เที่ยวบึงกาฬ 2568 ปีนขึ้นภูทอก เล่นน้ำตกถ้ำพระ

เรายังอยู่กันที่ “บึงกาฬ” จังหวัดที่ผูกโยงตำนานความเชื่อ ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวได้อย่างลงตัว “ชีวิตอิสระ” ฉบับนี้ จะพาไปขึ้น “ภูทอก” สถานที่ที่เปรียบเสมือนวิมานเทวดาตามตำนานความเชื่อ และไปเล่นสไลเดอร์ธรรมชาติ ที่น้ำตกถ้ำพระ 

FORD EVEREST WILDTRAK พาหนะในวันนี้

เราออกเดินทางด้วย FORD EVEREST WILDTRAK (ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไวลด์ทแรค) อย่างเช่นเคย จากภูสิงห์ บึงกาฬ (หินสามวาฬ) เราขับรถตามทางหลวงหมายเลข 3009 แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวง 3012 เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร 190 แรงม้า ยังไม่ทันร้อนเต็มที่ ก็มาถึง “ภูทอก” สถานที่ท่องเที่ยววันนี้ของเราเสียแล้ว  

ภูทอก ยอดเขาที่โดดเดี่ยว

ตามตำนานความเชื่อได้เล่าว่า “ภูทอก” เปรียบเสมือนวิมานของเทวดาแห่งป่าหิมพานต์ ใครที่ได้ขึ้นไปปฏิบัติธรรมบนยอดเขาชั้น 7 จะถือว่ามีบุญบารมี และคำว่า “ภูทอก” ในภาษาอีสาน แปลว่า ยอดเขาที่โดดเดี่ยว มีลักษณะเป็นภูเขาหินทรายที่ตั้งเด่นตระหง่าน สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล ประกอบด้วย ภูทอกใหญ่ และภูทอกน้อย ในอดีตพื้นที่แห่งนี้เป็นป่ารกทึบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุม หลังจากที่พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ได้เดินธุดงค์จนได้พบกับภูทอก จึงได้สร้างเป็นที่บำเพ็ญเพียรภาวนาสำหรับพระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชน  

สะพานไม้ธรรมชาติ คือ ไฮไลท์  

สิ่งที่ถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่ คือ การเดินเท้าชมธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยทางเดินสะพานไม้ที่วนเวียนไต่ระดับขึ้นสู่ยอดภู ที่สร้างขึ้นจากแรงศรัทธาของพระ เณร และชาวบ้านในพื้นที่ โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2512 ใช้เวลาสร้างนานถึง 5 ปี แบ่งออกเป็น 7 ชั้น ซึ่งชั้นที่ 1-2-3 เป็นสะพานไม้วนรอบเขา มีเส้นทางลัดขึ้นสู่ชั้น 5 แต่สภาพเส้นทางชันมาก ถ้าร่างกายไม่พร้อม ยอมเสียเวลาเดินวนดีกว่า 

ชั้น 4-5-6 ถึงจะเหนื่อย แต่คุ้มค่า  

ชั้นที่ 4 เป็นสะพานไม้ลอยจากพื้น มองลงมาจะเห็นเนินเขาเตี้ยๆ เรียกว่า ดงชมพู และสามารถเห็นทิวทัศน์ของอุทยานแห่งชาติภูลังกา จังหวัดนครพนม ได้ชัดเจน  

ชั้นที่ 5 มีศาลา และกุฏิพระ ตามทางเดินจะมีถ้ำน้อยใหญ่อีกหลายแห่ง และยังเป็นที่เก็บอัฐิ และภาพเหมือนของพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้  

ชั้นที่ 6 เป็นช่วงสุดท้ายของบันไดเวียนรอบเขา ระยะทางประมาณ 400 ม. บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นทิวทัศน์ได้หลากมุมมอง ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่เดินขึ้นภูจะหยุดอยู่เพียงเท่านี้ เพราะชั้นที่ 7 หรือชั้นบนสุด จะเป็นป่ารกทึบ นักท่องเที่ยวจึงนิยมเดินแค่ชั้นที่ 6   

ขับรถต่อเรือ เข้าสู่น้ำตกถ้ำพระ

เมื่อเที่ยวภูทอกเสร็จ เราเดินทางกันต่อไปยังน้ำตกถ้ำพระ หรือน้ำตกถ้ำพระภูวัว ตามทางหลวงหมายเลข 3009 อีกประมาณ 28 กม. ที่ตั้งอยู่บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว บ้านถ้ำพระ ต. โสกก่าม อ. เซกา จ. บึงกาฬ โดยเราต้องจอดรถไว้ที่บริเวณท่าเรือ 1 หรือ 2 ก็ได้ แล้วต้องนั่งเรือเข้าไปตามลำคลองประมาณ 10 นาที หรือ 1 กม. จากนั้นเดินเท้าต่อไปอีก 500 ม. ก็จะถึงตัวน้ำตก โดยมีค่าบริการนั่งเรือ เด็กคนละ 30 บาท ส่วนผู้ใหญ่คนละ 50 บาท และมีค่าเข้าชมน้ำตกเมื่อขึ้นฝั่งอีกคนละ 20 บาท สำหรับเด็ก ส่วนผู้ใหญ่คนละ 30 บาท โดยน้ำตกถ้ำพระเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.

ตะลึงกับความสวยงาม และสไลเดอร์ธรรมชาติ

น้ำตกถ้ำพระ จะมีน้ำเฉพาะในฤดูฝนเท่านั้น บริเวณน้ำตกมีพื้นที่กว้างใหญ่ และเงียบสงบร่มรื่น เป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ เมื่อเดินขึ้นมาบนลานหินด้านหลัง จะพบหุบเขาแอ่งกระทะขนาดกว้างประมาณ 200 ม. น้ำตกจะไหลผ่านหน้าผากว้างประมาณ 100 ม. สูงประมาณ 50 ม. โดยน้ำตกจะไหลรวมกันลงไปยังแอ่งน้ำเบื้องล่าง 

น้ำตกถ้ำพระแบ่งออกเป็น 3 ชั้น โดยชั้นแรก (ด้านล่าง) จะเป็นธารน้ำตก ที่ไหลลดหลั่นกันลงสู่แอ่งก้นกระทะ ชั้นนี้น้ำจะลึก เหมาะสำหรับคนว่ายน้ำเป็น ส่วนชั้นที่ 2 เป็นน้ำตกที่มีลำธารหลายสาย น้ำจะไหลแรงเป็นพิเศษ แต่ตื้น นักท่องเที่ยวจึงนิยมเล่นน้ำกันมากบริเวณนี้ โดยเฉพาะกิจกรรมสไลเดอร์ธรรมชาติ ที่ตัวจะไหลตามน้ำตามแนวโขดหิน แต่ต้องระวังกางเกงขาด และอันตรายจากแอ่งน้ำลึกในบางช่วง 

น้ำตกชั้นที่ 2 นี้มีพื้นที่ยาวจนถึงฝายทดน้ำ และเพิงหินผา บริเวณเพิงหินผามีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ 2 องค์ เป็นศิลปะพื้นบ้าน ที่ถูกปั้นมาจากมูลสัตว์ นักท่องเที่ยวนิยมมากราบไหว้ขอพร สันนิษฐานว่าอาจเป็นที่มาของชื่อน้ำตกถ้ำพระ ส่วนพื้นที่เหนือฝายขึ้นไปจะมีบันไดเดินขึ้นไปสู่น้ำตกชั้นที่ 3 มีสายน้ำไหลลงมาสู่แอ่งน้ำตื้นเบื้องล่าง

แผนที่

ที่กิน

มาอีสานทั้งที ก็ต้องกินอาหารอีสานให้หนำใจ ผมเลือกร้าน “จีจี จิ้มจุ่ม” ในตัวอำเภอบึงโขงหลง ที่นี่แม้ชื่อจะเป็นจิ้มจุ่ม แต่คนมากินส่วนใหญ่จะกินเป็นเมนูอีสานปกติ ผมสั่งส้มตำปูปลาร้า เนื้อก้อยขม ต้มแซบเครื่องในเนื้อ และสเตคเนื้อโคขุน วัตถุดิบดีรสชาติจัดจ้านอย่าบอกใคร เพราะใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเป็นร้านยอดนิยมของคนที่นี่ ใครผ่านไปแถวนั้นลองไปกินกันดูครับ

ที่นอน

ใครที่อยากขึ้นถ้ำนาคาแต่เช้ามืด และอยากซึมซับบรรยากาศของบึงโขงหลงอย่างแท้จริง ผมขอแนะนำ “เฮือนเคียงบึง รีสอร์ท” เนื่องจากอยู่ติดกับบึงโขงหลง และห่างจากถ้ำนาคาเพียง 15 นาที บรรยากาศตอนเย็นสวยมากๆ เหมาะกับการพักผ่อนเป็นที่สุด ที่นี่มีบ้านพักหลายแบบ หลายราคา แต่ทุกห้องมีห้องน้ำในตัว อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ในราคาเป็นมิตร เริ่มต้นเพียง 600 บาทเท่านั้น

ขอขอบคุณ

บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อยานพาหนะในการเดินทาง