เขาว่า... : ล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้ ยังไม่เพียงพอ...จริงไหม ?
จริง : เพราะการล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้ สามารถขจัดสิ่งสกปรกได้เพียงด้านเดียว ซึ่งยังไม่เพียงพอ
กลิ่นเหม็นอับในระบบแอร์รถยนต์ นับเป็นปัญหาคลาสสิคของคนใช้รถเมืองร้อนอย่างบ้านเรา ปัจจุบันมีการแนะนำให้ล้างตู้แอร์แบบไม่ถอดตู้ ไม่เว้นแม้แต่ศูนย์บริการของค่ายรถยนต์มาตรฐาน โดยอ้างว่า สะดวก ไม่ต้องรื้อคอนโซล ซึ่งอาจเกิดความเสียหายได้
การล้างตู้แบบนี้ทำให้กลิ่นอับเบาบางลงก็จริง แต่ก็ยังไม่หายขาดครับ หากถอดตู้ออกมาดู จะพบว่ามีคราบสกปรกมากมายหลงเหลืออยู่อีกด้านหนึ่งของตู้แอร์ (ฝั่งตรงกันข้ามกับที่ล้างแบบไม่ถอดตู้) ทำให้มีคราบสนิมเกิดขึ้น สรุปแล้ว การล้างตู้แอร์แบบไม่ถอดตู้ ดีจริงหรือไม่ ? ไปทำความเข้าใจกัน
ระบบแอร์ในรถยนต์นั้น วิศวกรไม่ได้ออกแบบให้สามารถถอดตู้แอร์ออกมาล้างได้ง่ายเหมือนระบบอื่นๆ ภายในรถ เพราะตู้แอร์เป็นระบบปิด ต้องมีท่อน้ำยาเชื่อมเข้า/ออกตลอดเวลา (ห้ามรั่วไหลเด็ดขาด) และอยู่ในพื้นที่จำกัด ถ้าดีไซจ์นให้ถอดง่าย เห็นทีจะไม่คุ้ม เพราะตามหลักการแล้ว ตู้แอร์ไม่ได้อุดตันกันง่ายๆ ต้องใช้เวลานานหลายปีถึงจะตัน (บางคันเกิน 10 ปี) บางคันตู้แอร์รั่วก่อนที่จะตันเสียอีก ถ้าเราหมั่นทำความสะอาดภายในรถเป็นประจำ จะช่วยได้มากทีเดียวครับ
สาเหตุหลักที่ทำให้ตู้แอร์อุดตัน มาจากฝุ่นละออง และวัสดุนานาชนิด เช่น เส้นด้าย เส้นใยจากเสื้อผ้า พรมปูพื้น เส้นขนจากสัตว์ และเส้นผมจากคนที่ปลิวมากับอากาศ และถูกพัดลมดูดผ่านคอยล์เย็นในตู้แอร์ที่เปียกอยู่เสมอจากการกลั่นตัวของไอน้ำในอากาศ สิ่งแปลกปลอมเหล่านี้จะค่อยๆ สะสมทีละน้อย เปียกบ้าง แห้งบ้าง ทับซ้อนกันเป็นแรมปี ทำให้คราบติดแน่นเป็นชั้นหนา
การล้างแบบไม่ถอดตู้ จึงไม่มีทางเอาสิ่งสกปรกออกได้หมดครับ จะพึ่งแค่ท่อระบายน้ำทิ้งเส้นเล็กๆ ก็คงไม่พอ เพราะลำพังเศษเส้นผมเล็กน้อย ก็ทำให้ท่อตันได้อยู่แล้ว ที่สำคัญมันล้างได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น อีกด้านก็ยังเลอะเกรอะกรังอยู่ดี ดังนั้น ถ้าอยากล้างสิ่งสกปรกให้หมดจริงๆ ต้องถอดตู้เท่านั้นครับ