รถล่าสุด
เผยราคา GWM Tank 500 Diesel พิเศษ 500 คันแรก ! 1,399,000-1,599,000 บาท
GWM Tank 500 Diesel (จีดับเบิลยูเอม แทงค์ 500 ดีเซล) พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการใน 3 รุ่นย่อย ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมสีภายนอก 2 สี ได้แก่ สีขาว สีเทา และรุ่นตกแต่งพิเศษ Black Warrior (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD) ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำสุดพรีเมียม ในราคาแนะนำในช่วงการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ดังนี้
GWM Tank 500 Diesel 2.4T Pro ราคา 1,399,000 บาท (ราคาปกติ 1,449,000 บาท)
GWM Tank 500 Diesel 2.4T Ultra* ราคา 1,499,000 บาท (ราคาปกติ 1,599,000 บาท)
GWM Tank 500 Diesel 2.4T Ultra 4WD* ราคา 1,599,000 บาท (ราคาปกติ 1,699,000 บาท)
(*ทั้ง ULTRA และ ULTRA 4WD มาพร้อมสีพิเศษ Black Warrior ซึ่งจะมีราคาเพิ่มจากรุ่นปกติ 30,000 บาท)
โดยราคาแนะนำในช่วงเปิดตัวสุดพิเศษนี้ สำหรับลูกค้าที่จอง และออกรถ GWM Tank 500 Diesel 500 คันแรกเท่านั้น พิเศษยิ่งขึ้น รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปีเต็ม ฟรี บริการระบบตรวจสอบ และสั่งการรถผ่านอินเตอร์เนท*(Telematic Service) พร้อมแพคเกจอินเทอร์เนทภายในรถ (Internet in Vehicle) ระยะเวลา 3 ปี ฟรี ค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทางภายในระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน และไม่รวมอะไหล่สิ้นเปลือง) ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชม. เป็นระยะเวลา 5 ปี พร้อมการรับประกันคุณภาพรถใหม่ ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กม.** (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันเครื่องยนต์ดีเซล 1,000,000 กม.หรือ 8 ปี (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
สิ่งที่ GWM Tank 500 Diesel มีการพัฒนาจากรุ่นไฮบริด
• พัฒนารุ่น 2WD สำหรับตลาดไทยโดยเฉพาะ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนไทย
• ปรับช่วงล่างให้เหมาะกับสภาพถนนเมืองไทย พฤติกรรมการขับขี่ของคนไทย
• เพิ่มความสบายในเบาะแถว 2 โดยการปรับการใส่วัสดุโฟม เพื่อเพิ่มความนุ่มสบายในการนั่งให้มากยิ่งขึ้น
• ย้ายตำแหน่งยางอะไหล่ ไปไว้ด้านใต้ตัวรถ เพื่อให้สะดวกกับการเปิดประตูหลัง และการจอดในพื้นที่จำกัด
รุ่น และสีรถยนต์
• GWM Tank 500 Diesel สีขาว สีดำ และสีเทา มาพร้อม 3 รุ่น ได้แก่
o รุ่น GWM Tank 500 Diesel 2.4T Pro
o รุ่น GWM Tank 500 Diesel 2.4T Ultra*
o รุ่น GWM Tank 500 Diesel 2.4T Ultra 4WD*
* มาพร้อมรุ่นพิเศษ Black Warrior สีภายใน : สีดำ
สมรรถนะ GWM Tank 500 Diesel
• GWM Tank 500 Diesel ทั้ง 3 รุ่นขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจเนอเรชันใหม่ล่าสุด พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) และเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9AT) ให้กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์/184 แรงม้า ที่ 3,600 รตน. แรงบิดสูงสุด 480 นิวทันเมตร/49.0 กก.ม. รองรับการเดินทางไกลด้วยระยะทางขับขี่รวมมากกว่า 1,000 กม./การเติมน้ำมัน 1 ครั้ง
• พร้อมเสริมประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบหัวฉีดคอมมอนเรลแรงดันสูง 2,000 บาร์, ปั๊มน้ำมันเครื่องแบบปรับอัตราการไหล และระบบ EGR ควบคุมด้วยอีเลคทรอนิคส์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ ลดมลพิษ และประหยัดเชื้อเพลิงยิ่งขึ้น
• ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent) เพิ่มทัศนวิสัย และความปลอดภัยในทุกสถานการณ์
• รองรับโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 8 โหมด
o GWM Tank 500 Diesel รุ่น 2.4T Pro และ 2.4T Ultra มาพร้อม 3 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดปกติ, โหมดสปอร์ท และโหมดประหยัด
o GWM Tank 500 Diesel รุ่น 2.4T Ultra 4WD มาพร้อม 8 โหมดการขับขี่ ได้แก่
- โหมด 2H, โหมด 4H, โหมด 4L, โหมดพื้นหิมะ, โหมดพื้นโคลน, โหมดพื้นทราย, โหมดพื้นหิน และโหมดผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับทุกสภาพเส้นทางทั้งบนถนน และออฟโรดอย่างมั่นใจ
- นอกจากนี้ รุ่น 2.4T Ultra 4WD ยังยกระดับความคล่องตัว และความมั่นใจในการขับขี่ด้วยฟีเจอร์ล้ำสมัย อาทิ ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (Tank Turn), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติสำหรับทางออฟโรด (Off-road Cruise Control) ระบบลอคเฟืองด้านหน้า และด้านหลัง (Front and Rear Differential Lock)
พแลทฟอร์มของ GWM Tank 500 Diesel
• GWM Tank 500 Diesel พัฒนาบนโครงสร้างแบบตัวถังวางบนเฟรม (Body-on-Frame) ที่ออกแบบขึ้นเฉพาะสำหรับรถยนต์ในตระกูล GWM Tank มอบความแข็งแกร่งเหนือระดับ พร้อมระยะความสูงใต้ท้องรถ 224 มม. รองรับทุกสภาพเส้นทาง พร้อมส่งมอบความมั่นใจในทุกการเดินทาง
• ในรุ่น 2.4T Ultra 4WD มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์ เสริมด้วยระบบลอคเฟืองด้านหน้า และหลัง ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มขีดความสามารถในการลุยเส้นทางทุรกันดารอย่างแท้จริง
• ด้านระบบกันสะเทือน ด้านหน้าเป็นแบบปีกนกคู่ (Double-Wishbone) มอบความแม่นยำในการควบคุมทิศทาง ส่วนด้านหลังใช้ช่วงล่างแบบมัลทิลิงค์ ช่วยสร้างสมดุลระหว่างสมรรถนะการควบคุม และความนุ่มนวลในการขับขี่อย่างลงตัว
การออกแบบภายนอก (Exterior Design)
GWM Tank 500 Diesel รถยนต์อเนกประสงค์ PPV ระดับพรีเมียม ถ่ายทอดผ่านเส้นสายตัวถังที่แข็งแกร่ง และทรงพลัง สื่อถึงความสง่างาม และความภูมิฐาน
• มิติตัวถังขนาดใหญ่ กว้าง 1,934 มม. ยาว 4,886 มม. และสูง 1,905 มม. ระยะฐานล้อ 2,850 มม.
• ไฟหน้าแบบ LED อัจฉริยะ มาพร้อมไฟส่องสว่างกลางวัน (Daytime Running Lights), ฟังค์ชัน “Follow-Me-Home” และระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ เพิ่มความสะดวก และปลอดภัยในการใช้งาน
• ล้ออัลลอยสีดำ
o ในรุ่น 2.4T Pro ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง Westlake ขนาด 265/60 R18 และยางอะไหล่
o ในรุ่น 2.4T Ultra และ 2.4T Ultra 4WD ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง Continental ขนาด 265/50 R20 และยางอะไหล่
การออกแบบภายใน (Interior Design)
การออกแบบภายในของห้องโดยสาร GWM Tank 500 Diesel โดดเด่นด้วยบรรยากาศอันโอ่อ่า และหรูหรา ภายใต้แนวคิด “ห้องโดยสารอัจฉริยะ” ผสานความล้ำสมัยเข้ากับความสบายอย่างลงตัว ด้วยวัสดุพรีเมียม และการออกแบบพื้นที่ที่ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์การใช้งานในชีวิตประจำวัน และการเดินทางร่วมกับครอบครัว
ทุกรุ่นย่อยของ GWM Tank 500 Diesel มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน ดังนี้
o หน้าจอคู่ ประกอบด้วยหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทอล TFT (TFT Digital Driving Display) ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอสัมผัสมัลทิมีเดียขนาด 12.3 นิ้ว ในรุ่น 2.4T Pro และขนาด 14.6 นิ้ว ในรุ่น 2.4T Ultra และ 2.4T Ultra 4WD รองรับการเชื่อมต่อแอพพลิเคชัน การเล่นเพลง และแสดงผลแบบแยกหน้าจอได้
o ระบบชาร์จมือถือไร้สาย 50W พร้อมพอร์ท Type-A/C ด้านหน้า และ Type-A ด้านหลัง รองรับการชาร์จอุปกรณ์หลายชิ้นอย่างรวดเร็ว
o เบาะนั่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ช่วยลดความเมื่อยล้าระหว่างเดินทางไกล รองรับสรีระผู้ขับขี่ และผู้โดยสารอย่างลงตัว
o ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบกรองอากาศ N95 เพื่อคุณภาพอากาศภายในห้องโดยสารที่ดีต่อสุขภาพ
o พื้นที่เก็บสัมภาระแบบยืดหยุ่น เบาะหลังพับได้แบบ 50:50 รองรับปริมาณสัมภาระสูงสุด 795 ลิตร
o แพดเดิล ชิฟท์บนพวงมาลัย เพิ่มความคล่องตัวในการควบคุมเกียร์ รองรับการขับขี่ที่หลากหลาย
GWM Tank 500 Diesel รุ่น 2.4T Ultra เพิ่มอุปกรณ์ดังต่อไปนี้
o ตกแต่งด้วยหนัง Nappa ระดับพรีเมียม มาตรฐานเดียวกับรถยนต์หรู เพื่อความรู้สึกพรีเมียมทั้งภาพลักษณ์ และการใช้งาน
o ระบบเสียงรอบทิศทางแบบพื้นฐาน จำนวน 12 ลำโพง ให้คุณภาพเสียงเหนือระดับ เสริมอรรถรสในการขับขี่
o ระบบบันทึกตำแหน่งพร้อมระบบ Welcome seat ฟังค์ชันปรับเบาะไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อม VIP สวิทช์ สำหรับเบาะผู้โดยสารด้านหน้า ช่วยให้ง่ายต่อการขึ้น-ลงรถ
o ระบบเบาะนวดไฟฟ้า สำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า ลดความเมื่อยล้าระหว่างการขับขี่ พร้อมยกระดับความสบาย
o หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา เพิ่มแสงธรรมชาติ และมุมมองอันกว้างขวาง สร้างบรรยากาศโปร่งโล่งสบายภายในห้องโดยสาร
GWM Tank 500 Diesel รุ่น 2.4T Ultra 4WD เพิ่มอุปกรณ์ดังต่อไปนี้
o ระบบเบาะระบายอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า และแถว 2 เพื่อยกระดับความสบายของผู้โดยสารด้านหลังมากยิ่งขึ้น
ระบบอัจฉริยะใน GWM Tank 500 Diesel
GWM Tank 500 Diesel ทั้ง 3 รุ่นย่อย มาพร้อมระบบอัจฉริยะที่ครอบคลุมทั้งด้านความบันเทิง ความปลอดภัย การขับขี่ และเทคโนโลยีล้ำสมัยต่างๆ อาทิ
• ระบบอัพเกรดเฟิร์มแวร์แบบ FOTA (Firmware Over-the-Air) รองรับการอัพเดทระบบเกียร์ อัตราเร่ง ระบบช่วยขับขี่ ความบันเทิง และการควบคุมภายในห้องโดยสารผ่านสัญญาณอินเตอร์เนท ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเข้าศูนย์บริการ เช่น ปรับอัลกอริธึมโหมดออฟโรด และอัพเดทอินเตอร์เฟศของตัวรถ
• ระบบสั่งการด้วยเสียง (Voice Interaction System) รองรับคำสั่งภาษาไทย และอังกฤษ สำหรับควบคุมเครื่องปรับอากาศ ซันรูฟ ระบบนำทาง และความบันเทิง
• ระบบควบคุมรถจากระยะไกล (Remote Vehicle Control) ฟังค์ชันพื้นฐาน ได้แก่ สตาร์ทรถ หรือดับเครื่อง จากระยะไกล, เปิด-ปิดแอร์, เปิด-ปิดประตู ปิดหน้าต่าง และซันรูฟ และตรวจสอบสถานะรถ เช่น แรงดันลมยาง และระดับน้ำมันเชื้อเพลิง
• ฟังค์ชันด้านความปลอดภัย (Security Features) ประกอบด้วยระบบติดตามตำแหน่งรถ, การตั้งขอบเขตพื้นที่การใช้งาน (E-Fencing) และระบบแจ้งเตือนความผิดปกติ (เช่น เชคสถานะการเปิดประตู หรือหน้าต่าง)
• ระบบอินเตอร์เฟศผู้ใช้งาน (HMI Interaction)
o GWM Tank 500 Diesel รุ่น 2.4T Ultra : จอคู่แบบอินเตอร์แอคทีฟ แสดงแผนที่แบบแบ่งหน้าจอ, การจำลองจอภาพของมือถือ และข้อมูลโหมดออฟโรด
o GWM Tank 500 Diesel รุ่น 2.4T Ultra 4WD : หน้าจอ UI พิเศษสำหรับออฟโรด แสดงค่าความลาดเอียงภูมิประเทศ สถานะการลอคดิฟเฟอเรนเชียล และโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อแบบเรียลไทม์ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการลุยเส้นทางสมบุกสมบัน
ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่ และระบบความปลอดภัยสำหรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+
• การขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+ (Level L2+ Automated Driving) มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยเสริมความปลอดภัย และลดภาระผู้ขับขี่ในหลากหลายสถานการณ์ ได้แก่
o ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Full-speed Range ACC) : รองรับความเร็ว 0-150 กม./ชม. คงระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ และเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน
o ระบบช่วยเปลี่ยนเลน (LCA-Lane Change Assist) : ตรวจจับรถที่อยู่ในจุดบอดของกระจกข้าง หรือรถที่วิ่งมาเร็วจากเลนข้างเคียง พร้อมแสดงไฟเตือนฝั่งที่มีความเสี่ยง เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงการชนจากการเปลี่ยนเลน (เฉพาะรุ่น 2.4T Ultra และ Ultra 4WD)
o ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW-Forward Collision Warning) : ช่วยลดความเสี่ยงจากการเบรคไม่ทัน เพิ่มความปลอดภัย และลดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า
o ระบบช่วยควบคุมให้อยู่ในเลน (LKA-Lane Keeping Assist) : ช่วยปรับพวงมาลัยอัตโนมัติหากรถเบี่ยงออกนอกเลน เพื่อให้รถคงอยู่ในเส้นทางที่ปลอดภัย
o ระบบควบคุมอัจฉริยะบนทางด่วน/ระบบช่วยในสภาพการจราจรติดขัด (HWA/TJA-Highway Assist/Traffic Jam Assist) : ช่วยควบคุมรถทั้งในช่วงขับขี่ทางตรงยาวนาน หรือในสภาพรถติด โดยรักษารถให้อยู่กลางเลน และตามความเร็ว หรือระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างแม่นยำ ลดภาระผู้ขับขี่ และเพิ่มความปลอดภัยบนทางด่วน
ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety)
o LDW (Lane Departure Warning) : ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน โดยตรวจจับเส้นจราจรผ่านกล้องแบบเรียลไทม์ หากรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วตั้งแต่ 60 กม./ชม. ขึ้นไป และเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบจะแจ้งเตือนผ่านเสียง ภาพ และการสั่น ภายใน 0.5 วินาที
o HSA (Hill Start Assist) : ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ป้องกันรถไหลถอยหลัง
o ELK (Emergency Lane Keeping) : ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่ามีรถใกล้เคียงในระหว่างเปลี่ยนเลน เพื่อหลีกเลี่ยงการชน เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ในเมือง
o RCTA (Rear Cross-Traffic Alert) : ระบบเตือนรถสัญจรขณะถอยหลัง โดยตรวจจับรถที่เคลื่อนที่จากด้านข้าง (เฉพาะรุ่น 2.4T Ultra และ 2.4T Ultra 4WD)
o RCTB (Rear Cross-Traffic Braking) : ระบบเบรคฉุกเฉินขณะถอยหลัง หากผู้ขับไม่ตอบสนองต่อการเตือน ระบบจะเบรคอัตโนมัติเพื่อลดความเสี่ยงในการชน (เฉพาะรุ่น 2.4T Ultra และ 2.4T Ultra 4WD)
o MEB (Mild Off-Road Braking) : ระบบเบรคอัตโนมัติในความเร็วต่ำ (≤8 กม./ชม.) ขณะลุยทางออฟโรด หากตรวจพบสิ่งกีดขวางด้านข้าง ระบบจะเบรคเพื่อหลีกเลี่ยงการชน เหมาะกับสถานการณ์ลุยสุดขีด
o HDC (Hill Descent Control) : ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ช่วยให้รถลงทางชัน หรือพื้นที่ลื่นได้อย่างมั่นคง ลดภาระผู้ขับขี่
o EBD (Electronic Brake-force Distribution) : ระบบกระจายแรงเบรคอีเลคทรอนิคส์ ตรวจสอบสภาพล้อแบบเรียลไทม์ เพื่อปรับแรงเบรคอย่างเหมาะสม เพิ่มความมั่นคงขณะเบรค
o BAS (Brake Assist System) : ระบบเสริมแรงเบรคอัตโนมัติเมื่อผู้ขับเหยียบเบรคอย่างกะทันหัน เพื่อลดระยะเบรค และลดความเสี่ยงจากการชน
o RMI (Roll Movement Intervention) : ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ โดยตรวจสอบท่าทางของรถอย่างต่อเนื่อง และลดแรงบิดรวมถึงเบรคอัตโนมัติเพื่อรักษาสมดุล
o TCS (Traction Control System) : ระบบควบคุมการลื่นไถลของล้อ โดยตรวจจับความเร็วของล้อขับเคลื่อน หากล้อหมุนฟรี ระบบจะปรับแรงบิดให้เหมาะสม เพื่อให้รถมีแรงยึดเกาะที่ดีขึ้น
o เซนเซอร์จอดด้านหน้า 6 จุด/ด้านหลัง 6 จุด : ตรวจจับสิ่งกีดขวางรอบคัน ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่ระหว่างจอดรถ (เฉพาะรุ่น 2.4T Ultra และ 2.4T Ultra 4WD)
o ระบบกล้องมองภาพรอบคัน 540° : ความละเอียดระดับเมกะพิกเซล แสดงภาพรอบคันแบบเรียลไทม์ เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ และจอดรถ
o TPMS (Tire Pressure Monitoring System) : ระบบตรวจสอบแรงดันลมยางแบบเรียลไทม์ แสดงข้อมูลแรงดัน และอุณหภูมิของยางแต่ละเส้น พร้อมแจ้งเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติ
ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้อง (Passive Safety)
o โครงสร้างตัวถังออกแบบในรูปแบบโครงนิรภัย (Cage-Type) เพื่อสร้างช่องทางการถ่ายเทแรงกระแทกรอบทิศทาง ช่วยกระจายแรงปะทะได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริเวณโครงสร้างรับแรงหลักใช้เหล็กกล้าแรงดึงสูงพิเศษ (Ultra-High Strength Steel) ที่มีค่าความเค้นสูงสุด (Yield Strength) เกิน 1,500 MPa เพื่อลดการยุบตัวของหลังคาในกรณีเกิดแรงกระแทก
o โครงสร้างหลังคาสามารถรองรับแรงกดได้สูงถึง 96.58 กิโลนิวทัน ขณะที่ตัวถังมีความแข็งแรงต่อแรงบิด (Torsional Stiffness) สูงถึง 23,076 นิวทันเมตร และความแข็งแรงต่อการดัดงอ (Bending Stiffness) 5,602 นิวทันเมตร ซึ่งสามารถทนต่อแรงกดบนหลังคาได้มากกว่ามาตรฐานถึง 4 เท่า
o โครงสร้างแบบตัวถังบนเฟรมที่ใช้เหล็กกล้าแรงสูงเป็นพิเศษ ช่วยลดการยุบตัวของห้องโดยสารขณะเกิดการชน เสริมความปลอดภัยสูงสุดให้แก่ผู้โดยสาร
o คอพวงมาลัยแบบยุบตัวดูดซับแรงกระแทกได้ (Crushable Energy-Absorbing Steering Column) ช่วยลดแรงที่ส่งถึงคนขับเมื่อเกิดการชน ปกป้องความปลอดภัยของผู้ขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ
o มาพร้อมถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย) โดยม่านนิรภัยใช้กระบวนการขึ้นรูปแบบ OPW (One-Piece Woven) เพื่อรักษาความดันลมอย่างมั่นคง และเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้อง
o เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ 1 จุด (Dual Pretensioners) ช่วยรัดบริเวณเชิงกราน และหน้าอกของผู้โดยสารทันทีในช่วงเริ่มต้นของการชน ลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บ
o ฟังค์ชันปลดลอคประตูอัตโนมัติ และตัดระบบจ่ายน้ำมันเมื่อเกิดการชน : รถจะทำการปลดลอคประตูโดยอัตโนมัติ เปิดไฟฉุกเฉิน และไฟเบรค พร้อมตัดวงจรปั๊มน้ำมันทันที เพื่อหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
