พิเศษ
8 จุดเชคอิน รับลมหนาว
ฤดูหนาวกำลังจะมาถึง หลายคนเตรียมเก็บกระเป๋าออกเดินทางท่องเที่ยวกับรถ 4x4 คู่ใจ แต่ถ้ายังไม่รู้จะเชคอินที่ไหน “4 WHEELS” แนะนำ 8 สถานที่สุดโรแมนทิค ให้คุณไปรับลมหนาวกันแบบชิลล์ๆ
1. ดอยผาฮี้ จ. เชียงราย
“ดอยผาฮี้” แหล่งปลูกกาแฟชั้นดีของ จ. เชียงราย ตั้งอยู่บนเทือกเขานางนอน ที่เหล่านักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าไปติดอยู่ในถ้ำหลวงนั่นแหละ ที่นี่นอกจากจะได้ชิมกาแฟรสเลิศแล้ว วิวทิวทัศน์ก็สวยงาม แถมมีโฮมสเตย์ให้พักผ่อนในราคาหลักร้อยเท่านั้น ดอยผาฮี้ เป็นชุมชนของชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่าบนดอยสูง มีเทือกเขานางนอนล้อมรอบหมู่บ้าน ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สวยงามแปลกตา ผู้คนยังรักษาขนบธรรมเนียมแบบดั้งเดิมเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ถ้ามาช่วงที่มีพิธีกรรม จะได้เห็นประเพณีความเชื่อที่หาดูยาก เพราะพวกเขายังคงนับถือผี หรือบรรพบุรุษดั้งเดิม ปีหนึ่งจะจัดพิธีกรรมตามประเพณี 12 ครั้ง เพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษ เช่น ประเพณีโล้ชิงช้า ประเพณีปีใหม่ลูกข่าง เป็นต้น ไฮไลท์ที่ขาดไม่ได้ คือ การดื่มด่ำกาแฟผาฮี้ที่ปลูกและผลิตกันเอง พร้อมกับชมวิวมุมสูงในยามเช้า คุณจะได้เห็นพระอาทิตย์ค่อยๆ ขึ้น พร้อมกับสายหมอกไหลจางๆ ผ่านตัวไป รับรองว่าสวยงามจนลืมไม่ลง • ตั้งอยู่ที่ อ. แม่สาย จ. เชียงราย2. ดอยอ่างขาง จ. เชียงใหม่
ดอยอ่างขาง หรือสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง ตั้งขึ้นเมื่อปี 2512 ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ที่เปลี่ยนพื้นที่จากไร่ฝิ่นเป็นแปลงเกษตรเมืองหนาว ในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิจะติดลบ ได้เจอแม่คะนิ้ง หรือน้ำค้างแข็งยามเช้าแน่นอน ในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย บรรยากาศสวยงามเหมือนเมืองนอก โดยมีจุดที่น่าสนใจ เช่น สวนสมเด็จ, สวน 80 ปี, สวนคำดอย, แปลงไม้ผลเมืองหนาว, โรงเรือนทดสอบพันธุ์กุหลาบตัดดอก, สวนกุหลาบอังกฤษ, โรงเรือนรวบรวมพันธุ์ผัก และเรือนดอกไม้ นอกจากนี้ พื้นที่รอบๆ โครงการยังมีหมู่บ้านขอบด้ง ที่ปลูกชาทั้งภููเขาชื่อ “ไร่ชา 2000” เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม และหมู่บ้านนอแลที่ปลูกสตรอว์เบอร์รีแบบขั้นบันได ให้ถ่ายรูปเชคอินกันอีกด้วย • ตั้งอยู่ที่ อ. ฝาง จ. เชียงใหม่3. ดอยพุ่ยโค จ. แม่ฮ่องสอน
ดอยพุ่ยโค หรือดอยพุย (ภาษาท้องถิ่นของชาวกะเหรี่ยง) เป็นสถานที่ ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ อ. สบเมย จ. แม่ฮ่องสอน เนื่องจากมีความสูงถึง 1,406 ม. จึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก รวมถึงทะเลหมอกที่สวยที่สุดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย จนได้ฉายา “ดินแดนแห่งทุ่งหญ้าสีทอง” การเที่ยวที่นี่ ต้องเดินเท้าจากจุดจอดรถไปอีก 940 ม. ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชม. เนื่องจากทางขึ้นโหดพอสมควร ต้องเดินไต่ระดับเสียส่วนใหญ่ ทางราบมีน้อย ขอแนะนำให้ฟิทร่างกายกันมาก่อน แต่ถ้าใครเดินไปถึง รับรองว่าความเหนื่อยล้าจะหายไปทันที ด้านบนมี “ต้นเดียวดาย” ตั้งเด่นเป็นสง่าท่ามกลางภูเขานับร้อยที่รายล้อม พื้นดินบนยอดดอยพุ่ยโคถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าสีเหลือง เมื่อยามแสงแดดส่องกระทบจะกลายเป็นสีทองสวยงามยิ่งนัก รอบๆ ต้นเดียวดายมีสะพานไม้ให้เดินชมวิวได้รอบแบบ 360 องศา ถัดไปอีกฝั่งหนึ่งมีศาลาสีเขียวให้นั่งพักผ่อน สะพานกับศาลาหลังนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2559 นี่เอง เพิ่มความสวยงามและความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว • ตั้งอยู่ที่ อ. สบเมย จ. แม่ฮ่องสอน4. สังคม จ. หนองคาย
“สังคม” เป็นชื่ออำเภอใน จ. หนองคาย อยู่ติดแม่น้ำโขงทางทิศตะวันตกของจังหวัด สมัยก่อน อ. สังคม เป็นเพียงแค่ทางผ่านจากเชียงคานไปหนองคายเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้พัฒนาจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด มีสถานที่เที่ยวสำคัญๆ มากมาย อาทิ “วัดผาตากเสื้อ” เป็นวัดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาไม่ขาดสาย ไฮไลท์ คือ ทางเดินสกายวอล์ค ที่สร้างด้วยกระจกใสแห่งแรกของเมืองไทย โดยยื่นออกไปบริเวณหน้าผาลักษณะรูปเกือกม้ายาว 6 ม. มีทิวทัศน์โดยรอบสวยงาม ธรรมชาติสมบูรณ์ สามารถมองเห็นแม่น้ำโขง และประเทศ สปป. ลาว จากมุมนี้ได้อย่างชัดเจน นับเป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงยามเย็นที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย “ภูห้วยอีสัน” เป็นแหล่งท่องเที่ยว UNSEEN THAILAND แห่งใหม่ของจังหวัด เป็นจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม สามารถมองเห็นเกาะแก่งต่างๆ ริมแม่น้ำโขงได้อย่างชัดเจน การเดินทางต้องใช้บริการรถอีแต๊กของชาวบ้านขึ้นไปเท่านั้น สามารถชมทะเลหมอกได้ 2 จุด คือ จุดชมวิวสูงสุดของภูห้วยอีสัน และพื้นที่ของป่าไม้ที่อยู่ถัดลงมาด้านล่าง ซึ่งแต่ละจุดก็มีมุมมองที่สวยงามต่างกันไป • ตั้งอยู่ที่ อ. สังคม จ. หนองคาย5. บ่อเกลือ จ. น่าน
“บ่อเกลือ” เป็นอำเภอหนึ่งใน จ. น่าน มีชื่อเสียงด้านการผลิตเกลือภูเขาที่ไม่มีที่ใดเหมือน เนื่องจากมีบ่อน้ำเกลือที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติท่ามกลางหุบเขาแห่งเดียวในโลก แถมเส้นทางไปยังสวยงาม และมีอากาศเย็นสบายตลอดปี บ่อเกลือ ที่เห็นนี้มีอายุกว่า 800 ปี กรรมวิธีการผลิตยังคงสืบทอดภูมิปัญญาแบบโบราณเอาไว้ ด้วยวิธีการ “ต้ม” โดยจะตักน้ำเกลือขึ้นจากบ่อมาพักไว้ในภาชนะขนาดใหญ่ แล้วต้มในกระทะประมาณ 4-5 ชั่วโมง ให้น้ำค่อยๆ ระเหยไปจนเกลือตกผลึก จากนั้นตักเกลือใส่ตะกร้าที่แขวนไว้เหนือกระทะเพื่อให้สะเด็ดน้ำ จนน้ำในกระทะใกล้แห้งหมด จึงตักน้ำเกลือจากบ่อมาใส่ลงไปใหม่ ทำแบบนี้ซ้ำไปมาเรื่อยๆ ทั้งวันทั้งคืน พอได้เม็ดเกลือแล้ว บางคนก็ใส่ถุงขายเลย เป็นเกลือสินเธาว์แท้ๆ บางเจ้าก็เติมสารไอโอดีนเข้าไปเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร ปัจจุบันมีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เกลือสปาขัดผิว เกลือแช่เท้า สบู่ดอกเกลือ รวมถึงผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผ้าแพรไหม เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อกลับบ้าน • ตั้งอยู่ที่ อ. บ่อเกลือ จ. น่าน6. อุทยานฯ เขาพระวิหาร จ. ศรีสะเกษ
อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ตั้งอยู่ทางอีสานใต้ใน อ. กันทรลักษ์ จ. ศรีสะเกษ เป็นอุทยานฯ ที่อยู่ใกล้กับ “เขาพระวิหาร” โบราณสถานเก่าแก่ที่โด่งดังระดับโลก เนื่องจากเป็นข้อพิพาทเรื่องเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ตั้งแต่ปี 2505 และในที่สุดเมื่อปี 2554 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ได้ตัดสินให้เขาพระวิหารตกเป็นสมบัติของกัมพูชา แม้ทางขึ้นหลักจะอยู่ฝั่งไทยก็ตาม “ผามออีแดง” คือ จุดเชคอินที่แรก เป็นหน้าผาที่ทอดยาวกั้นระหว่างพรมแดนไทยกับกัมพูชา ใต้หน้าผาแห่งนี้ยังมี “ภาพแกะสลักนูนต่ำ” อายุกว่า 1,500 ปี เป็นภาพแกะสลักโบราณบนผนังผาหินทรายรูปบุคคล 3 คน สันนิษฐานกันว่าเป็นรูปของท้าวกุเวร และเทพวรุณทรงนาค ถัดไปอีกนิด เป็นที่ตั้งของ “เสาธงชาติประวัติศาสตร์” ซึ่ง จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น ได้อัญเชิญมาจากผาเป้ยตาดี ซึ่งอยู่ในที่ตั้งของปราสาทเขาพระวิหาร จากจุดนี้เราสามารถมองเห็นปราสาทเขาพระวิหารได้อย่างเต็มตา แต่ถ้าดูด้วยกล้องส่องทางไกลของทหารที่เตรียมไว้ จะสามารถเห็นตัวปราสาทได้อย่างชัดเจน • ตั้งอยู่ที่ อ. กันทรลักษ์ จ. ศรีสะเกษ7. หมู่บ้านอีต่อง จ. กาญจนบุรี
หมู่บ้านอีต่อง (เหมืองปิล็อก) ตั้งอยู่ติดชายแดนสหภาพเมียนมาร์ใน อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี เป็นหมู่บ้านที่มีอากาศเย็นสบายเกือบทั้งปี และกำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่ชอบความสงบ เนื่องจากอยู่ท่ามกลางหุบเขา แม้แต่สัญญาณโทรศัพท์ในบางเครือข่ายก็ยังมาไม่ถึง หมู่บ้านอีต่อง เดิมเป็นเหมืองแร่เก่า ที่เคยรุ่งเรืองในอดีตกว่า 60 เหมือง ปัจจุบันเหลือเพียงตำนานเล่าขานให้ลูกหลานฟัง แต่นั่นกลับดึงดูดให้ผู้คนหลั่งไหลมาสัมผัสความคลาสสิคของหมู่บ้านแห่งนี้ “เนินช้างศึก” เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่ง อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน จากจุดนี้สามารถมองเห็นภูเขาน้อยใหญ่มากมายสุดสายตา ทั้งฝั่งประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ยังมี “น้ำตกจ๊อกกระดิ่น” น้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกที่ไหลลงมาจากผาหิน มีความสวยงาม และน้ำใสมากๆ สามารถลงเล่นน้ำได้ ถ้ามาช่วงฤดูฝนจะสวยเป็นพิเศษ ถือเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในแถบนี้ • ตั้งอยู่ที่ อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี8. เนินมะปราง จ. พิษณุโลก
“เนินมะปราง” เป็นอำเภอเล็กๆ ใน จ. พิษณุโลก ที่เปื่ยมไปด้วยเสน่ห์ทางธรรมชาติ ภูเขาหินทรงแปลกตา ผู้คนที่ยิ้มแย้ม และวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ไฮไลท์ คือ “บ้านมุง” หมู่บ้านสุดชิลล์ที่ติดกับเขาหินปูนอันสลับซับซ้อน ทอดยาวเรียงตัวรอบหมู่บ้าน จึงสวยงามเกือบทุกมุม ในช่วงเย็นเวลาประมาณ 18.00-19.00 น. จะเห็นฝูงค้างคาวหน้ายักษ์เล็กจมูกปุ่มนับล้านตัว บินออกจากถ้ำบ้านมุง เพื่อหาอาหารยามค่ำคืน มองเห็นเป็นแนวโค้งยาวหลายกิโลเมตร เป็นภาพที่หาชมได้ยาก “บ้านรักไทย” เป็นสถานที่พักผ่อน ที่กำลังได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากอยู่บนภูเขาสูง และมีอากาศดี ปัจจุบันมีรีสอร์ทเกิดขึ้นมากมาย แต่ที่คนนิยมเที่ยวมากที่สุด คือ บ้านสวนชมวิว เพราะมีไฮไลท์เป็นจุดชมวิวที่มีชิงช้าบนต้นไม้ สามารถมองเห็น อ. เนินมะปราง ได้ทั้งหมดแบบพาโนรามา ในฤดูหนาว พื้นที่แถบนี้จะมีหมอกหนา ไหลเอื่อยๆ ตามลม คล้ายกับที่เขาค้อ หรือภูทับเบิก จ. เพชรบูรณ์ (เนื่องจากมีพื้นที่ติดกัน) • ตั้งอยู่ที่ อ. เนินมะปราง จ. พิษณุโลกขอขอบคุณ
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัดเอื้อเฟื้อรถในการถ่ายทำ
บริษัท ออฟโร้ด แอคเซลซอรี่ส์ จำกัด เอื้อเฟื้ออุปกรณ์แคมพิงในการถ่ายทำABOUT THE AUTHOR
วิธวินท์ ไตรพิศ
ภาพโดย : ฝ่ายภาพนิตยสาร 417 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2562
คอลัมน์ Online : พิเศษ(4wheels)
คำค้นหา