นับเป็นรุ่นที่ 7 ของรถเก๋งซีดานขนาดใหญ่ ซึ่งเริ่มการผลิตเมื่อ 45 ปีก่อน และเป็นรถที่ออกแบบใหม่ทั้งหมดตั้งแต่พื้นรถจรดหลังคา ที่แตกต่างจากรุ่นก่อนๆ ก็คือ รถรุ่นก่อนๆ มีตัวถัง 2 ขนาด คือ STANDARD WHEELBASE BODY หรือตัวถังฐานล้อมาตรฐาน กับ LONG WHEELBASE BODY หรือตัวถังฐานล้อยาว แต่รถรุ่นใหม่นี้มีขนาดเดียว เป็นตัวถังยาว 5.391 ม. กว้าง 1.950 ม. และสูง 1.544 ม. ซึ่งมีช่วงฐานล้อยาว 3.215 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำสุด 0.24 คือ ยาวขึ้น 13.0 ซม. กว้างขึ้น 4.8 ซม. และสูงขึ้น 5.1 ซม. เมื่อเทียบกับตัวถังฐานล้อยาวของรถรุ่นปัจจุบัน หน้าตา และรูปทรงองค์เอวของตัวถังที่ดูดีมาก เป็นผลลัพธ์ของการออกแบบเพื่อให้ดูสะดุดตา สะดุดใจกว่ารถรุ่นก่อนๆ
ในยุโรปเมื่อเริ่มการจำหน่ายตอนปลายปีเสือ จะมีรถเพียงโมเดลเดียว คือ BMW I7 XDRIVE60 ซึ่งเป็นรถขับทุกล้อด้วยพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ให้กำลังรวมสูงสุด 400 กิโลวัตต์/544 แรงม้า สามารถทำความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. และวิ่งได้ไกล 590-625 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน WLTP ที่จะตามมาไม่นานหลังจากนั้น คือ BMW 740D XDRIVE ซึ่งเป็นรถขับทุกล้อด้วยพลังของเครื่องยนต์ดีเซลพร้อมระบบไฮบริดแบบอ่อน 48 โวลท์ ซึ่งให้กำลังสูงสุด 220 กิโลวัตต์/300 แรงม้า ส่วนในสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน และบางตลาด จะมีเพิ่มอีก 2 โมเดล คือ BMW 735I กับ BMW 740I ทั้งคู่เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังด้วยพลังของเครื่องยนต์เบนซินพร้อมระบบไฮบริดแบบอ่อน 48 โวลท์ ให้กำลังสูงสุด 210 กิโลวัตต์/286 แรงม้า และ 280 กิโลวัตต์/380 แรงม้า ตามลำดับ
ที่จะตามมาอีกในหลายตลาดตอนต้นปี 2023 คือ รถ PLUG-IN HYBRID หรือไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ BMW 750E XDRIVE รถขับเคลื่อนทุกล้อซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซินทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 360 กิโลวัตต์/490 แรงม้า ซึ่งวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 80-89 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน WLTP 
