LAND ROVER DEFENDER RALLY SERIES เกิดมาลุยสนามแข่ง !

เราไม่รู้ว่าคุณรู้เรื่องนี้หรือไม่ หรือคุณเป็นส่วนหนึ่งของมันหรือไม่ แต่คนที่มีความร่ำรวยอย่างเหลือกินเหลือใช้กลับได้รับการยอมรับในปัจจุบันด้วยคำย่อที่ลึกลับอย่าง HNWI ซึ่งเป็นคำที่ย่อมาจาก คำว่า HIGHT NET WORTH INDIVIDUAL หมายถึงผู้ที่มีทรัพย์สินไม่รวมอสังหาริมทรัพย์ มูลค่าอย่างน้อย 30 ล้านดอลลาร์ ตามการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยชั้นนำ พบว่ารถยนต์เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่คนมีฐานะเหล่านี้ให้ความสนใจมาขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปี 2022 รถยนต์ในกลุ่มนี้มีจำนวนกว่า 400,000 คัน แต่คาดว่าในปี 2027 ในอนาคตอันใกล้ จะมีจำนวนเพิ่มเป็นเกือบ 600,000 คัน นั่นเชียว
 
ผู้คนจำนวนมากเหล่านี้รักรถยนต์ หากเป็นเรื่องจริง คือ รถยนต์ถือเป็นการลงทุนเพื่อสะท้อนความ   "หลงใหล" เป็นอันดับ 2 รองจากงานศิลปะ (ผู้คนมากกว่า 30 % มีรถยนต์สะสม ไม่ว่าจะเป็นรถรุ่นประวัติศาสตร์ หรือรุ่นร่วมสมัย) ขอบอกก่อนว่า เราไม่ได้บอกรายละเอียดทั้งหมดนี้ด้วยความตั้งใจที่จะบ่งบอกความไม่เท่าเทียมกันที่เพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคมยุคใหม่ แต่เพื่ออธิบายเหตุผลว่าทำไมโลกที่เต็มไปด้วยสิทธิพิเศษบนรถยนต์ 4 ล้อ ซึ่งหลายคนกำลังมองดูด้วยความสนใจ โดยรับรู้ถึงศักยภาพในการสร้างรายได้อันคุ้มค่าจากการสร้างความบันเทิงให้แก่คนจำนวนน้อยผ่านบริการ และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย
 
LAND ROVER DEFENDER RALLY SERIES ถูกออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์นี้ และสำหรับคนเหล่านี้ โดยพื้นฐานแล้ว นี่คือ การแข่งขันชิงแชมพ์รุ่นเดียวที่จัดโดย LAND ROVER เพื่อสร้างประสบการณ์ชีวิตให้แก่การแข่งขันแบบพิเศษที่ผสมผสานระหว่างการแข่งขันแรลลีกับการแข่งขันออฟโรดแบบหนักหน่วง การแข่งขันนี้จัดขึ้นเพื่อให้นักแข่งมือสมัครเล่นที่มีประสบการณ์การแข่งขันเป็นครั้งแรกเป็นหลัก แต่การแข่งขันซึ่งจัดขึ้นทั้งในสหราชอาณาจักร และยุโรปแผ่นดินใหญ่นั้นยังมีนักแข่งมืออาชีพเข้าร่วมด้วย สิ่งสำคัญนอกเหนือจากความต้องการที่จะใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์กับทางลุยในโคลนตมแล้ว คือ ความพร้อมทางการเงิน และนี่คือ จุดที่เศรษฐีที่ร่ำรวยเข้ามามีบทบาทในการซื้อ DEFENDER ที่พร้อมสำหรับการแข่งขันในราคา 160,000 ยูโร คุณสามารถบริการจัดการได้ด้วยตัวเองหากคุณมีเวลา และความต้องการ แต่ 90 % ของนักแข่งจะเลือกวิธีที่ง่ายที่สุด โดยการซื้อแพคเกจซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่มีราคาแพงมาก ประมาณ 18,000 ยูโร บวกภาษี กับความสะดวก คือ "มาถึงสนามแข่งแล้วขับ" ซึ่งสามารถแปลได้ว่า "ตัวรถได้รับการดูแล และบำรุงรักษาเป็นอย่างดีโดยผู้เชี่ยวชาญ" ภายใต้บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการปรับแต่ง LAND ROVER แบบสุดขั้ว โดยจะทำการดูแลทุกอย่าง และผู้เป็นเจ้าของเพียงแค่ปรากฏตัวบนสนามแข่งพร้อมหมวกกันนอค และชุดสำหรับการแข่งเต็มพิกัด
 

สไตล์ของตัวแข่ง GROUP N

อย่างไรก็ตาม ในความพยายามที่น่าชื่นชม (และอาจจะไร้ผล) ที่จะทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นนักขับมืออาชีพขนานแท้ อย่างน้อยก็ขณะอยู่หลังพวงมาลัย แม้เราไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเศรษฐีที่เป็นลูกค้าหลักของรถยนต์รุ่นนี้ ทาง LAND ROVER เชิญเราไปที่ประเทศสกอทแลนด์เพื่อลอง DEFENDER ที่มีความเร้าใจในสนามแข่งมากกว่ารุ่นปกติ ก่อนอื่นเลย ขอชี้แจงให้ชัดเจนว่า นี่คือ รถที่ไม่ได้ถูกดัดแปลงเมื่อเทียบกับรุ่นดั้งเดิม ซึ่งเป็นรุ่นฐานล้อสั้นของรถออฟโรดสัญชาติอังกฤษ ภายใต้รหัส 90 P300 SE หากจะใช้คำศัพท์ที่นักแข่งแรลลีรุ่นเก่าจะเข้าใจได้ นั่นก็คือ GROUP N แบบดั้งเดิม เครื่องยนต์เป็นแบบเบนซิน เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 300 แรงม้า จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบเดียวกับรถที่ผลิตจริง โดยมีการเปลี่ยนแปลงหลักๆ คือ ระบบกันสะเทือนซึ่งตอนนี้ปรับแต่งได้แล้ว ในส่วนของใต้ท้องรถซึ่งได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา และกับยางซึ่งตอนนี้ติดตั้งบนล้ออลูมิเนียมขนาด 18 นิ้วโดยเฉพาะ จากนั้นจึงทำการปรับแต่งโครงสร้างเล็กน้อยเพื่อทนต่อแรงกดดันของการแข่งขันแรลลี ได้แก่ การเสริมกำลัง การติดตั้งเครื่องยนต์ และกระปุกเกียร์ มีการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงท่อหายใจแบบยกสูงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพื่อให้รถหายใจได้แม้ว่าคุณจะลงเอยอยู่กลางน้ำก็ตาม
 
ภายในรถถูกปรับปรุงโดยทำให้น้ำหนักบางส่วนถูกกำจัดออกไป ด้วยการไม่หุ้มเบาะ และเบาะที่นั่งด้านหลัง แต่แผงหน้าปัดยังคงเหมือนเดิม (รวมถึงการเชื่อมต่อ ANDROID AUTO และ APPLE CAR PLAY เนื่องจากในการทดสอบที่ยาวนานขึ้น ระบบนำทางบนโทรศัพท์มือถือยังมีความจำเป็น  (ใช้งานได้ทันทีทันใด ฉับไวกว่าการเปิดคู่มือรถ) และไม่ว่าจะอย่างไรก็มีโครงสร้างนิรภัยที่ได้รับการอนุมัติจาก FIA ซึ่งไม่เบาเลย ผลลัพธ์ที่ได้ คือ รถยนต์ตัวลุยที่มีสมรรถนะสูงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่มีน้ำหนักเท่ากับรถที่ผลิตจริงเกือบ 2.2 ตัน
 

ศิลปะแห่งการอ่านถนน

ข้อมูลของรถทดสอบจากผู้ผลิต

สำหรับคนที่มุ่งมั่นในอาชีพนักแข่งรถ ในกรณีบนถนนลาดยางทางเรียบในสนามแข่ง ช่วงแรกๆ ของการแข่งขันนั้นช่างห่างไกลจากความเป็นจริง เพราะการฝึกซ้อมที่คุ้มค่าไม่ใช่การเร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยการเหยียบคันเร่งเหมือนอย่างที่คุณทำในการแข่งขันแบบแรลลี แต่เป็นการอ่านภูมิประเทศ และการยึดเกาะที่ตามมา
 
ไม่มีเส้นทางที่แน่นอนตลอดเส้นทางออฟโรด เมื่อเราพยายามขับตามเส้นทางโคลนเลน เรากลับพบการติดขัดอย่างน่าเศร้า ดังนั้นในแต่ละรอบ คุณต้องคิดค้นเส้นทางใหม่ โดยต้องระมัดระวังมากกว่าจะเริ่มเบรคตรงไหน หากเป็นเรื่องจริงที่การสังเกตลูกตุ้มวัดแรงเหวี่ยงของตัวรถที่มาตรวัด 0 จะช่วยให้คุณเข้าโค้งได้ดี และในทางลาดที่วิ่งได้ด้วยความเร็วสูง การยึดเกาะจะยอดเยี่ยมมาก (แม้ว่าจะไม่มียางที่มีเนื้อแข็งมากนัก) แรงเหวี่ยงที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนัก และความสูงจะคอยเตือนคุณถึงความผิดพลาดของมนุษย์ และผู้ขับขี่มือใหม่ : หากคุณมาถึงเร็วเกินไป และจำเป็นต้องขับผ่านช่องแคบด้วยความเร็วเท่ากับการเดิน บางทีอาจมีกำแพงหินอยู่ด้านข้าง ความรู้สึก คือ ความรู้สึกที่น่ากลัวเสมือนการถูกยกขึ้นไปบนช้างตัวใหญ่ น้ำหนักมาก ที่ไถลไปบนหญ้าเปียก
 
เมื่อคุณเลี้ยว คุณจะเข้าใจว่าการแข่งแรลลีสำหรับเส้นทางบนผืนทรายไม่ได้ช่วยอะไรมาก : แน่นอน คุณต้องขับเร็ว แต่เพื่อให้มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง คุณต้องเบรคอย่างแม่นยำขณะอยู่บนเลนซ้ายเพื่อพยายามส่งน้ำหนักไปที่ด้านหน้าเพื่อให้ DEFENDER เลี้ยว และเหนือสิ่งอื่นใด ต้องมีสมาธิ : ในเส้นทางที่มีโคลนลึก เห็นได้ชัดว่าขณะฝนตกซึ่งเป็นสิ่งที่พบเจอได้ตลอดเวลาในประเทศสกอทแลนด์ หากตอบสนองได้ทันท่วงที คุณอาจสูญเสียการควบคุมแนวทางการวิ่งของตัวรถ ตลอดจนการตอบสนองของล้อคู่หน้า และคุณพบว่าตัวเองหมุนพวงมาลัยจนสุด ทั้งๆ ที่ควรจะแล่นไปตรงๆ ในเรื่องนี้พวงมาลัยแบบแรลลีน่าจะช่วยได้ เพื่อบอกเป็นนัยแก่ผู้ขับว่า ตำแหน่งเริ่มต้นของพวงมาลัยอยู่ที่ไหน นอกจากการมีริบบิ้นสีเหลืองสวยๆ ที่ด้านบนของขอบพวงมาลัย
 
กล่าวได้ว่าประสบการณ์นี้ดึงดูดใจอย่างมาก และเข้าใจได้ง่ายว่าทำไมค่าย LAND ROVER
จึงให้ความสำคัญกับบแรนด์หนึ่งเดียวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นพิเศษ (ขณะนี้พวกเขากำลังตัดสินใจว่าจะแวะทำกิจกรรมการแข่งขันลักษณะนี้ที่ประเทศอิตาลีหรือไม่ : การลงทะเบียนสำหรับการแข่งขันชิงแชมพ์สำหรับปี 2025 เปิดแล้ว) ตอนนี้สิ่งเดียวที่เหลือ คือ ความมุ่งมั่นของการเป็นราชาแห่งตัวลุยระดับตำนานคันนี้ !
 

รุ่น 90 P300 IF 
เครื่องยนต์
- วางด้านหน้าตามยาว
- เบนซิน เทอร์โบ 4 สูบเรียง
- ความจุ 1,997 ซีซี
- กำลังสูงสุด 300 แรงม้า ที่ 5,500 รตน.
- แรงบิดสูงสุด 40.8 กก.-ม. ที่ 1,500 รตน.
ระบบส่งกำลัง
- ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
- เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
สมรรถนะ
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.7 วินาที
- อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 8.9 กม./ลิตร
- อัตราการปล่อยไอเสียเฉลี่ย 260 กรัม/กม.
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
- ระยะฐานล้อ 2,590 มม.
- ความยาว 4,580 มม. กว้าง 2,110 มม. สูง 1,970 มม.
- น้ำหนักโดยรวม 2,165 กก.
ราคา 
- 160,000 ยูโร (ประมาณ 5,665,400 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)

การแข่งขันทั้ง 7 สนาม

ภาพแสดงให้เห็นสนามแข่งขันช่วงพิเศษในประเทศสกอทแลนด์ เริ่มต้นในเดือนมีนาคม กับรายการ DEFENDER RALLY SERIES ของประเทศอังกฤษ ประจำปี 2024 รวมทั้งหมด 7 สนามแข่งที่ประเทศเวลส์ สกอทแลนด์ และไอร์แลนด์