เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS
คู่มือเลือก จอมอนิเตอร์โฮมออฟฟิศ ฉบับสมบูรณ์แบบ
การทำงานที่บ้าน จึงทำให้จอมอนิเตอร์โฮมออฟฟิศ กลายเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับมืออาชีพทุกคน จอภาพขนาดใหญ่สุดแจ่ม และการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้รวมเข้าไว้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้วเรียบเรียงโดย : MICHELLE RAE UY/ภาพโดย : NEIL GODWIN ไม่ใช่แค่คนที่ทำงานในสายดิจิทอลเท่านั้นที่ต้องติดอยู่ที่บ้าน เพราะสถานการณ์ COVID-19 การแพร่ระบาดของเชื้อโรค ทำให้เกิดการลอคดาวน์ และบังคับให้คนจำนวนมหาศาล ต้องเปลี่ยนมุมภายในบ้านให้เป็นออฟฟิศชั่วคราว ยังดีที่การเปลี่ยนวิถีการทำงานไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น หลายๆ คนอาจมีอุปกรณ์ของส่วนตัวอยู่แล้ว และสมัยนี้แทบเลทก็ดีพอที่จะทำให้การทำงานบางอย่างจากสถานที่ไกลๆ สำเร็จได้โดยง่ายดาย มีหลายคนพบว่า ตัวเองมีความสุขมากที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ และจากมุมมองที่ใหญ่กว่านั้น วิถีการทำงานที่บ้าน ยังช่วยให้บริษัทลดค่าใช้จ่าย รวมถึงลดการติดขัดปัญหาของการจราจร และมลพิษทางอากาศ จึงทำให้หลายๆ ธุรกิจไม่ได้เป็นเพียงแค่เสนอทางเลือกให้แก่พนักงาน แต่ยังช่วยส่งเสริมอีกด้วย ด้วยการทำงานแบบ NEWNORMAL ทำให้การจัดวางสถานที่ทำงานชั่วคราว การลงทุนทำโฮมออฟฟิศจะช่วยเราได้มากในระยะยาว คนส่วนมากไปลงทุนในการซื้อโต๊ะ และเก้าอี้ที่เหมาะสมกับการทำงาน แต่บางคนอาจเปลี่ยนใหม่ยกเซทเลยทีเดียว หนึ่งในอุปกรณ์ต่อพ่วงเฉพาะกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ก็คือ จอมอนิเตอร์สำหรับโฮมออฟฟิศ แทบจะไม่มีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ชิ้นไหนที่ใช้เวลากับมันได้มากเท่ากับจอมอนิเตอร์ของเราอีกแล้ว และการจัดวางจอคุณภาพดีๆ สักตัวสำหรับโฮมออฟฟิศใหม่ของเรานั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น เก้าอี้ที่ไม่ได้คุณภาพจะนำไปสู่อาการปวดหลัง และไหล่ จอที่ไม่ดีก็จะทำให้สายตาคุณล้า และปวดหัว นอกจากจะเป็นการช่วยให้การทำงานของโฮมออฟฟิศของเราดีขึ้นแล้ว จอมอนิเตอร์ยังให้ประโยชน์ไม่รู้จบแก่ชีวิตการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่ซับซ้อนจะคล่องขึ้น การทำงานอะไรหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการรับประสบการณ์สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ให้ดีกว่าเดิม แสดงสิ่งต่างๆ โดยรอบ จอมอนิเตอร์โฮมออฟฟิศ หรือจะเป็นรุ่นดีที่สุด ล้วนถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับการตอบสนองต่อโลกดิจิทอลทั้งนั้น ในขณะที่จอราคาถูกที่แถมมาเวลาซื้อคอมพิวเตอร์ หรือจอเล็กๆ ที่ติดกับแลพทอพ ก็พอจะใช้งานได้อยู่ คุณจะรู้สึกว่า จอราคาถูกนั้นจะขาดคุณภาพในเรื่องอัตราการตอบสนอง แสงสว่าง ความแม่นยำของสี ช่องเชื่อมต่อน้อย และอื่นๆ ที่ยังไม่ได้กล่าว ส่วนจอมอนิเตอร์รุ่นประหยัดบางรุ่นนั้นก็โอเค แต่เราแนะนำให้จ่ายเพิ่มอีกสักนิดเพื่อแลกกับคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น ในทางกลับกัน ขณะที่แลพทอพหลายๆ เครื่องออกมาพร้อมกับจอแสดงผลที่สวยงาม และให้ประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม แต่การทำงานบนจอขนาดเล็กโดยเฉพาะเวลาที่ต้องทำงานหลายอย่างพร้อมกัน หรือทำงานสร้างสรรค์ต่างๆ จอขนาดนี้จะไม่ตอบโจทย์การใช้งานระยะยาวอย่างแน่นอน เราก็ไม่อยากที่จะเอาคอมพิวเตอร์ไปเชื่อมต่อเข้ากับจอทีวีอีกเหมือนกัน การใช้ทีวีเป็นหน้าจอชั่วคราวอาจนำไปสู่ปัญหา อาทิ ความล่าช้าในการรับสัญญาณ ปัญหาการไม่เข้ากันเนื่องจากขาดช่องเชื่อมต่อแสดงภาพ ช่องเชื่อมต่อ USB และขนาดของหน้าจอทีวีอาจไม่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในระยะใกล้ๆ มีเหตุผลว่า ทำไมมืออาชีพถึงได้ยอมควักกระเป๋าจ่ายเพื่อซื้อมอนิเตอร์สำหรับโฮมออฟฟิศดีๆ สักเครื่องถึงแม้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้น จะเป็นเพียงแค่การเขียนข้อเสนอ หรือทำบัญชีรายรับ/รายจ่ายก็ตาม ประโยชน์มากมายที่มีนั้น รวมถึงการจัดวางที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้มุมมองดีกว่า คุณภาพของภาพคมชัด และสดใสมากขึ้น ช่องเชื่อมต่อมีให้เลือกใช้มากมาย และคุณภาพของเครื่องที่มากขึ้นของหน้าจอ น้อยรุ่นนักที่มาพร้อมช่อง USB-C ในตัว ลำโพง และฟังค์ชันหลากหลายแต่ใช้งานง่าย มอนิเตอร์ทุกตัวไม่ได้ถูกสร้างมาเหมือนๆ กัน ไม่เพียงแค่มีแผงหน้าจอที่แตกต่างกันถึง 3 แบบ แต่ยังมีความละเอียดของภาพ ขนาด รูปทรง และฟีเจอร์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นถึงแม้ว่าการตั้งค่าของคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในออฟฟิศนั้น จะไม่เหมาะสำหรับการเล่นเกม แต่ทำให้เราได้รู้ว่าจอรุ่นไหนที่เหมาะสมที่จะซื้อมอนิเตอร์เข้าโฮมออฟฟิศของเรา ปรับมุมมอง รายชื่อขึ้นอยู่กับงานประจำวัน และความต้องการในการทำงาน ความต้องการของคนเขียนรหัสพโรแกรมย่อมไม่เหมือนกับความต้องการของผู้ใช้งาน และสิ่งที่ผู้สร้างคอนเทนท์ต้องการจากมอนิเตอร์นั้นย่อมแตกต่างจากสิ่งที่ผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ศเห็นว่าจำเป็น ช่างภาพ หรือคนตัดต่อวีดีโอ และนักออกแบบจะมีฟีเจอร์เฉพาะที่พวกเขาต้องการใช้งาน และเป็นส่วนที่พนักงานออฟฟิศธรรมดานั้นไม่เคยเข้าไปใช้งาน จอมอนิเตอร์ที่มีขอบเขตของสีกว้าง (ควรเป็น RGB 100 % หรือดีกว่า) การปรับสีที่แม่นยำ ระดับความสว่างสูง และการให้สีดำที่ดำสนิทนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ควรมี แต่จำเป็น ในขณะที่ความต้องการก็จะลดลงสำหรับคนที่ใช้งานทั่วไป เพราะอย่างไรเสีย พวกเขาก็ไม่ต้องการ ความเร็วในการสร้างภาพ ด้านขอบเขตของสี และอัตราส่วนความแตกต่างจะทำให้การเห็นเนื้องานของพวกเขาดีขึ้น แต่ระดับความสว่าง มุมมอง การจัดวาง ความมีชีวิตชีวา และแสงสีฟ้านั้นยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนเดิม ก่อนจะตัดสินใจ คุณต้องเลือกแผงจอภาพให้ถูกต้องเสียก่อน ปัจจุบัน จอ LCD มีแผงจอภาพ 3 ประเภท คือ TN รุ่นเก่าสุด IPS ดีที่สุด และ VA คุณภาพระดับกลาง คุณควรหาข้อมูลด้วยตนเองไว้สักหน่อย แต่ถ้าเอาแบบรวบรัดแล้วล่ะก็ แผงจอภาพรุ่นสบายกระเป๋าอย่าง TN นั้นจะให้ค่าการหยุดชะงักของภาพที่ต่ำ และความเร็วในการสร้างภาพสูงโดยไม่ทะลุวงเงินบัตรเครดิทของคุณ ในขณะที่รุ่นราคาแรงอย่าง IPS จะมีการปรับสีที่ดีกว่า และอัตราส่วนความแตกต่างที่สูงกว่า สามารถให้ภาพที่สดใส และระดับสีดำที่เหนือกว่าแก่ผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี ในทางกลับกันแผงจอภาพ VA หรือแผงจอภาพยอดนิยม จะให้อัตราส่วนความแตกต่างดีที่สุด รวมถึงมุมมองดีกว่า และระดับความสว่างสูงกว่าทั้ง 2 แบบ สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่กฎที่ยาก และเร็ว แต่ก็ยังมีแผงจอภาพ IPS ที่ให้อัตราการตอบสนองไว ถึงแม้ว่าจะราคาสูงก็ตาม และก็ยังมีแบบ VA ที่ให้ขอบเขตของสีได้ในระดับเดียวกับ IPS อย่างไรก็ตาม การสร้างสรรค์ผลงาน และระดับศิลปินดิจิทอลนั้น ส่วนมากจะเลือกใช้แบบ IPS เนื่องจากสี และความแตกต่าง แต่ทว่าสำหรับมืออาชีพที่เน้นการใช้งานภายในออฟฟิศนั้น จะพอใจกับการใช้งานแผงหน้าจอคลาสสิคอย่าง TN หรือที่เหมาะกับการใช้งานรอบด้านอย่าง VA แน่นอนว่าประเภทของแผงจอภาพนั้น ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดเพียงอย่างเดียว อีกอย่างหนึ่งที่คนใช้เป็นตัวเลือกก็คือ ค่าความละเอียด และขนาดว่าจอภาพกว้างเป็นพิเศษหรือไม่ มอนิเตอร์มีหลายค่าความละเอียด ทั้งรูปร่าง และชุดฟีเจอร์ ทุกวันนี้ เราอยู่ในยุคของเกมความละเอียดภาพที่ 1,080P, 1,440P และ 4K และมอนิเตอร์ 1,080P นั้นก็เริ่มจะค่อยๆ ลดบทบาทลง และในโลกกว้างนั้นยังมีมอนิเตอร์ 8K ด้วย แต่ความละเอียดของมันคงใช้เวลาอีกพักใหญ่ ก่อนที่จะกลายมาเป็นสิ่งที่คนนิยม สำหรับเครื่องที่เหมาะจะเป็นหนึ่งในอนาคต ความละเอียด 4K เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม มอนิเตอร์ 4K ยังคงราคาแรงอยู่ 1,440p เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่พอรับได้ มอนิเตอร์ 720P ก็ยังมีวางขายให้เห็น แต่ด้วยความที่สื่อต่างๆ ส่วนใหญ่ถูกผลิตออกมาที่ความละเอียดสูงกว่านั้นหมดแล้ว การเลือกซื้อมอนิเตอร์ 720P ในตอนนี้จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ประเสริฐเท่าไร มอนิเตอร์ระดับอุลทราไวด์ มีอัตราส่วนความละเอียด 21:9 ยังคงเป็นขนาดที่กว้างเกินไปสำหรับใครหลายคนในตอนนี้ เว้นแต่คุณมีแผนจะทำสเปรดชีทส์ ที่ยาวจัด ทำงานหลายอย่างพร้อมกันมากๆ หรือทำรายละเอียดของการแข่งขันเกมไว้ที่ด้านข้าง ซึ่งถ้าคุณไม่ได้ใช้งานขนาดนี้ อัตราส่วน 16:9 นั้นก็เหลือๆ แล้ว ดังนั้น ควรใส่ใจกับสเปคอื่นๆ เช่น อัตราการรีฟเรช เวลาตอบสนอง ขอบเขตของสี ความสว่าง และช่องเชื่อมต่อต่างๆ ก่อนเลือกซื้อมอนิเตอร์ ในขณะที่ทุกๆ ชนิดของแผงจอภาพนั้น มีลักษณะเฉพาะของตัวเองออกมาเป็นมาตรฐาน ก็ไม่แปลกที่แต่ละมอนิเตอร์จะเพิ่มอะไรให้มากขึ้น ควรพิจารณาแต่ละสเปคให้ดีโดยการเปรียบเทียบข้อแตกต่างของมัน อัตราการรีฟเรชมีตั้งแต่ 60-360HZ ในขณะที่เวลาการตอบสนองมีตั้งแต่ 10-0.5MS แต่สำหรับใช้งานในออฟฟิศทั่วไป มอนิเตอร์ 60HZ เวลาการตอบสนองที่ 5MS นั้นก็เพียงพอแล้ว สำหรับขอบเขตของสี มีสีที่ได้มาตรฐานอยู่หลายสี แค่รุ่นที่เป็น RGB 96 % นั้นก็เหลือๆ แล้ว ในขณะเดียวกัน ก็พยายามหารุ่นที่มีความสว่าง 300 NITS หรือต่ำกว่าเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่ออาการเมื่อยล้าของดวงตา คุณควรดูช่องเชื่อมต่อที่รองรับด้วย ไม่ใช่มอนิเตอร์ทุกเครื่องที่มาพร้อมกับช่องเชื่อมต่อที่พิสูจน์แล้วว่าดีสำหรับการติดตั้งมอนิเตอร์มากกว่า 2 ตัว หรือคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆ อีกมากมายจะเป็นประเด็น ถ้าหากการใช้งานของคุณอยู่ในระดับทั่วไป หรือแบบมินิมอล แต่ถ้าคุณมีโครงการที่จะใช้คอมพิวเตอร์หลายเครื่อง มอนิเตอร์อัตราส่วนความละเอียดที่ 21:9 ยังกว้างเกินไปสำหรับใครหลายๆ คน หรือหลายอุปกรณ์ในโฮมออฟฟิศล่ะก็ คุณต้องการมอนิเตอร์ที่มีช่องเสียบที่หลากหลายแน่ เช่น การรองรับ KVM (คีย์บอร์ด วีดีโอ เมาส์) และอาจจะต้องมีช่อง USB-C ด้วย ทั้งหมดที่กล่าวมาอาจจะฟังดูเยอะ แต่ข่าวดี ก็คือ หลังจากที่คุณลองศึกษาแล้วจะรู้ว่า มันไม่ได้เรื่องซับซ้อนอะไรมากมายเหมือนอย่างที่เคยเข้าใจในตอนแรก นอกจากนี้ ถ้าคุณกำลังจะลงทุนไปกับโฮมออฟฟิศใหม่ ซึ่งเป็นที่ๆ คุณจะต้องใช้เวลาทำงานส่วนใหญ่ การเลือกสิ่งที่ดีที่สุดมันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือ ? 3 อันดับ อุปกรณ์เสริมสุดแจ่ม ราคาสบายกระเป๋า อุปกรณ์เสริม ประโยชน์สูง ไม่ว่าคุณจะซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ หรือการคืนชีพให้กับเครื่องเก่า 1. LOGITECH Z407 BLUETOOTH COMPUTER SPEAKERS ราคา 80 ปอนด์ logitech.com ทำไมเราไม่กลับมาใช้ลำโพงคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมล่ะ ? ลำโพงจาก LOGITECH ตัวนี้ไม่เพียงแค่ลำโพงสารพัดประโยชน์ แต่มีดีไซจ์นที่น่าสนใจ พร้อมการเชื่อมต่อให้เลือกถึง 2 แบบ ให้พลังเสียงที่ดัง และเบสส์หนักอีกด้วย 2. KINIVO 350BN 4K HDMI SWITCH ราคา 49 ปอนด์ amazon.co.uk หากโฮมออฟฟิศของคุณใช้งานได้หลากหลายอุปกรณ์ ลองพิจารณาดูสวิทช์ HDMI จะช่วยให้การสลับหน้าจอของคุณสะดวกมากขึ้น สวิทช์ 3 ช่องจาก KINIVO รองรับความละเอียด 4K ที่ 30 FPS พร้อมรีโมท ทำให้การสลับระหว่างการใช้งานของแต่ละอุปกรณ์จะไร้รอยต่อ 3. ERGOTRON LX DUAL STACKING ARM ราคา 262 ปอนด์ ergotron.com แขนจับจาก ERGOTRON ช่วยให้คุณติดตั้งมอนิเตอร์ได้ 2 ตัว โดยไม่ต้องใช้การจัดวางแบบถาวร คุณสมบัติ สามารถเอียง ยืด หมุน และต่อกันแทบจะทุกรูปแบบที่คุณสามารถทำได้ ด้วยความคิดสร้างสรรค์นี้นำมาดีไซจ์นการวางมอนิเตอร์ของคุณได้เลย T3 ขอแนะนำ... มอนิเตอร์สำหรับโฮมออฟฟิศที่ดีที่สุด ยกระดับการมองเห็น แค่เสียบติดแล้วมีภาพ ไม่ได้แปลว่าคุณจะอิ่มเอมไปกับสิ่งนั้น มอนิเตอร์ระดับกลาง พอใช้ได้ก็จริง แต่สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้นที่จะทำให้คุณสามารถทำงานได้โดยไม่รู้สึกว่าเป็นภาระ มอนิเตอร์สำหรับโฮมออฟฟิศ ทำได้มากกว่าที่จะโชว์ว่าในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณมีอะไร มันสามารถให้ประสบการณ์ที่มีกับคอมพิวเตอร์ได้ไม่เหมือนใคร ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเป็น 110 % เริ่มต้นจากคุณภาพของภาพ ซึ่งไม่ได้แย่เหมือนราคาแน่นอน ถึงแม้บางรุ่นจะแพงหน่อย แต่ก็เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวาง นั่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเวลาที่ต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติมในการลงทุนทำโฮมออฟฟิศใหม่ของคุณ มอนิเตอร์สำหรับโฮมออฟฟิศทั้ง 4 รุ่น นี้มาพร้อมกับตราประทับรับรองคุณภาพจากเรา จอภาพกว้างพิเศษ ไปเลย SAMSUNG CHG90 ราคา 829 ปอนด์ samsung.com มอนิเตอร์ขนาด 49 นิ้ว อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน แต่ก็ไม่ใช่แค่เหมาะสำหรับบรรดาเกเมอร์เท่านั้น นักออกแบบกราฟิค เทพสเปรดชีท หรือคนที่ถนัดการทำงานหลายอย่างในคราวเดียวกัน จะตอบโจทย์พวกเขาได้อย่างมาก ต้องขอบคุณสเปครอบด้านของตัวเครื่องที่ให้ภาพในอัตราส่วนถึง 32:9 และความละเอียดที่ 3,840x1,080 ยังมีอัตราการรีฟเรชที่ 144HZ พร้อมระบบไฟผสมผสานกับเสียง และจอโค้ง 1800R ที่ทำให้ภาพทุกอย่างง่ายดายต่อการมองเห็น ความดีงามของ 4K BENQ EW3280U ราคา 579 ปอนด์ benq.eu/en-uk ผู้เชี่ยวชาญการทำงานหลากหลายอย่าง จะต้องหลงใหลจอขนาด 32 นิ้ว จาก BENQ รุ่นนี้ พร้อมกับฟีเจอร์ที่ทำให้เราได้สัมผัสกับความดีงามของ 4K ได้เหมือนแผงจอภาพ IPS ในราคาที่เอื้อมถึง สิ่งที่ทำให้เครื่องนี้เข้าเส้นชัย คือ จอ HDR400 ผ่านมาตรฐานของ VESA ที่สามารถให้ประสบการณ์ HDR ได้เต็มรูปแบบ ความกว้าง 95 % ขอบเขตสี DCI-P3 และลำโพง 2.1 ในตัว BENQ ยังให้ช่องเชื่อมต่อ USB-C กำลังไฟ 60W รีโมท และโหมด E-PAPER จำลองเพื่อการใช้งานที่ดีขึ้น ส่วนโค้งเว้าที่สวยงาม ASUS DESIGNO CURVE MX38VC ราคา 1,150 ปอนด์ asus.com อีกหนึ่งรุ่นที่ไม่ต้องเป็นเกเมอร์ก็ต้องมี (หรืออยากได้กันบ้าง) มอนิเตอร์กว้างพิเศษ สำหรับผู้ที่ทำงานด้านภาพ และออกแบบก็ต้องอิ่มเอมไปกับมอนิเตอร์สุดหรูหรา และความดีงามของจอโค้งความละเอียด 3,840x1,600 ที่ ASUS มอบให้ ช่วยลดการทำงานของสายตาได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับภาพลักษณ์ที่สะดุดตาของมัน ช่องเชื่อมต่อ USB-C พร้อมตัวจ่ายไฟ และแท่นชาร์จเร็วไร้สาย QI ยังช่วยให้การทำงานของคุณราบรื่นมากยิ่งขึ้น ทั้งเล่น และงาน PORSCHE DESIGN AOC AGON PD27 ราคา 720 ปอนด์ aoc.com โฮมออฟฟิศไม่ได้เหมาะกับการทำงานทุกรูปแบบ ทว่าคุณสามารถเล่นเกมอย่างจริงจังด้วยมอนิเตอร์ 1,440P ที่ได้แรงบันดาลใจจาก PORSCHE ของ AOC ตัวนี้ มันถูกสร้างมาเพื่อรองรับความเร็วของเกม โดยเฉพาะอัตราการรีฟเรชที่ 240HZ และยังถูกเลือก.ให้วางไว้ในทุกๆ ที่ได้ ไม่ใช่เพียงแค่ภาพที่สวยงาม แต่การออกแบบยังเหมาะที่จะประดับไว้บนโต๊ะของมืออาชีพทุกท่าน แม้แต่แถบไฟ RGB ก็ยังทำออกมาด้วยความประณีต จอโค้งจะเข้ามาแทนที่จอแบน มอนิเตอร์จอโค้งได้เข้าครอบครองตลาดในปัจจุบัน แต่ทว่ามันจะคุ้มค่าสำหรับการทำงานแล้วหรือ ? มอนิเตอร์จอโค้งนั้นเต็มไปด้วยประโยชน์ใช้สอยมากมาย แต่ก็ไม่ได้มากขนาดนั้น การนำเอาขอบเข้ามาใกล้ผู้ใช้งานมากขึ้น และใช้ส่วนที่เราไม่ค่อยมองเห็นให้มีประโยชน์มากขึ้น ทำให้ทัศนิวิสัยการมองเห็นกว้างขึ้น และยังช่วยให้เราเสพเนื้อหาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยังลดการบิดเบี้ยวที่ขอบจอ และยังเพิ่มคุณภาพของภาพให้ดีขึ้น ตลอดจนทำให้ประสบการณ์ในภาพรวมนั้นดีกว่าความเป็นจริงเสียอีก ยังไม่รวมเรื่องดีไซจ์นสุดล้ำของมันที่จะยกระดับโต๊ะทำงานของคุณไปอีกขั้น สำคัญที่สุดสำหรับบรรดาพนักงานออฟฟิศที่เข้าทำงาน 8 โมงเช้า และใช้เวลา 12 ชม. อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ คือ มอนิเตอร์พันธุ์ใหม่นี้จะช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาได้มาก และบรรเทาเรื่องการทำงานทั้งวันได้ดีกว่าเดิม ขณะที่รุ่นเก่าๆ มีรัศมีความโค้งที่ 2300-4000R จอโค้งรุ่นใหม่ที่วางตลาดเมื่อปีที่แล้ว ออกมาประกาศศักดาด้วยรัศมีความโค้งที่ 1500-1800R เลยทีเดียว ผลลัพธ์ที่ได้ คือ แสงสะท้อนที่น่าทึ่ง ลดการบิดเบี้ยวรวมถึงช่วยลดอาการปวดตาให้น้อยลง จอโค้งเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อเอาชนะคู่แข่งจอแบนในหลายด้าน และเกเมอร์ส่วนใหญ่ก็นิยมใช้กันมานาน ก่อนที่จะเข้ามาบูมในตลาด คำถาม ก็คือ แล้วเครื่องพวกนี้ตอบโจทย์สำหรับคนที่กำลังมองหามอนิเตอร์สำหรับใช้ทำงานทั่วไปหรือไม่ ? คุณอาจจะตกใจ แต่บรรดามืออาชีพจะได้รับประโยชน์มากพอๆ กับเกเมอร์เลยก็ว่าได้ และคุณไม่จำเป็นต้องไปถึงขั้นจอภาพกว้างพิเศษด้วย โดยเฉพาะถ้าโต๊ะทำงานของคุณ ไม่มีที่กว้างพอสำหรับเครื่อง ขณะที่ในบางธุรกิจนั้น มอนิเตอร์จอภาพกว้างพิเศษ อาจมีประโยชน์มากในการจัดการกับ สเปรดชีทส์ขนาดใหญ่ ทว่าเราก็ไม่ถึงกับต้องใช้หน้าจออัตราส่วน 21:9 ในการส่งอี-เมล เตรียมงานเอกสาร หรือเข้าประชุมออนไลน์ร่วมกับทีม เก็บจอภาพกว้างพิเศษไว้ให้บรรดาเกเมอร์ และกลับมาใช้จอระดับที่เราพึงพอใจในการใช้ทำงานได้ดีกว่า ยังมีมอนิเตอร์จอโค้งขนาด 32 และ 27 นิ้ว อีกหลายรุ่นที่สามารถให้ความอิ่มเอมได้ในระดับที่ทัดเทียมกันได้ หากกังวลเรื่องราคาล่ะก็ ไม่ต้องกลุ้มใจไป ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว ราคาของเครื่องอาจจะสูงกว่าจอแบนธรรมดา แต่ก็ไม่ได้ห่างกันมากขนาดนั้น ราคาจะถูกลงทุกปี หากคุณรับไหว ก็อาจเพิ่มเงินอีกนิดหนึ่ง ได้รุ่นที่มีฟังค์ชันที่มากกว่า อย่างไรก็ตาม หากคุณใส่ใจเรื่องงบ ก็พอหามอนิเตอร์จอโค้งราคาต่ำกว่า 200 ปอนด์ ได้อยู่ อาจได้บแรนด์ดังอย่าง SAMSUNG และ DELL เลยทีเดียว หลอดไฟอัจฉริยะสุดทึ่ง รุ่นล่าสุดสำหรับบ้าน คือ สิ่งสวยงามที่ทำหน้าที่มากกว่าการช่วยให้คุณไม่เดินชนกำแพง เรียบเรียงโดย : DAVID NIELD 1. IKEA FLOALT ราคาเริ่มต้น 65 ปอนด์ ikea.com บางครั้งคุณก็ไม่ต้องการไฟหลอดกลม แต่ต้องการเพียงแค่แผงไฟที่สามารถควบคุมได้ด้วยโทรศัพท์ หรือสั่งการได้ด้วยเสียง และทั้งหมดนั่น คือ สิ่งที่คุณจะได้รับจาก FLOALT ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ส่องสว่างอัจฉริยะของ IKEA มีให้เลือกใช้งานหลายขนาด แผงไฟพวกนี้จะช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ในการจัดวางไฟให้สนุกมากขึ้น 2. PHILIPS HUE AMARANT ราคา 129.99 ปอนด์ philips-hue.com หนึ่งในผลิตภัณฑ์หลอดไฟอัจฉริยะล่าสุดของ PHILIPS HUE ก็คือ AMARANT แถบไฟกลางแจ้งที่ครอบคลุมผนัง หรือส่วนเฉพาะของอาคารของคุณด้วยสีขาว หรือสีอื่นๆ สามารถเชื่อมต่อเข้าด้วยกันได้ เหมาะสำหรับแนวพุ่มไม้ รั้ว และเฟอร์นิเจอร์ด้านนอกที่คุณอยากจะให้มีแสงสว่างสักหน่อย 3. LIFX CANDLE WHITE TO WARM ราคา 29.99 ปอนด์ lifx.com หลอดไฟ WHITE TO WARM จาก LIFX ได้เอาฟังค์ชันทั้งหมดของ LIFX มาด้วย ไม่ว่าจะเป็นรีโมทควบคุมจากโทรศัพท์โดยไม่ต้องใช้ฮับ ซึ่งมีมากกว่าล้านสี ระบบตั้งเวลาอัตโนมัติ ในขณะที่ยังมอบความน่าหลงใหล และมีสไตล์ จัดเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับยามเย็นอันแสนสบาย (หรือยามเช้าก็ย่อมได้) ที่น่าพักผ่อนด้วยหลอดไฟระบบสมาร์ทโฮมตัวใหม่นี้ 4. PHILIPS HUE APPEAR ราคา 129.99 ปอนด์ philips-hue.com ยกระดับให้พื้นที่สำหรับทำกิจกรรมกลางแจ้ง ของ PHILIPS HUE APPEAR โคมไฟที่สามารถยิงแสงไปด้านบน หรือด้านล่างได้อย่างแม่นยำ และให้คุณเลือกสีได้กว่าล้านสี เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ PHILIPS HUE สามารถตั้งค่าฟีเจอร์ต่างๆ ได้ผ่านแอพพลิเคชัน รวมถึงการตั้งเวลาเปิด/ปิดอัตโนมัติ 5. NANOLEAF ESSENTIALS ราคาเริ่มต้น 17.99 ปอนด์ nanoleaf.me NANOLEAF ESSENTIALS รุ่นใหม่ มีให้ทั้งหลอดไฟ และแถบไฟ นอกจากจะให้ทุกอย่างตามปกติที่หลอดไฟอัจฉริยะควรมีแล้ว ยังสามารถใช้ได้กับขั้วล่าสุด จึงสามารถทำงานได้อย่างสบายกับ APPLE HOMEKIT และด้วยเฉดสีที่หลากหลาย การตั้งค่าเรื่องเวลา และอื่นๆ ทำให้หลอดไฟดวงนี้สามารถเข้ากันได้กับการตั้งค่าของสมาร์ทโฮมเกือบทุกรูปแบบ 6. NANOLEAF SHAPES ราคาเริ่มต้น 89.99 ปอนด์ nanoleaf.me ผสมผสานระหว่างรูปทรงสามเหลี่ยม และหกเหลี่ยมเข้าด้วยกัน ด้วยแผงไฟอัจฉริยะสุด และไม่เหมือนใครอย่าง NANOLEAF SHAPES รูปทรง และขนาดแผงไฟขึ้นอยู่กับการจัดวางของคุณ สามารถเปิด/ปิดด้วยสวิทช์แบบแมนวล หรือผ่านโทรศัทพ์ของคุณก็ได้ แถมสั่งให้มันกะพริบเป็นจังหวะตามเพลงได้ด้วย เป็นผลิตภัณฑ์แผงไฟอัจฉริยะที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง 7. INNR WI-FI BULBS ราคาเริ่มต้น 24.99 ยูโร (ประมาณ 22 ปอนด์) innr.com INNR เปิดตัวหลอดไฟขาว และหลากสีที่ควบคุมผ่าน WI-FI ได้ รวมถึงการออกแอพพลิเคชันควบคุมรุ่นใหม่ที่ใช้งานง่ายขึ้น สามารถเลือกสีจาก 16 ล้านสี ตั้งเวลาเปิด/ปิดอัตโนมัติ และให้แสงไฟช่วยปลุกให้คุณตื่น (หรือตื่นจากการเผลอหลับ) ได้อย่างเป็นธรรมชาติ มีขั้ว E27 และ B22 ให้เลือกใช้ในรุ่นใหม่นี้ด้วย 8. INNR SMART FILAMENT VINTAGE GLOBE ราคา 47.99 ยูโร (ประมาณ 42 ปอนด์) innr.com เมื่อหลอดไฟอัจฉริยะสุดทันสมัย กับไฟขดลวดแบบคลาสสิคมารวมกัน คุณก็จะได้หลอดไฟสุดล้ำอย่าง INNR VINTAGE GLOBES เป็นไฟยุคคลาสสิคที่ควบคุมได้ผ่านสมาร์ทโฟน เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ INNR ขั้วหลอด E27 สามารถใช้งานกับ ALEXA ของ AMAZON หรือ GOOGLE ASSISTANT ได้ด้วย 9. TWINKLY SQUARES ราคายังไม่ยืนยัน twinkly.com เป็นส่วนหนึ่งของแผงไฟ LED อัจฉริยะรุ่นใหม่จาก TWINKLY เพิ่งออกในปีนี้ SQUARES เป็นแผงไฟที่สามารถปรับแต่งได้อิสระ เพื่อส่องสว่างให้กับห้อง โชว์ข้อความ และยังเล่นกับมันได้อย่างสนุกสนาน ในแต่ละช่องสี่เหลี่ยมจะมี 64 บลอคพิกเซล ซึ่งใน 1 แผงนั้นมีได้ตั้งแต่ 9-15 สี่เหลี่ยม เลยทีเดียว 10. SENGLED SMARTSENSE ราคา 11.99 ปอนด์ sengled.com หลอดไฟอัจฉริยะ และสมาร์ทโฮมล้วนเป็นเรื่องของความสะดวกสบายทั้งสิ้น นั่นคือ สาเหตุที่ผลิตภัณฑ์อย่าง SENGLED SMARTSENSE น่าหลงใหล ตัวหลอดไฟมาพร้อมระบบจับความเคลื่อนไหวในตัว หมายความว่า คุณไม่ต้องเข้าไปแตะในแอพพลิเคชันเพื่อเปิดไฟ (มีประโยชน์มากตอนกำลังเดินง่วงๆ ในบ้านยามค่ำคืน) แถมราคายังเอื้อมถึง 11. YEELIGHT SMART LED BULB M2 ราคายังไม่ยืนยัน yeelight.com เคล็ดลับสำหรับจัดงานสังสรรค์ นำเสนอหลอดไฟ YEELIGHT ที่ได้รับการสนับสนุนจาก XIAOMI สามารถใช้งานได้กับระบบ SEEMLESS SETUP ของ GOOGLE HOME เพราะฉะนั้น การทำให้หลอดไฟอัจฉริยะดวงนี้ทำงานกับ GOOGLE ASSISTANT นั้นง่ายเหมือนจับวาง เพราะไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อ หวังแต่ว่ามันคงจะไม่แพงเกินไป 12. LIFX CLEAN ราคายังไม่ยืนยัน lifx.com จะเป็นอย่างไร ถ้าหลอดไฟอัจฉริยะของคุณสามารถทำความสะอาดตัวครอบ และวัตถุต่างๆ ได้ด้วยการใช้แสงสีฟ้า (HEV) และให้ฟีเจอร์ที่พึงมีอย่างครบถ้วน LIFX CLEAN ที่เพิ่งออกมาในปีนี้ สามารถเปลี่ยนเป็นโหมดฆ่าเชื้อได้ เวลาที่คุณไม่อยู่ เพื่อกำจัดแบคทีเรีย และจุลินทรีย์ออกไปจากอะไรก็ตามที่แสงสัมผัส
ABOUT THE AUTHOR
T3 MAGAZINE
ภาพโดย : T3 MAGAZINEนิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2565
คอลัมน์ Online : เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS