ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ที่ไม่สู้ดีนัก การหาจังหวะที่เหมาะสม ขับรถเที่ยวไปยังจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ ถือเป็นการพักผ่อนจากความเครียดรอบด้านเป็นอย่างดี “ชีวิตอิสระ” ฉบับนี้ จะพาไปขับรถเที่ยวในจังหวัดสมุทรสงคราม แบบวิถี NEW NORMALชมวิวนาเกลือ 2 ข้างทาง สมุทรสงคราม เป็นจังหวัดที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาพักผ่อน เนื่องจากไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การเดินทางครั้งนี้ ผมถือโอกาสทดสอบรถ SUBARU OUTBACK (ซูบารุ เอาท์แบค) ใหม่ ไปในตัว ต้องบอกว่าเป็นรถที่ขับสบายนุ่มนวลมาก ผิดกับรูปลักษณ์ที่ออกแนวลุยแบบรถสเตชันแวกอน AWD SUBARU OUTBACK ใช้เครื่องยนต์ BOXER สูบนอน ขนาด 2.5 ลิตร 188 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา เป็นรุ่นที่นำเข้า CBU จากประเทศญี่ปุ่น ภายในสวยงามทันสมัย มีออพชันความปลอดภัยเพียบ หลังเริ่มเข้าเขตสมุทรสงคราม เราก็เริ่มเห็นวิวนาเกลือสีขาว ที่มีฉากหลังเป็นนาเกลือโล่งๆ สุดสายตา หากหยุดรถแล้วสังเกตให้ดี เรื่องราวจุดนี้ก็มีเสน่ห์ไม่ใช่เล่น เกลือพวกนี้ คือ “เกลือสมุทร” เกิดจากน้ำทะเลผ่านกระบวนการแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยอาศัยหลักการหมุนเวียนน้ำในนาเกลือที่ต่างระดับกัน มีกังหันลมทำหน้าที่หมุนเวียนน้ำ ผลึกเกลือจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ คน น้ำ สายลม และแสงแดด ทำงานสัมพันธ์กัน จนน้ำทะเลระเหยเหลือแต่ผลึกเกลือเม็ดสีขาว เกลือสมุทรมีสารไอโอดีนผสมอยู่ตามธรรมชาติ จึงเหมาะมากกับการบริโภค “ชาวนาข้าวชอบฝน ชาวนาเกลือชอบแดด” นี่คือเรื่องจริงของวิถีนี้ ดอนหอยหลอด ดอนนี้ไม่ได้มีแต่หอย ชมนาเกลือแล้ว ต้องต่อด้วย “ดอนหอยหลอด” เราเลี้ยวซ้ายออกจากถนนพระราม 2 เข้าสู่ถนนโยธาธิการ สมุทรสงคราม 2031 เพื่อจะได้ขับรถเป็นวงกลม ไม่ต้องย้อนไปมา ดอนหอยหลอด เป็นสันดอนอยู่ปากน้ำแม่กลอง เกิดจากการตกตะกอนของดินปนทราย เป็นที่อยู่ของหอยหลายชนิด เช่น หอยลาย หอยปุก หอยปากเป็ด หอยแครง และที่มีมากสุด ก็คือ หอยหลอด นั่นเอง เรามาทันน้ำทะเลลงพอดี ผมสังเกตว่าวันนี้มีคนมาจับหอยเยอะเป็นพิเศษ การจับหอยต้องจับในช่วงที่น้ำลงจนแห้ง โดยใช้ไม้เล็กๆ เท่าก้านธูป จุ่มปูนขาว แล้วแทงลงไปในรูหอยหลอด ถ้าโดนตัว หอยจะเมาปูนแล้วโผล่ขึ้นมาให้เราจับ แต่ห้ามสาดปูนขาวลงสันดอนเด็ดขาด เพราะจะทำให้หอยอื่นที่อยู่ในบริเวณนั้นตาย นอกจากการจับหอยแล้ว ดอนหอยหลอด ยังมีร้านอาหารทะเลสดๆ อยู่หลายร้าน รวมถึงร้านขายอาหารทะเลริมทางที่ชาวบ้านแปรรูปให้เลือกซื้ออีกมากมาย ในราคาไม่แพง แวะซื้อปลาทูนึ่ง ที่ตลาดสดแม่กลอง เมื่อมาถึงตัวเมือง สถานที่ที่ต้องแวะให้ได้ คือ “ตลาดสดแม่กลอง” เนื่องจากมีแต่อาหารทะเลสดๆ มากมายให้เลือกซื้อ ในราคาที่ถูกจนคุณไม่กล้าต่อ และของขึ้นชื่ออย่าง ปลาทูแม่กลอง ก็ทำให้ผมต้องตกใจอีกครั้ง เพราะมีขายกันมากมายจนเลือกไม่ถูก แต่ละตัวตรงตามสโลแกน "หน้างอ คอหัก" แบบปลาทูแม่กลองแท้ๆ โดยมีหัวเป็นสามเหลี่ยม ลำตัวแบนสั้น มีเนื้อเยอะ และนุ่ม เมื่อกดแล้วจะไม่ยุบตามแรงกด ลำตัวสีเงิน หรืออมเขียว ด้วยความที่พื้นที่ชายฝั่งแถบนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุนานาชนิด ปลาทูที่นี่จึงเนื้อแน่น และมีความมันกว่าที่ไหนๆ ของแบบนี้ต้องมาพิสูจน์ ! สักการะหลวงพ่อบ้านแหลม วัดเพชรสมุทรวรวิหาร มาสมุทรสงครามทั้งที การแวะสักการะหลวงพ่อบ้านแหลม เพื่อความเป็นสิริมงคล จะทำให้เราสบายใจขึ้นอีกเยอะ วัดเพชรสมุทรวรวิหาร เป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อบ้านแหลม” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นพระพุทธรูปยืนอุ้มบาตร ขนาดเท่าคนจริง สูงประมาณ 167 ซม. ในช่วงก่อนการระบาด COVID-19 ในแต่ละวันจะมีผู้ศรัทธาจากทั่วสารทิศมากราบไหว้กันอย่างเนืองแน่น จนมีการเปรียบเปรยว่า หากมาถึงสมุทรสงครามแล้ว ไม่ได้มากราบไหว้หลวงพ่อบ้านแหลม ก็เสมือนมาไม่ถึงเมืองสมุทรสงคราม และใครพูดถึงเมืองสมุทรสงคราม ถ้าไม่กล่าวนามถึงหลวงพ่อบ้านแหลม ก็เสมือนไม่รู้จักสมุทรสงคราม เช่นกัน ชมโบสถ์ปรกโพธิ์ วัดบางกุ้ง โบสถ์ปรกโพธิ์ ที่วัดบางกุ้ง เป็นอุโบสถหลังเก่าแก่ ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันถูกปกคลุมด้วยรากไม้ใหญ่ ทั้งต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร และต้นกร่าง ทำให้มีความสวยงาม แปลกตา และมีมนต์ขลังไปพร้อมๆ กัน จนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน UNSEEN THAILAND เลยทีเดียว ภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อนิลมณี หรือหลวงพ่อดำ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของคนในท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่นิยมเข้าไปสักการะขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต นอกจากนี้ ยังมีค่ายบางกุ้ง เป็นค่ายที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา และกรุงธนบุรี จนกระทั่งปี 2510 กระทรวงศึกษาธิการได้ตั้งเป็นค่ายลูกเสือ (ปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว) และได้สร้างศาลพระเจ้าตากสินไว้เป็นอนุสรณ์ อาสนวิหารแม่พระบังเกิด บางนกแขวก อาสนวิหารแม่พระบังเกิด เป็นศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสต์ มีอายุกว่า 100 ปี เป็นศิลปะแบบกอธิคจากประเทศฝรั่งเศส สร้างด้วยอิฐเผา ฉาบด้วยปูนตำกับน้ำเชื่อมจากอ้อยใสสีดำ ภายในประดับด้วยกระจกสีที่สวยงามจากประเทศฝรั่งเศส เป็นเรื่องเล่าของพระนางมารี พรหมจารีย์จากพระคัมภีร์ และภาพของบรรดานักบุญชายหญิง มีรูปปั้นธรรมาสนเทศน์ อ่างล้างบาป ขาเทียนลักษณะต่างๆ และรูปแกะ สลักบรรยายเกร็ดประวัติในพระคัมภีร์คริสต์ศาสนา นับเป็นโบสถ์ที่สวยงาม และเก่าแก่แห่งหนึ่งในประเทศไทย ขอขอบคุณ บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเพื้อพาหนะสำหรับการเดินทางในครั้งนี้
บทความแนะนำ