รถลุยหรูขนาดฟูลล์ไซซ์ สายพันธุ์ที่ 6 เป็นเวอร์ชันพิเศษที่ได้รับการตกแต่งใหม่แทบจะทั้งคันจากสำนักแต่ง NISMO (นิสโม) ทั้งในเรื่องความสวยงาม และสมรรถนะ จากสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลกระทบต่องาน EXPO 2020 DUBAI ทำให้รถพิเศษรุ่นนี้ ต้องทำการเปิดตัวในแถบตะวันออกกลาง โดยผ่านสื่อออนไลน์ ตัวรถมีให้เลือก 4 สีด้วยกัน คือ GRAY, BLACK SOLID, SILVER และ WHITE PEARLบอดีพาร์ทรอบคันออกแบบมาโดย NISMO เน้นความสวยงาม และอากาศพลศาสตร์ ใช้กระแสลมในการเพิ่มแรงกดตัวรถให้แนบอยู่กับพื้นถนน ในขณะที่ใช้ความเร็วสูง รวมไปถึงสปอยเลอร์ที่หลังคาด้วย เฟรมรถได้รับการปรับให้มีความแข็งเพิ่มขึ้น เพื่อลดอาการยืดหยุ่นของตัวรถ รองรับการขับขี่ที่มั่นคงมากยิ่งขึ้น กระจังหน้าทรงวี-โมชัน (V-MOTION) ถูกแทนที่ด้วยหน้ากระจังแบบรังผึ้ง กันชนหน้าชิ้นใหญ่สไตล์สปอร์ท ลากยาวมาถึงด้านล่างที่เป็นสปอยเลอร์ในตัว กันชนหลังมาพร้อมดิฟฟิวเซอร์ โดยมีช่องสำหรับท่อไอเสียแยกซ้าย/ขวา เฉกเช่นซูเพอร์คาร์ มีไฟตัดหมอกแบบแอลอีดีตรงกลาง สไตล์รถแข่งฟอร์มูลา วัน ไฟท้ายโทนสีรมดำขนาดใหญ่ ล้อเดิมขนาด 20 นิ้ว ถูกปรับเปลี่ยนเป็น 22 นิ้วจาก NISMO มีผลให้น้ำหนักล้อทั้ง 4 ข้างเบาลงเกือบ 20 กก. มาพร้อมยางซีรีส์ต่ำสมรรถนะสูง ภายในสีดำ/แดง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ NISMO ให้ความรู้สึกสปอร์ท และดุดัน พวงมาลัยแบบมัลทิฟังค์ชัน หุ้มด้วยวัสดุอัลคันทารา โดยตามขอบทำด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ เรือนไมล์ทันสมัย คอนโซลกลางเป็นหนังสลับคาร์บอนไฟเบอร์ เบาะหน้า/หลังทรงสปอร์ทกว่ารุ่นปกติ พร้อมตัวหนังสือ NISMO ที่หมอนรองศีรษะ เพื่อบ่งบอกถึงความพิเศษ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ มีมาให้ครบ แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ระบบความบันเทิงในรถรองรับทั้งระบบ APPLE CAR PLAY และ ANDROID AUTO ลำโพงคุณภาพสูงจาก BOSE จำนวน 13 ตัว เครื่องยนต์ได้รับการปรับแต่งโดยตรงจากสำนัก NISMO โดยใช้ทีมงานเดียวกับที่ปรุงแต่ง NISSAN GT-R (นิสสัน จีที-อาร์) ที่โยโกฮามา ขุมกำลังแบบ วี 8 สูบ รหัส VK56VD 5.6 ลิตร ไดเรคท์อินเจคชัน พร้อมวาล์วแปรผัน ให้พละกำลังเพิ่มขึ้นจาก 400 เป็น 428 แรงม้า แรงบิดเท่าเดิมอยู่ที่ 57.0 กก.-ม. ที่ 4,800 รตน. ส่งกำลังผ่านเกียร์แบบอัตโนมัติ 7 จังหวะ สามารถลากน้ำหนักตัวรถที่มีถึง 2,795 กก. จากจุดหยุดนิ่งไปจนถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 6.5 วินาที ทอพสปีดสูงกว่า 200 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 6.9 กม./ลิตร ระบบรองรับได้รับการปรับเซทมาใหม่ทั้งชุดจาก BILSTEIN (บิลชไตน์) เพื่อการตอบสนองที่ดีในยามใช้ความเร็วสูง การเข้าโค้งที่เฉียบคม แม้ว่าตัวรถจะมีขนาดฟูลล์ไซซ์ก็ตาม อุปกรณ์ตัวช่วยต่างๆ ได้รับการอัพเกรดด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัจฉริยะ NIM (NISSAN INTELLIGENT MOBILITY) โดยสิ่งที่เพิ่มเข้ามาล่าสุด คือ ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน, ระบบเตือนการชนด้านหน้า, กระจกมองหลังอัจฉริยะ, กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา และระบบเปิด/ปิดไฟ สูง/ต่ำอัตโนมัติ, การอัพเกรดเทคโนโลยี ยังรวมถึงระบบเชื่อมต่อ APPLE CAR PLAY ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และพอร์ทเชื่อมต่อ USB รถพิเศษรุ่นนี้คงไม่มีโอกาสเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทย นอกเสียจากบรรดาผู้นำเข้าอิสระนำมาจำหน่ายเอง แต่ราคาก็คงไม่เบา เพื่อแลกกับรุ่นพิเศษสุดของ PATROL (แพทโรล) ซึ่งไม่ได้หาซื้อกันง่ายๆ และถ้าใครมีไว้ในครอบครอง โอกาสที่ราคาจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นไปได้อย่างแน่นอน ใครหารถได้ รีบจับจองกันไว้ เพราะแรร์ไอเทมแบบนี้ไม่ได้มีกันบ่อยๆ คุณรู้หรือไม่ ? NISSAN PATROL NISMO จะมีการผลิตในจำนวนจำกัดเพียงแค่ 1,000 คันเท่านั้น เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 70 ปีของ NISSAN PATROL และจำหน่ายเฉพาะประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง ซึ่งไม่รวมยุโรป เอเชียตะวันออก หรือแม้แต่สหรัฐอเมริกา