ฟินแลนด์มีการแข่งขันรถยนต์แรลลีมาเป็นเวลาช้านาน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นประเทศกลุ่มแรกๆ ที่ตื่นตัวในกีฬาประเภทนี้ และที่โด่งดังในช่วงปี 1973 คือ รายการ 1000 LAKES RALLY และในปีที่ผ่านมา คริส มีค (KRIS MEEKE) ได้ทำสถิติความเร็วเฉลี่ยสูงสุดในการแข่งขันประเภทแรลลีชิงแชมพ์โลกไว้ที่นี่ด้วยความเร็วเฉลี่ย 126.62 กม./ชม. ในปัจจุบันสภาพเส้นทางยังคงเป็นพื้นกรวดเรียบ ที่สามารถใช้ความเร็วสูงตั้งแต่เริ่มต้นไปจนจบการแข่งขัน ขับเคี่ยวกันท่ามกลางสภาพธรรมชาติอันงดงามที่ปกคลุมไปด้วยป่าไม้ ลัดเลาะไปตามทะเลสาบที่มีอยู่มากมายในฟินแลนด์ มีเนินจัมพ์ราวกับรถไฟเหาะ เพื่อทดสอบความสามารถในการควบคุมรถ และสมรรถนะของระบบรองรับค่อนข้างมากทีเดียว สนามนี้จะใช้ยางซอฟท์คอมพาวน์ดเป็นหลัก โดยมีแค่บางช่วงที่เปลี่ยนมาเป็นยางฮาร์ดคอมพาวน์ด ส่วนระบบรองรับจะเซทมาสำหรับวิ่งทางฝุ่นเป็นส่วนใหญ่ แข่งขันชิงชัยกันถึง 25 ช่วงทดสอบพิเศษ เป็นระยะทางทั้งสิ้น 315.63 กม. การแข่งขันในวันแรกช่วงบ่ายเพื่อควอลิฟายด์หาตำแหน่งสตาร์ทในวันรุ่งขึ้น เริ่มต้นกันบนฮาร์จูสตรีท ซึ่งอยู่กลางเมือง เป็นสเตจโชว์ระยะทางสั้นๆ แค่ 2.31 กม. ให้ผู้รักความเร็วทางฝุ่นได้ชื่นชมลีลาการขับของบรรดานักแข่งมืออาชีพที่พวกเขาเป็นแฟนคลับอย่างใกล้ชิด ก่อนจะตระเวนไปตามป่าเขาลำเนาไพร ในวันแรก ออตต์ ตานัค (OTT TANAK) จากทีม เอม-สปอร์ท ดับเบิลยูอาร์ที ทำเวลาดีที่สุด 1.44.1 นาที ครองตำแหน่งออกสตาร์ทเป็นคันแรก วันที่ 2 เป็นการขับเคี่ยวที่มาราธอนมาก นักแข่งและผู้นำทางต้องนั่งอยู่ในรถแข่งที่วิ่งด้วยความเร็วสูงแทบจะทั้งวัน เป็นเวลายาวนานกว่า 16 ชม. เส้นทางก็ยังคงโหดหิน สามารถใช้ความเร็วที่ค่อนข้างสูง นักแข่งต้องควบคุมรถกันเป็นอย่างดี เพราะพลาดเมื่อไหร่อาจถึงกับต้องออกจากการแข่งขันกันเลยทีเดียว วันที่ 3 ของการแข่งขัน เป็นช่วงทดสอบพิเศษ ใช้ทางวิ่งแข่งขันเช่นเดียวกันกับเมื่อปีที่แล้ว แต่ส่วนใหญ่จะวิ่งในทิศทางกลับกัน นักแข่งก็ยังคงกดคันเร่งกันอย่างเต็มที่ เพราะเหลืออีกไม่กี่สเตจก็จะจบการแข่งขัน วันสุดท้ายของการแข่งขัน จะเป็นการย้อนรอยเส้นทางแข่งขันในปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะจบสิ้นการแข่งขัน จากการแข่งขันทั้งหมด 25 สเตจ ทีม โตโยตา กาซู เรซิง ดับเบิลยูอาร์ที สนามนี้มาแรงมาก ชนะไปถึง 18 สเตจ จนสามารถคว้าแชมพ์สนามฟินแลนด์ไปครองสำเร็จ ด้วยเวลารวมทั้งสิ้น 2 ชม. 29 นาที 26.9 วินาที โดยฝีมือการขับของ เอซาเปกกา แลปปี (ESAPEKKA LAPPI) ตามมาด้วย เอลฟิน อีวานส์ (ELFYN EVANS) ทำเวลาตามหลังอยู่ 36 วินาที ส่วนอันดับ 3 จูโฮ ฮานนิเนน (JUHO HANNINEN) จากทีม โตโยตา กาซู เรซิง ดับเบิลยูอาร์ที ช้ากว่าผู้นำ 36.3 วินาที ไล่หลังอันดับ 2 อยู่เพียงแค่ 0.3 วินาทีเท่านั้นเอง การแข่งขันครั้งต่อไปในสนามที่ 10 จะใช้ทางวิ่งในประเทศเยอรมนuเป็นที่ประลองความเร็ว ปีนี้คะแนนแชมพ์ประเภทนักแข่งสูสีกันอย่างมาก จบสนามที่ 9 เธียร์รี นูวิลล์ (THIERRY NEUVILLE) จากทีม ฮันเด มอเตอร์สปอร์ท และเซบัสเตียง โอกิเอร์ (SEBASTIEN OGIER) ทีม เอม-สปอร์ท ดับเบิลยูอาร์ที มีคะแนนรวมประเภทผู้ขับเท่ากันอยู่ที่ 160 แต้ม ส่วน ตานัค อันดับ 3 โดนทิ้งห่างอยู่ 41 แต้ม ส่วนคะแนนรวมประเภททีมผู้ผลิต ทีม เอม-สปอร์ท ดับเบิลยูอาร์ที ทำคะแนนนำทีม ฮันเด มอเตอร์สปอร์ท อันดับ 2 อยู่แค่ 34 แต้มเท่านั้นเอง ช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้สนุก เร้าใจ มีลุ้นกันถึงสนามสุดท้ายอย่างแน่นอนเพราะเหลือการแข่งอีกเพียงแค่ 4 สนามเท่านั้น ตำแหน่งแชมพ์โลกปีนี้มีโอกาสพลิกผันได้ตลอดเวลาNESTE RALLY FINLAND