หลายคนรู้จัก “ชุมพร” ในฐานะเมืองผ่าน แต่แท้จริงแล้ว จ. ชุมพร มีสถานที่สวยๆ ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติแบบดิบๆ มากมาย “ชีวิตอิสระ” ฉบับนี้ จะพาไปสัมผัสวิถีชาวเล พร้อมพิสูจน์สมรรถนะ MITSUBISHI XPANDER HEV
ครั้งนี้เราเดินทางด้วยรถทรงครอบครัวอย่าง MITSUBISHI XPANDER HEV (มิตซูบิชิ เอกซ์แพนเดอร์ เอชอีวี) รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เป็นรุ่นประกอบในประเทศไทยเป็นครั้งแรก มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร แบบ FULL-HYBRID ที่ให้กำลังรวมสูงสุด 116 แรงม้า แรงบิด 26.0 กก.-ม. (255 นิวตันเมตร) บอกเลยว่าทั้งแรง ทั้งประหยัด
ช่วงล่างมีการปรับเซทใหม่ ให้มีค่า CG ต่ำลง 10 มม. พวงมาลัยไฟฟ้า EPS ถูกปรับให้สมูธขึ้น และเพิ่มดิสค์เบรคหลัง ทำให้ใช้เบรคมือไฟฟ้าได้ ผมใช้ความเร็วเดินทางประมาณ 110 กม./ชม. วัดอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยได้กว่า 15 กม./ลิตร นับว่าเป็นตัวเลขที่ดีทีดียว
ต้องยอมรับว่า XPANDER HEV ขับดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร จนรู้สึกได้ เห็นได้ชัดมากเวลาเร่งแซง XPANDER HEV ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลักในการขับเคลื่อน โดยมีเครื่องยนต์ทำหน้าที่ปั่นไฟ แต่หากเป็นจังหวะเร่งแซง หรือใช้ความเร็วสูง เครื่องยนต์จะกลับมาช่วยขับเคลื่อนรถด้วย ทำให้มีกำลังต่อเนื่องในทุกย่านความเร็ว ระยะเดินทางกว่า 500 กม. จึงผ่านไปได้อย่างสนุกสนาน
ขอเริ่มต้นทริพด้วย “ประตูมหาสมุทร” ประติมากรรมธรรมชาติริมทะเล นับเป็นสถานที่เที่ยวแห่งใหม่ของ อ. สวี ก็ว่าได้ แต่การเดินทางอาจลึกลับไปสักหน่อย เพราะต้องขับรถผ่านชุมชนบ้านบ่อคาในซอยแคบที่เก่าแก่ ที่เป็นชุมชนชาวประมงมากว่า 100 ปี แต่สิ่งที่ประทับใจ คือ บ้านเรือนแถบนี้ยังคงความสวยงามคลาสสิค และเป็นไม้เคี่ยมเกือบทั้งหมด (ไม้หายากของภาคใต้) ขับรถจนสุดทางจะเห็นแนวกันคลื่น และซุ้มประตูมหาสมุทร
ประตูมหาสมุทร มีความสวยงามตั้งแต่แรกเห็น มีลักษณะคล้ายประตูทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ และลมตามธรรมชาติ โดยบริเวณซุ้มประตูจะมีต้นไม้ และรากไม้พันโดยรอบ หากมองลอดผ่านประตูไป จะเห็นทะเลชุมพร เป็นที่ตั้งของบ้านท้องโตนด บ้านอ่าวคราม เกาะกุเลา สามารถมองเห็นได้จากตรงนี้
หากใครที่ชอบถ่ายรูปคู่กับวิวสวยๆ แนะนำให้มาช่วงเช้า หรือช่วงเย็น เพราะเป็นช่วงที่ท้องฟ้าจะสวยที่สุด ที่นี่มีมุมถ่ายรูปให้เชคอินมากมาย ใครเป็นสายโซเชียลห้ามพลาดครับ
อ่าวคราม เป็นสถานที่ตั้งของชุมชนชาวประมงขนาดเล็ก ท่ามกลางธรรมชาติอันแสนสงบ ใน อ. สวี จ. ชุมพร ที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชุมชน ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง จับปลา ปลาหมึก กุ้ง โดยสามารถพักค้างแรมที่นี่ได้แบบโฮมสเตย์
การมาที่นี่เสมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก แต่ก็ยังคงความสะดวกสบาย มีน้ำ มีไฟ และสัญญาณโทรศัพท์ให้ใช้ คนในชุมชนยังคงใช้ชีวิตแบบวิถีดั้งเดิม ใครที่มาจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่พักโฮมสเตย์ติดทะเล มีลมพัดเย็นตลอดเวลา และอิ่มอร่อยกับอาหารทะเลแบบจัดเต็ม
รอบๆ อ่าวคราม ยังมีสถานที่เที่ยวเชิงอนุรักษ์มากมาย ตั้งแต่ภูเขารูปทรงต่างๆ รวมถึง “ค้างแว่น” สัตว์ประจำถิ่นที่พบไม่ยากนัก ในพื้นที่ป่าไม้ของอ่าวคราม
ในบริเวณอ่าวคราม มีโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยว 2 แห่ง ได้แก่ แดนโดมโฮมสเตย์ และอ่าวครามโฮมสเตย์ สามารถพักกับที่ไหนก็ได้ เพราะเขาเป็นเครือญาติกันทั้งหมด แต่ผมเลือก “แดนโดมโฮมสเตย์” เนื่องจากเจ้าของที่พักมีชื่อเสียงเรื่องความตลก จนมีอินฟลูเอนเซอร์มากมายมารีวิว ปัจจุบันที่นี่คิดราคาเข้าพักเป็นต่อคน ในราคาคนละ 1,200 บาท ราคานี้รวมที่พัก 1 คืน อาหาร 3 มื้อ รวมถึงกิจกรรมบามหมึก
โดยไฮไลท์ที่ห้ามพลาด คือ การออกเรือไป “บามหมึก” ซึ่งเป็นวิธีการจับปลาจากภูมิปัญญาชาวบ้านแห่งเดียวในไทย คล้ายกับการยกยอในภาคกลาง โดยจะนำปลาต่างๆ รวมถึงปลาหมึกที่ได้ มาทำอาหารต่างๆ รวมถึงกินหมึกสดๆ กับน้ำจิ้มซีฟู้ด บอกเลยว่าหวานเจี๊ยบ
นอกจากนั้น เราสามารถพายเรือคายัคเที่ยวรอบๆ อ่าวได้ฟรี และยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีก เช่น นั่งเรือไปเที่ยวเกาะกุเลา ที่เรียกว่าน้ำทะเลสวยใส สามารถดำน้ำชมปะการังได้จากหน้าหาดเลยทีเดียว แต่ต้องจ่ายเพิ่มนะ
ถ้าอยากไปสักการะศาลกรมหลวงชุมพร หลายคนคงมุ่งตรงไปที่หาดทรายรี เพราะเป็นแลนด์มาร์คสำคัญใน จ. ชุมพร แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้ว ยังมีศาลกรมหลวงชุมพรอีกแห่งหนึ่ง ซ่อนตัวอยู่บนภูเขาใน อ. สวี ในชื่อว่า “ศาลกรมหลวงชุมพร หัวเขาถ่าน” ซึ่งเราจะไปสักการะกัน
ศาลกรมหลวงชุมพร หัวเขาถ่าน เป็นพื้นที่ของพระตำหนักของพลเรือเอกพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาภากรณ์เกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่สร้างขึ้นบนหัวเขาถ่าน เพื่อเป็นที่สักการะของประชาชนในละแวกนั้น ด้านบนสามารถชมวิวทะเล และหาดทรายได้ไกลสุดลูกหูลูกตา มีทัศนียภาพที่งดงาม ที่สำคัญคนยังไม่เยอะ ถือว่าเป็นจุดชมวิวลับๆ ที่ต้องมาให้ได้
มา อ. สวี ทั้งที ก่อนกลับกรุงเทพฯ แนะนำให้แวะสักการะ “วัดพระบรมธาตุสวี” เพื่อความเป็นสิริมงคลกันเสียหน่อย เนื่องจากเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของ จ. ชุมพร เพราะเป็นที่ตั้งของพระธาตุสวี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสวี มาช้านาน จากลักษณะขององค์พระธาตุที่เป็นเจดีย์ศรีทอง ทรงระฆังคว่ำ จึงมีการสันนิฐานกันว่ามีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีอายุเก่าแก่ถึง 700 ปีเลยทีเดียว
รูปแบบศิลปะของพระบรมธาตุสวี มีลักษณะเดียวกับพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ซึ่งคาดว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาเช่นกัน มีการซ่อมแซมบูรณะหลายครั้ง จนกระทั่งเมื่อปี 2459 ที่องค์พระธาตุพังลงมา จึงเกิดการบูรณะครั้งใหญ่ ปัจจุบันองค์เจดีย์มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ 8.50 เมตร ประดับด้วยเสา 6 ต้น และยังมีพิพิธภัณฑ์ เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ทั้งหมดภายในวัดอีกด้วย
ในเมื่อเราพัก “แดนโดมโฮมสเตย์” แล้วก็อยากแนะนำให้ทานอาหารที่นี่ไปด้วยเลย เพราะอาหารทุกอย่างสะอาด และอร่อย มื้อนี้เราได้กินปลาจาระเม็ดราดพริก ต้มยำทะเล ปลาหมึกผัดพริกเผา ปูม้านึ่ง และกั้งดองน้ำปลา บอกเลยว่ารสชาติโดยรวมดีทีเดียว เป็นอีกมื้อหนึ่งที่ผมประทับใจ
ใครชอบที่พักติดทะเลต้องห้ามพลาด “แดนโดมโฮมสเตย์” ที่อ่าวคราม อ. สวี จ. ชุมพร เพราะนอกจากห้องพักจะสะอาดแล้ว ยังติดแอร์แล้วเกือบทั้งหมด บรรยากาศรอบๆ อ่าวคราม เป็นอะไรที่ดีต่อใจมาก โดยเฉพาะเวลาตอนเย็น ถือว่าเป็นที่พักผ่อนที่ครบรส ทั้งที่พัก อาหาร และกิจกรรม ในราคาต่อคนเพียง 1,200 บาทเท่านั้น
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อพาหนะในการเดินทาง
บทความแนะนำ