะ เราจะพบกับอุปกรณ์ใช้งานที่น่าสนใจหลายรายการเลยทีเดียว รวมถึงในแง่ของการใช้งานจริง อุปกรณ์แต่ละรายการมีคุณประโยชน์ที่เสริมความสะดวกสบายอย่างได้ผล นอกจากนี้ ยังมีรูปทรงที่ดูลงตัว เป็นหนึ่งในจุดเด่นประการแรกของรถรุ่นนี้ มีความใกล้เคียงกับครอสส์โอเวอร์ร่วมค่ายขนาดใหญ่กว่าอย่าง RAV4 ไม่ว่าจะเป็นสันเหลี่ยมที่เฉียบคม และเส้นสายบริเวณส่วนท้ายของตัวรถ แต่ยังคงถูกออกแบบให้มีขนาดตัวที่กะทัดรัด ใกล้เคียงกับซีดานที่เน้นการใช้งานในตัวเมือง เพราะโครงสร้างตัวถังของรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นถูกพัฒนาร่วมกัน มีชื่อว่า GA-B สำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก จุดแตกต่างของมิติตัวถังอยู่ที่ความยาว (ตัวถังครอสส์โอเวอร์มีความยาว 4,180 มม. มากกว่าตัวถังซีดานที่ 24 มม.) ส่วนที่แตกต่างกันจะเป็นระยะโอเวอร์แฮง ครอสส์โอเวอร์จะยาวกว่ากันที่ 180 มม. เพื่อเน้นให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระมากยิ่งขึ้น เหมาะกับรถยนต์ที่เน้นความอเนกประสงค์ ประตูบานท้ายเปิดออกได้ง่ายดาย ติดตั้งระบบเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า และระบบอัตโนมัติ ถือเป็นรถยนต์รุ่นเดียวที่ติดตั้งมาให้ เมื่อเทียบกับคู่แข่งระดับเดียวกัน ความจุของที่เก็บสัมภาระท้าย คือ 341 ลิตร มากกว่าตัวถังซีดานที่ 40 ลิตร และทำให้มีความจุในส่วนดังกล่าวมากกว่าคู่แข่งระดับเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีจุดที่น่าสนใจ นั่นคือ พื้นที่เก็บของใต้พื้นห้องโดยสารถึง 2 ชั้น (แต่ไม่มีใช้งานในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา เพราะต้องเสียพื้นที่ให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน) มีการแยกช่องเก็บของออกเป็น 2 ส่วน หากจำเป็นสามารถพับเบาะหลังได้แบบ 40:20:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ แต่เบาะหลังไม่สามารถเลื่อนหน้า/หลังได้
การเก็บสัมภาระจึงมีความจุในส่วนนี้มากขึ้น เหมาะสำหรับการเป็นรถยนต์ที่ใช้งานแบบอเนกประสงค์ ส่วนห้องผู้โดยสาร มีพื้นที่โดยรวมใกล้เคียงกับซีดานระดับเดียวกัน ความกว้างขวางมีเพียงพอในทุกสัดส่วน รองรับผู้โดยสารได้ 4 คนสบายๆ เบาะด้านหลังมีพื้นที่เหนือศีรษะที่เหลือเฟือ และตำแหน่งของเบาะผู้ขับที่ยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย (สูงกว่าเบาะหลังที่ 55 มม.) ทำให้ผู้ขับมีทัศนวิสัยที่ปลอดโปร่งอย่างที่หลายคนต้องการ นอกจากนี้ เบาะนั่งถูกออกแบบให้มีตำแหน่งที่ถอยไปข้างหลังเล็กน้อย จากการใช้โครงสร้างตัวถังแบบใหม่ล่าสุด และพวงมาลัย (สามารถปรับตำแหน่งใกล้/ไกลได้) มีน้ำหนักที่เหมาะสม และยังช่วยให้มีตำแหน่งที่ลงตัวกับสรีระของผู้ขับ ตลอดการใช้งานต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย
หลังจากปรับตำแหน่งเบาะนั่งได้เหมาะสม ซึ่งใช้งานได้สะดวก กินเวลาไม่นาน เราลองมองไปรอบๆ ส่วนของผู้ขับ พบว่ารูปแบบของเบาะนั่งเหมือนกับ YARIS ตัวถังซีดาน แผงคอนโซลหน้าสีเส้นสายที่เรียบง่าย แม้ในบางจุดอาจใช้วัสดุที่ดูไม่สมกับค่าตัวไปบ้าง อุปกรณ์ใช้งานต่างๆ ติดตั้งมาให้ครบครัน และใช้งานได้สะดวกเป็นอย่างดี ช่องเก็บของมีหลากหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะบริเวณคอนโซลกลางถูกออกแบบสำหรับการใช้งานของโทรศัพท์มือถือ (ด้านล่างเป็นส่วนแท่นชาร์จมือถือแบบไร้สาย) หรือช่องเก็บสำหรับสิ่งของที่ใช้เป็นประจำ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยก 2 โซน สามารถใช้งานกับปุ่มแบบดั้งเดิม มีความสะดวกมากๆ เมื่อเทียบกับการใช้งานผ่านหน้าจอระบบสัมผัสแบบรถยนต์สมัยใหม่หลายรุ่น น่าเสียดายที่ช่องแอร์ตรงกลางใช้งานค่อนข้างยาก เพราะตำแหน่งของช่องแอร์อยู่ด้านล่างจอแสดงผลหลัก
ส่วนการแสดงผลแบบดิจิทอล ช่วยยกระดับคุณภาพโดยรวมของรถรุ่นนี้ขึ้นมาได้ไม่น้อย เมื่อเทียบกับรูปแบบการตกแต่งของ YARIS ตัวถังซีดาน แผงหน้าปัดของรุ่นย่อย TREND ใช้หน้าจอขนาด 7 นิ้ว มีการแสดงผลที่ชัดเจน การจัดวางกราฟิคต่างๆ เป็นสัดส่วน ดูลงตัวกว่าหน้าจอขนาด 4.2 นิ้ว ซึ่งติดตั้งมากับรุ่นเริ่มต้น มีการแสดงผลของรายละเอียดการเดินทาง และการใช้งานเมนูต่างๆ ทำได้สะดวก ใช้งานได้รวดเร็วดังใจ และไม่รบกวนสมาธิของผู้ขับ อย่างไรก็ตาม การปรับแต่งตามใจชอบกลับทำได้ไม่มากนัก นอกเหนือจากสีของการแสดงผลที่จะปรับเปลี่ยนตามโหมดการขับเคลื่อน นอกจากนี้ ระบบความบันเทิงยังเป็นรุ่นล่าสุดของ TOYOTA (อุปกรณ์ติดตั้งมาจากโรงงานของทุกรุ่นย่อย ยกเว้นรุ่น ACTIVE) รูปแบบการแสดงผลมีความคล้ายคลึงกับระบบความบันเทิงรุ่นก่อนหน้านี้ แต่รองรับการแสดงผลกับหน้าจอขนาด 8 ถึง 9 นิ้ว ชุดฟอนท์สามารถติดตั้งซิมคาร์ดได้ ทำให้มีการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เนทได้ตลอดเวลา รวมถึงระบบเนวิเกเตอร์ที่อัพเดทแผนที่ได้ตลอดเวลา (ใช้งานได้ฟรีเป็นเวลา 4 ปี) และข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ รองรับการเชื่อมต่อกับระบบมือถือ ANDROID AUTO และ APPLE CAR PLAY สุดท้าย คือ กราฟิคการแสดงผลโดยรวมมีการออกแบบใหม่ที่ลงตัวกว่าเดิม และใช้งานได้สะดวกกว่าระบบอื่นๆ
การส่งกำลังที่สมดุล
เมื่อเริ่มขับรถคันนี้ YARIS CROSS แสดงออกถึงบุคลิกของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าผ่านระบบไฮบริด การส่งกำลังเหมือนกับตัวถังซีดาน เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ไฮบริดของหลายรุ่นก่อนหน้านี้ ยังคงมีความใกล้เคียงกัน นั่นคือ การขับเคลื่อนแบบไร้มลพิษในช่วงแรกตั้งแต่ออกตัว เป็นผลดีจากการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังสูงสุดมากขึ้น โดยกำลังสูงสุดทั้งระบบอยู่ที่ 116 แรงม้า แม้จะดูไม่หวือหวานัก แต่มีรูปแบบการส่งกำลังที่สมดุลกันระหว่างเครื่องยนต์สันดาป และมอเตอร์ไฟฟ้า
ผลลัพธ์การทำงานของระบบไฮบริด เมื่อใช้งานเครื่องยนต์สันดาปไม่มากนัก ทำให้มีการประหยัดเชื้อเพลิง และแล่นได้ไกลหากมีน้ำมันเต็มถัง โดยเฉพาะการขับขี่ในตัวเมืองจะยิ่งประหยัดเชื้อเพลิงเป็นพิเศษ ทีมงานของเราสามารถวัดตัวเลขได้ถึง 25.6 กม./ลิตร และจะลดลงมาที่ 20.7 กม./ลิตร สำหรับการขับขี่บนทางหลวง น่าเสียดายที่การขับขี่บนทางด่วนใช้ความเร็วสูง ตัวเลขจะลดลงมาอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นสภาวะที่ระบบไฮบริดไม่สามารถแสดงจุดเด่นของการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า การขับขี่ในสภาวะดังกล่าว อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15.1 กม./ลิตร ทำให้มีตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองทุกสภาวะเฉลี่ยที่ประมาณ 19.8 กม./ลิตร สำหรับคนที่ไม่อยากจะแวะจอดเติมน้ำมันบ่อยนัก เราคำนวณจากความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 36 ลิตร รถคันนี้จะสามารถแล่นได้ไกลสุดหากเติมน้ำมันเต็มถัง คือ มากกว่า 700 กม. จากการทดสอบอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ถือว่ารุ่นตัวถังซีดานทำได้ดีกว่าเล็กน้อย (ที่ 21.2 กม./ลิตร โดยเฉลี่ย) เนื่องจากรุ่นครอสส์โอเวอร์มีน้ำหนักโดยรวมที่มากกว่า และมีตัวถังที่ต้านลมมากกว่าด้วย อัตราสิ้นเปลืองจึงมากกว่าเล็กน้อยในแทบทุกกรณี
กลิ่นอายตัวแรงรหัส GR
สิ่งหนึ่งที่ครอสส์โอเวอร์คันนี้ได้รับการถ่ายทอดมาจากสายพันธุ์ YARIS รุ่นล่าสุด คือ การขับขี่ที่มีความคล่องแคล่วอย่างน่าพอใจ คุณสมบัติดังกล่าวสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนจากรหัสตัวแรง GR YARIS (จีอาร์ ยารีส) คุณลักษณะการขับขี่ที่ลงตัวถูกนำมาใช้แทบทุกรุ่นย่อย เป็นผลดีของการใช้โครงสร้างตัวถังแบบ GA-B ถูกพัฒนาให้มีความแข็งแรง กระจายน้ำหนักอย่างสมดุล มีจุดศูนย์ถ่วงที่เหมาะสมแม้เป็นครอสส์โอเวอร์ทรงสูง และน้ำหนักตัวรถที่ไม่มากเกินไป (เราวัดมาได้ที่กว่า 1,300 กก. เท่านั้น) ทำให้ YARIS CROSS มีความคล่องแคล่ว และการทรงตัวที่มั่นคง รวมถึงการขับขี่ในตัวเมืองที่ทำได้ดีเช่นกัน จากพวงมาลัยที่มีน้ำหนักเบา เข้าโค้งได้สะดวก และเครื่องยนต์ที่มีกำลังสูงสุดไม่มากนัก แต่เน้นการส่งกำลังที่ต่อเนื่อง อัตราเร่งขณะออกตัวทำได้ดี รวมถึงอัตราเร่งยืดหยุ่นก็มีการตอบสนองที่น่าพอใจในแทบทุกย่านความเร็ว นอกจากนี้ YARIS CROSS ยังมีโครงสร้างตัวถังที่แข็งแรง ระบบรองรับที่มีความหนึบเพียงพอ ตัวรถมีอาการโคลงเพียงเล็กน้อยขณะเข้าโค้ง และในกรณีที่หักเลี้ยวแบบกะทันหัน ช่วงล่างมีการตอบสนองที่หนึบเพียงพอ และเข้าโค้งได้อย่างมั่นคง การขับขี่บนทางโค้งต่อเนื่องของเส้นทางที่ผ่านหุบเขา ให้ความรู้สึกที่มั่นคงเป็นอย่างดี ควบคุมได้ดังใจ แม้ตัวถังจะมีขนาดใหญ่ตามสไตล์รถยนต์อเนกประสงค์ นอกจากนี้ ในแง่ของความสะดวกสบายก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ระบบรองรับตอบสนองได้เหมาะสม รวมถึงช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชันบีม ที่ไม่มีอาการแข็งกระด้างมากเกินไป สุดท้าย คือ การเก็บเสียงรบกวนที่ทำได้ดีเช่นกัน แม้ขณะขับขี่บนทางด่วนที่ใช้ความเร็วสูง เสียงรบกวนมีให้สัมผัสไม่มากนัก ขับขี่ได้อย่างไหลลื่น ส่วนหนึ่งมาจากระบบช่วยเหลือการขับขี่ระดับที่ 2 (มีติดตั้งมาให้ทุกรุ่นย่อย) มีการทำงานที่ลงตัว
ครอสส์โอเวอร์คันนี้มีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา หากผู้ขับต้องการ โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อคู่หลัง
ทางเลือกของการซื้อ ทางเลือกของการเงินที่หลากหลาย
ในอนาคตอันใกล้ YARIS CROSS จะสามารถสั่งจองล่วงหน้าทางออนไลน์ กับการวางเงินที่ 250 ยูโร และสามารถเข้าร่วมพโรแกรม WEHYBRID หรือการรับประกันชุดมอเตอร์ไฟฟ้าตลอดอายุการใช้งาน และครอบคลุมอุบัติเหตุด้วย โดยมีทางเลือก 5 รุ่นย่อย นั่นคือ ACTIVE ขับคลื่อน 2 ล้อหน้า ถัดมา คือ รุ่น TREND LOUNGE ADVENTURE และ PREMIERE โดยในรุ่นย่อย TREND อยู่ในระดับกลาง ติดตั้งอุปกรณ์ใช้งานมาครบครัน ได้แก่ ล้อแมกขนาด 17 นิ้ว ไฟหน้าแบบ แอลอีดี กระจกรมดำ สีตัวถังแบบเมทัลลิค และระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เนทของ TOYOTA ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้ราคา 24,350 ยูโร ถัดมา คือ รุ่น LOUNGE ที่ติดตั้งอุปกรณ์มาเพียงพอ ตามมาด้วยรุ่น ADVENTURE และ PREMIERE โดยมีราคาแตกต่างกันที่ 4,250 ยูโร ขณะที่รุ่นย่อย LOUNGE และ ADVENTURE มีราคาเท่ากันที่ 26,050 ยูโร ผู้ที่สนใจจะได้เลือกระหว่างรูปลักษณ์ที่เน้นความเรียบง่าย และอีกรุ่นเน้นมาดของตัวลุย ในรุ่นทอพ PREMIERE จะมีราคาที่ 28,350 ยูโร เพิ่มการตกแต่งด้วยชุดหนังแท้ มีชุดอุปกรณ์ใช้งานแบบ TECH ติดตั้งจากโรงงาน การแสดงผลสะท้อนกระจกหน้า และประตูบานท้ายเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า ในช่วงแรกที่เปิดตัวอาจได้ส่วนลดพิเศษที่ 450 ยูโร เพื่อทำราคาสู้กับคู่แข่งได้ นอกจากนี้ยังมีพโรแกรมการเช่าซื้อที่หลากหลาย (ในประเทศอิตาลี) โดยมีระยะเวลาการผ่อนที่ 48 เดือน กับอัตราดอกเบี้ยที่ 4.99 % เงินดาวน์ที่ 189-270 ยูโร และทางผู้ผลิตจะคำนวณค่างวเงินผ่อนจากระยะทางที่ใช้งานอีกด้วย
ข้อมูลทางเทคนิค
เก็บสัมภาระได้มากขึ้น พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
รูปทรงโดยรวมดูเหมือนจะใหญ่กว่า YARIS ตัวถังซีดานค่อนข้างมาก แต่ความจริงแล้ว มิติตัวถังไม่ได้แตกต่างกันมากขนาดนั้น YARIS CROSS ใช้โครงสร้างตัวถังแบบ GA-B รุ่นเดียวกัน จึงมีระยะฐานล้อเท่ากัน แต่ระยะโอเวอร์แฮงมีความแตกต่างกัน ด้านหน้าที่ 60 มม. และด้านหลัง 180 มม. ทำมีน้ำหนักบรรทุกสูงสุดมากขึ้น มีความยาวมากกว่าที่ 240 มม. ความสูงมากกว่าที่ 90 มม. และความกว้างมากกว่าที่ 20 มม. ระยะความสูงจากพื้นถนนที่ 170 มม. มากกว่ารุ่นตัวถังซีดานที่ 25 มม. ในแต่ละรุ่นย่อยของ CROSS จะใช้ขุมพลังแบบไฮบริด ประกอบด้วยเครื่องยนต์สันดาปแบบเบนซิน 1,490 ซีซี 3 สูบเรียง พัฒนาต่อเนื่องจากเครื่องยนต์ขนาด 2 ลิตร พร้อมระบบ DYNAMIC FORCE มีอัตราส่วนกำลังอัดที่ 14:1 และเครื่องยนต์ที่ทำงานร่วมกับระบบไฮบริด ระบบส่งกำลังถูกออกแบบให้มีขนาดที่เหมาะสม เชื่อมต่อการส่งกำลังระหว่างมอเตอร์ทั้ง 2 ตัว และชุดปั่นกระแสไฟฟ้า โดยมีกำลังสูงสุดที่ 74 แรงม้า มาพร้อมชุดแบทเตอรีแบบ ลิเธียม-ไอออน มีน้ำหนักเบา และเก็บประจุไฟฟ้าได้นานกว่า หากเพิ่มงบประมาณอีก 2,500 ยูโร จะมีการติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา AWD-I มีการส่งกำลังไปยังล้อคู่หลัง (ระบบรองรับจะเปลี่ยนเป็นแบบอิสระปีกนกคู่ แทนที่แบบทอร์ชันบีม) มอเตอร์กำลังสูงสุด 6.2 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 5.3 กก.-ม.
ข้อมูลจำเพาะ
จากผู้ผลิตของรถที่นำมาทดสอบ
เครื่องยนต์สันดาป
• วางด้านหน้า แบบเบนซิน
• 3 สูบเรียง
• กระบอกสูบ 80.5 มม.
• ช่วงชัก 97.6 มม.
• ความจุ 1,490 ซีซี
• กำลังสูงสุด 92 แรงม้า ที่ 5,500 รตน.
• แรงบิดสูงสุด 12.2 กก.-ม. ที่ 3,600-4,800 รตน.
• เสื้อสูบ และฝาสูบใช้โลหะน้ำหนักเบา
• ดับเบิลโอเวอร์เฮด แคมชาร์ฟ พร้อมวาล์วแปรผันคู่ 4 วาล์ว ต่อลูกสูบ (สายพานโซ่)
• ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง ผสมระบบหัวฉีด
• ชุดกรองไอเสีย
ระบบไฮบริด
• ระบบเชื่อมต่อการส่งกำลัง
• มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า ระบบแม่เหล็กไฟฟ้า
• กำลังสูงสุด 80 แรงม้า
• แรงบิดสูงสุด 14.4 กก.-ม.
กำลังสูงสุดทั้งระบบ
• 116 แรงม้า
ระบบส่งกำลัง
• ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า
• ระบบเกียร์อัตโนมัติแปรผัน
รูปแบบตัวถัง
• ตัวถังโลหะ 2 กล่อง 5 ประตู 5 ที่นั่ง
• ระบบรองรับด้านหน้าแบบ แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์
สปริง และเหล็กกันโคลง
• ระบบรองรับด้านหลัง พร้อมเชื่อมต่อกับเพลาขับ คอยล์
สปริง
• ชอคอับแบบไฮดรอลิค
• ระบบเบรคแบบจาน พร้อมช่องระบายความร้อน ABS และ ESP
• พวงมาลัยฟันเฟือง และตัวหนอน ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า
• ความจุถังน้ำมัน 36 ลิตร
ยาง
• GOODYEAR EFFICIENTGRIP ขนาด 215/50 R18 92V
• ชุดปะยาง
มิติ และน้ำหนัก
• ระยะฐานล้อ 2,560 มม.
• ความกว้างฐานล้อคู่หน้า และหลัง 1,520 มม.
• ความยาว 4,180 มม. กว้าง 1,770 มม. สูง 1,600 มม.
• รวมน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 1,690 กก. น้ำหนักลากจูงสูงสุด 750 กก.
• ความจุที่เก็ลสัมภาระ 397 ลิตร
ผลิตที่
• เมือง VALENCIA ประเทศฝรั่งเศส