ในเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแบบ EV นั้น NISSAN ได้จำหน่าย NISSAN LEAF (ลีฟ) มาตั้งแต่ปี 2010 จนถึงปัจจุบัน มียอดขายรวมมากกว่า 500,000 คัน และมีรถจำนวนไม่น้อย ที่ผ่านการใช้งานหลัก 1 ล้านกิโลเมตร มาแล้ว ส่วนเทคโนโลยี E-POWER ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการขับเคลื่อน ที่ผสมผสานเทคโนโลยีระหว่างเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมเช่นกัน เสียดายบ้านเรามีโมเดลที่ใช้เทคโนโลยีนี้น้อยรุ่นไปหน่อย ลองมาดูการพัฒนาเทคโนโลยี “X-IN-1” ที่จะทำให้ต้นทุนในการผลิตรถยนต์ EV และ E-POWER มีราคาต่ำลง
X-IN-1 ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันรถยนต์ EV และ E-POWER
ภายใต้แนวคิดนี้ ส่วนประกอบหลักของระบบขับเคลื่อนแบบ EV และแบบ E-POWER จะมีการใช้ชิ้นส่วนร่วมกัน และปรับเป็นโมดูลต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการพัฒนา และการผลิตในปี 2569 ลดลงถึง 30 % เมื่อเทียบกับปี 2562 ด้วยแนวคิด X-IN-1 NISSAN มีเป้าหมายที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของรถยนต์ EV และ E-POWER โดยได้พัฒนาระบบขับเคลื่อนต้นแบบ 3-IN-1 โดยปรับมอเตอร์อินเวอร์เตอร์ และตัวลดขนาด (REDUCER) ให้เป็นโมดูล ถูกวางแผนไว้สำหรับใช้ในรถยนต์ระบบขับเคลื่อนแบบ FULL EVs ขณะที่ระบบขับเคลื่อนต้นแบบ 5-IN-1 ซึ่งเพิ่มเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และเครื่องเพิ่มกำลัง (INCREASER) เป็นโมดูลเพิ่มเติม มีการวางแผนสำหรับใช้ในระบบขับเคลื่อนแบบ E-POWER แนวทาง “X-IN-1” ซึ่งมีครอบคลุมทั้ง 3 ชิ้นส่วนหลัก หรือ 3-IN-1 และแบบ 5 ชิ้นส่วนหลัก หรือ 5-IN-1 และรุ่นอื่นๆ ที่เป็นไปได้
NISSAN ตั้งเป้าหมายให้ราคารถยนต์ E-POWER เท่าเทียมรถยนต์ ICE
การใช้ชิ้นส่วนร่วมกัน และการทำให้ส่วนประกอบหลักเป็นโมดูล จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และลดต้นทุนรวมของการผลิตระบบขับเคลื่อนลงประมาณ 30 % โดยเทียบกับปี 2562 ทั้งนี้ NISSAN ตั้งเป้าหมายให้ราคารถยนต์ระบบ E-POWER เท่าเทียมกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE: INTERNAL COMBUSTION ENGINE) ภายในปี 2569 ขนาด และน้ำหนักที่ลดลงของเครื่อง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ยานพาหนะ และลดเสียงรบกวน รวมถึงการสั่นสะเทือนต่างๆ ที่เกิดขึ้น การใช้มอเตอร์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ จะลดการใช้แร่ธาตุหายาก (RARE EARTH) ของโลกลงให้เหลือเพียง 1 % หรือน้อยกว่าของน้ำหนักแม่เหล็ก เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง 
