รายงาน(formula)
เผยตัวในที่สุด จีพ เรเนเกด
4x4 สัญชาติอเมริกันคันแรกที่ถูกผลิตขึ้นในอิตาลี มีแผนจะเปิดตัวช่วงหลังฤดูร้อน นับเป็นรถรุ่นเดียวในเซกเมนท์นี้ ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ
ลงตัวกับชีวิตในเมือง
ความยาว 4,230 มม. ทำให้ เรเนเกด มีสัดส่วนที่เหมาะกับการใช้งานในตัวเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น โดยไม่สูญเสียภาพลักษณ์ที่ ดุดัน ของ จีพ แต่อย่างใด
พร้อมออกผจญภัย
เวอร์ชันที่ดึงดูดสายตาที่สุดของ เรเนเกด คือ ทเรล ฮอว์ค (TRAIL HAWK) ถูกยกให้สูงขึ้นจากรุ่นปกติถึง 30 มม. พร้อมติดตั้งกันชน และตะขอลากจูงเต็มรูปแบบ
รายละเอียดทางเลือกแต่ละรุ่นย่อยของ จีพ เรเนเกด
[table]
เครื่องยนต์,ระบบขับเคลื่อน,ระบบส่งกำลัง
1.4 มัลทิแอร์ 2,140 แรงม้า เอส&เอส 4x2,ธรรมดา 6 จังหวะ
1.4 มัลทิแอร์ 2 เทอร์โบ,170 แรงม้า เอส&เอส 4x2 หรือ 4x4,ธรรมดา 6 จังหวะ
1.4 มัลทิแอร์ 2 เทอร์โบ,170 แรงม้า เอส&เอส 4x2,อัตโนมัติ คลัทช์คู่ 6 จังหวะ
1.4 มัลทิแอร์ 2 เทอร์โบ,170 แรงม้า เอส&เอส 4x4,อัตโนมัติ 9 จังหวะ
1.6 อี ทอร์ค,110 แรงม้า 4x2,ธรรมดา 5 จังหวะ
1.6 เอมเจที II,120 แรงม้า เอส&เอส 4x2,ธรรมดา 6 จังหวะ
2.0 เอมเจที II,140 หรือ 170 แรงม้า เอส&เอส 4x2 หรือ 4x4,ธรรมดา 6 จังหวะ
2.0 เอมเจที II,140 หรือ 170 แรงม้า เอส&เอส 4x2,อัตโนมัติ 9 จังหวะ
[/table]
ส่วนเครื่องยนต์ประเภทอื่นๆ อย่างเครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร มัลทิแอร์ เทอร์โบ 160 แรงม้า และ 2.4 ลิตร มัลทิแอร์ 2 ไทเกอร์ชาร์ค (TIGER SHARK) กำลัง 194 แรงม้า ไม่มีจำหน่ายในตลาดยุโรป นับเป็นทางเลือกทั้งหมดที่มี
เล่นแสงสี เน้นสีสัน
ความสว่างสดใส โทนสีที่ตัดกันอย่างลงตัว ภาพลักษณ์ที่ดูแข็งแกร่ง รวมถึงความใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ล้วนเป็นกุญแจสำคัญในการออกแบบห้องโดยสารของ เรเนเกด นอกจากนี้ยังสามารถรับแสงสว่างได้มากขึ้น ด้วยหลังคาแบบเลื่อนเปิด/ปิด ซึ่งมีให้เลือก 2 แบบด้วยกัน
ห้องเก็บสัมภาระเหลือเฟือ
จีพ ประกาศว่าห้องเก็บสัมภาระท้ายมีความจุมากถึง 505 ลิตร นับว่าสูงสุดในรถระดับเดียวกัน ภาพด้านซ้าย : ชุดไฟหน้า/หลังในสไตล์ 4x4
พร้อมตะลุยทางหิน
อัตราทดเกียร์ที่ถูกปรับแต่งให้กระชับสั้นในรุ่น ทเรล ฮอว์ค ขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำให้เราสามารถใช้งาน รอค โหมด (ROCK MODE) ช่วยควบคุมระบบป้องกันการลื่นไถลให้มีการยึดเกาะสูงสุด
บางคนอ้างว่า เรเนเกด เป็นเหมือน แรงเลอร์ ขนาดย่อม ความจริงแล้วแม้การออกแบบของรถร่วมค่ายทั้ง 2 รุ่น จะใกล้เคียงกันจนยากจะปฏิเสธ แต่ก็ยังสามารถมองเห็นความแตกต่างบางส่วนได้อย่างชัดเจน เริ่มจากลายกระจังหน้าแนวตั้ง 7 แถบ ที่เป็นตำนาน และชื่อ เรเนเกด ซึ่งบ่งบอกความเป็นตัวลุย รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ และการตกแต่งที่ให้มาในรุ่นพื้นฐานเหมาะสมตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เน้นการใช้งานในตัวเมือง มากกว่าการใช้งานในเส้นทางสมบุกสมบันในขุนเขา รถ เอสยูวี ขนาดเล็กคันนี้ได้รับความสนใจจากผู้ใช้รถมานานหลายปี ด้วยการโฆษณาถึงคุณสมบัติที่โดดเด่น และการตั้งเป้าหมายทางการตลาดไว้ค่อนข้างสูง (จำนวน 250,000 คัน ภายในปี 2016 และยังทำตลาดพร้อมกับคู่แฝดต่างบแรนด์อย่าง เฟียต 500 เอกซ์) เรเนเกด คือ รถคันแรกของ จีพ ที่ประกอบในประเทศอิตาลี (จากโรงงานเมลฟี [MELFI] บริเวณตอนใต้ของเมืองเปนีนซูลา) และ ณ ตอนนี้ ยังเป็นเพียงคันเดียวในเซกเมนท์ (ได้แก่ เชฟโรเลต์ ทแรกซ์/วอกซ์ฮอลล์ มคคา ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน และ นิสสัน จูค ที่มีขนาดเล็กกว่า อย่างน้อยในด้านความรู้สึก) ส่งกำลังด้วย เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (มีแบบแมนวล 6 จังหวะให้เลือก) และยังมีข้อต่อที่แยกจากเพลาท้ายโดยสิ้นเชิงในรุ่น 4x4 ซึ่งช่วยอัตราลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ เรเนเกด ยังเป็นรถ เอสยูวี ขนาดเล็กคันแรกที่มีระบบป้องกันการลื่นไถล ไม่ว่าจะขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า หรือ 4 ล้อ (สามารถถ่ายโอนแรงบิดทั้งหมดมาไว้ที่ล้อข้างเดียว) ให้การยึดเกาะที่เหมาะสมเต็มกำลัง (โดยไม่จำเป็นต้องลดจังหวะเกียร์ลงมา) ช่วยให้การลุยบนเส้นทางสมบุกสมบันเป็นไปอย่างง่ายดาย
หัวใจหลักอีกอย่างหนึ่งของ จีพ คันใหม่นี้ คือ อารมณ์แบบสปอร์ท ตอบสนองในแบบฉบับของรถอเมริกัน ภายใต้ขนาดตัวที่เล็กลง และผสมความซุกซนแบบอิตาลีเข้าไปเล็กน้อย เริ่มต้นจากรูปทรงที่คล้ายกับ แรงเลอร์ ไม่ว่าจะเป็นเส้นลายที่เน้นสันเหลี่ยม เอกลักษณ์ดั้งเดิมของกระจังหน้า รูปแบบที่ดูขึงขัง การใช้สีและรายละเอียดการตกแต่งในโทนสว่าง เช่น มือจับประตูภายในห้องโดยสารที่มีขนาดใหญ่ หรือ หลังคาเปิด/ปิดแบบสไลด์เป็นอุปกรณ์เลือกติดตั้ง ทำให้ภายในเต็มไปด้วยกลิ่นอายตามแบบฉบับรถอเมริกันเลยทีเดียว
เมื่อลองเปลี่ยนจากรุ่นเน้นการใช้งานในเมืองมาสู่รุ่น ทเรล ฮอว์ค (ชื่อรุ่นเดียวกันกับเวอร์ชันตัวลุยของ เชอโรคี) เรเนเกด ก็เอาจริงเอาจังขึ้นมาทันใด ไม่ว่าจะเป็นด้านความสูงที่เพิ่มขึ้น (224 มม. จากพื้นถนน ส่วนในรุ่นพื้นฐานจะสูงขึ้น 200 มม. และรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ สูงขึ้น 170 มม.) ติดตั้งกันชนรูปแบบเฉพาะของรุ่นนี้ ตะขอลากจูงสีแดง และแผ่นกันกระแทกใต้ตัวถังบ่งบอกความเป็นตัวลุยชัดเจนยิ่งขึ้น
นอกจากนี้มุมปะทะด้านหน้า 30.5 องศา และมุมจากด้านหลัง 34.3 องศา (ขณะที่ของ แรงเลอร์ จะเป็น 38 และ 35 องศา) ความสามารถในการลุยน้ำลึก 480 มม. รวมถึงมุมคร่อมระหว่างช่วงล้อ 20.5 องศา ทำให้เราเข้าใจตัวตนของ เรเนเกด รุ่นนี้มากขึ้น การที่ เรเนเกด มีระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน พร้อมกับอัตราทดเกียร์แรกที่สั้น ประกอบกับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ทำให้ เรเนเกด สามารถเพิ่ม รอค โหมด (โหมดลุยหินลื่น) เพิ่มเข้ามาในโหมดขับเคลื่อนทั้ง 4 ของรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (เพิ่มเติมจากเดิม คือ โหมดอัตโนมัติ โหมดลุยหิมะ โหมดลุยทราย และโหมดลุยโคลน) นั่นคือทั้งหมดที่รถคันนี้พึงมี ในกรณีที่เผชิญหิมะตกโดยไม่ได้คาดหมาย เส้นทางที่ขรุขระ และหนทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆ จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป แต่กลายเป็นความท้าทายที่น่าตื่นเต้นเมื่อพบเจอ ส่วน แรงเลอร์ ยังคงเป็นตัวลุยที่เพียบพร้อม ด้วยระยะความสูงระหว่างพื้นถนนที่ดีเยี่ยม และเพลาขับที่ส่งกำลังได้อย่างลงตัว ผนวกกับโหมดส่งกำลังที่เน้นแรงบิดในรอบต่ำ สิ่งเดียวที่ยังน่าสงสัย คือ ราคาค่าตัวที่เริ่มต้นสูงถึงกว่า 20,000 ยูโร (ประมาณ 900,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า) อาจทำให้ เรเนเกด ถึงกับ งานเข้า ก็เป็นได้
เรื่องโดย : MANUELA PISCINI
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2557
คอลัมน์ Online : รายงาน(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/17071