ร่มไม้ชายศาล
"ผ่องถ่ายแล้ว"
มีโทรศัพท์สอบถามเรื่องกฎหมายเข้ามาเสมอ ในบ้านเราถือเป็น "บริการให้เปล่า" ซะนี่ ไม่เหมือนเมืองนอกเมืองนา ซึ่งหมายถึงฝรั่ง เขาตั้งนาฬิกาเป็นนาทีเพื่อคิดสตางค์เลยละ ไม่ว่ากัน ถือว่าเอาบุญ แต่ถ้าจ่ายมั่งก็ดีน่ะ อย่าหาว่างก
เมื่อไม่นานมานี้ ไอ้น้องรายหนึ่งโทรเข้ามือถืออาการกระหืดกระหอบจนผมตกใจ คิดว่ามีเหตุด่วนเหตุร้ายเกิดขึ้น แกถามแบบจ้ำพรวดว่า
"จะซื้อรถเก่าที่เขากำลังผ่อนส่งโดยไม่ทำโอนที่ไฟแนนศ์ได้ไหมพี่"
"เสี่ยงนะน้อง แม้เราจะกำเงินไปผ่อนเอง ไม่ให้คนเก่ายักค่างวดไปกินเปล่าอย่างที่เขาเจอก็ตาม เพราะเขายังมีสิทธิ์ ในรถเหมือนเดิม เรากลายเป็นคนนอกเท่านั้นเอง" ผมสาธยายผ่าน ฮาโล
"ผมทำสัญญาซื้อขายกันได้ไหม" น้องๆ ยิงคำถามมา
"พอได้ แต่ระวังเรื่องยักยอกรถไว้บ้าง ในเมื่อรถเป็นของไฟแนนศ์ไม่ใช่ของคนที่ขายให้เรา ไปทำโอนเปลี่ยนมือที่ไฟแนนศ์ไม่ดีกว่าเหรอ" ผมแนะนำด้วยความเป็นห่วง
"มันยุ่งยากน่ะสิ ไฟแนนศ์เขาเชคประวัติด้วยนะเดี๋ยวนี้ กลัวไม่ผ่าน ทำไงดี อยากได้รถคันนี้จัง"
เอ็งเพิ่งเผยไต๋ เครดิทไม่สวยกลัวไฟแนนศ์ไม่ให้รับโอน มีปัญหาตรงนี้เอง ผมต้องตั้งสติหาทางออกให้ ในที่สุดบอกไปว่า
"เอางี้แล้วกัน ให้คนขายหาคนค้ำประกันให้มันคุ้มกับมูลค่าของรถทั้งหมด ถ้าได้ก็พอไหว กล้อมแกล้มซื้อได้อยู่หรอก มีเรื่องค่อยว่ากันทีหลัง ถ้าอยากซื้อจริงๆ"
ตานี้เพื่อให้สอดคล้องกับเรื่องที่ผมเล่ามาตะกี้ จึงหยิบคดีที่พัวพันเรื่องการซื้อรถจากคนที่เขาผ่อนส่งซะเลย จะได้ ซาบซึ้งตรึงใจ แรกเริ่มเดิมที "นายมือหนึ่ง" อยากได้รถยี่ห้อสิบโทชนิดมือหนึ่งมาขี่ จึงตัดสินใจแบบคนทั่วไปคือ ผ่อนส่ง จ่ายค่างวดเดือนละ 2 หมื่นห้านั่นเทียว น้อยซะเมื่อไหร่ เมื่อคิดถึงค่าของเงินใน ปี 2534 นายมือหนึ่ง กัดฟัน โต้คลื่นอยู่ 11 งวด ก็ถอดใจ แต่ปั้นหน้าไว้ว่ายังเป็นปลื้ม ใช้วิธี "ถอยแสร้งรุก" ตามตำราบู๊ลิ้ม
ในที่สุด "นายร้อยเอก" ซึ่งไม่ได้เป็นทหารตำรวจอะไรหรอก ตั้งชื่อเพื่อความเท่ไปงั้นเองเกิดอยากได้รถยี่ห้อสิบโทที่ นายมือหนึ่ง ขับโชว์ยางแตกเส้นหนึ่งยังไปได้ไม่เป็นไร เข้าลอค นายมือหนึ่ง ตกลงขายให้ นายร้อยเอก แบบอิดเอื้อนเล็กน้อย
การซื้อขายค่อนข้างรอบคอบ ไม่ซื้อกันเองดุ่ยๆ ทั้งสองพากันไปที่บริษัทไฟแนนศ์ เพื่อทำสัญญาเปลี่ยนผู้เช่าซื้อ พร้อมทั้งจ่ายค่างวดที่ค้างกับค่างวดล่วงหน้ารวม 75,000 บาท นายร้อยเอก จ่ายค่าธรรมเนียมการโอนให้บริษัทไปอีกเกือบ 3 พันบาท
เรื่องน่าจะจบลงด้วยดี แต่ไม่ยักจบ เข้าใจว่า นายร้อยเอก คงจะบิดเบี้ยวไม่ผ่อนส่งตามกำหนด ไฟแนนศ์จึงสร้างความหาวเรอให้แก่ นายมือหนึ่ง กับญาติซึ่งเป็นคนค้ำประกัน ยื่นฟ้องบังคับให้จ่ายเงินค่าเช่าซื้อที่คั่งค้างเกือบ 2 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ย
นายมือหนึ่ง สู้คดีให้การว่า สัญญาเช่าซื้อระหว่าง นายมือหนึ่ง กับบริษัทเลิกกันไปแล้วนี่นา มีการโอนเปลี่ยนคนเช่าซื้อที่บริษัทมาเป็น นายร้อยเอก อยู่แท้ๆ แล้วจะมาฟ้องร้องนายมือหนึ่งกับคนค้ำประกันทำแมวอะไร ขอให้ศาลเมตตา ยกฟ้องคนค้ำประกันจำเลยที่ ๒ อยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร รอหวังผลจากการสู้คดีของ นายมือหนึ่ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาพยานหลักฐานโดยเฉพาะที่เป็นเอกสารซึ่ง นายมือหนึ่ง มีอยู่ และเอกสารที่ บริษัทไฟแนนศ์ นั่นแหละ ส่งศาล เห็นว่า นายมือหนึ่ง พ้นตัวไปแล้ว เป็นเรื่องระหว่าง บริษัทไฟแนนศ์ กับ นายร้อยเอก ต่างหาก จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์คือ บริษัทไฟแนนศ์ ยังตื้อด้วยการยื่นอุทธรณ์ จงใจลอคคอ นายมือหนึ่ง กับคนค้ำประกันให้ได้ แปลกเหมือนกัน ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน ยกฟ้องเช่นเดิม
บริษัทไฟแนนศ์ ไม่ยอมเลิกราตั้งหน้าจะบี้ นายมือหนึ่ง กับพวกให้ได้ ยื่นฎีกาขึ้นไป เล่นเกมยาว อ้างว่าสัญญาเช่าซื้อ ระหว่างบริษัทกับ นายมือหนึ่ง ยังมีอยู่ ไม่ได้ยกเลิกเพิกถอนดังที่ นายมือหนึ่ง อ้าง ใจคอรถคันเดียวจะให้มีสัญญาเช่าซื้อสองใบกระมัง สร้างความเซ็งให้แก่ นายมือหนึ่ง พอสมควร
ศาลฎีกาเล็งดูคดีนี้ทุกแง่มุมแล้วก็ชี้ขาดออกมาว่า
ได้ความชัดว่า นายมือหนึ่ง ติดต่อบริษัทขอโอนสิทธิการเช่าซื้อรถยนต์ให้แก่ นายร้อยเอก มีการทำหนังสือโอนสัญญาเช่าซื้อและนายร้อยเอก ได้ลงชื่อในหนังสือสัญญาเช่าซื้อไว้แล้วโดยยังไม่กรอกข้อความ หนังสือขอโอนและหนังสือสัญญาเป็นแบบพิมพ์ของบริษัทอย่างเห็นๆ นายมือหนึ่ง นำมาอ้างต่อศาล เพราะเก็บสำเนาหลักฐานไว้ด้วย
ในวันเดียวกันนั้น มีการจ่ายค่างวดที่ค้างและค่างวดล่วงหน้าเป็นเงิน 75,000 บาท เป็นเชคของ นายร้อยเอก พร้อมจ่ายค่าโอนเกือบ 3 พันบาท ตามใบเสร็จซึ่ง บริษัทไฟแนนศ์ นั่นแหละยื่นต่อศาล นายร้อยเอก ยังทำสัญญาเช่าซื้อรถไว้ปรากฏตามเอกสารที่บริษัทเสนอศาลอีกเช่นกัน
แสดงว่า นายมือหนึ่ง ได้โอนการเช่าซื้อถูกต้องตามธรรมเนียมปฏิบัติของ บริษัทไฟแนนศ์ ศาลเชื่อว่า นายมือหนึ่ง ได้ส่งมอบรถให้แก่บริษัทไปแล้ว ถือว่ามีการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อระหว่างบริษัทกับ นายมือหนึ่ง เรียบร้อยแล้ว สัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกัน ตามกฎหมายแพ่ง มาตรา 573 นับแต่วันที่ นายมือหนึ่ง ส่งมอบรถให้บริษัท นายมือหนึ่ง กับคนค้ำประกัน จึงไม่เกี่ยว ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรอีก ฟ้องเขามาทำไม
ศาลฎีกาพิพากษายืน
ออกจะแปลกๆ อย่างที่ผมบอก ถ้าให้เดา เป็นไปได้ไหมว่า นายร้อยเอก เบี้ยวไม่ส่งงวดรถแล้วหาตัวไม่เจอ ไม่มีหลักฐานบ้านช่องพอที่จะทำอะไรได้ ขณะที่ นายมือหนึ่ง พอมีกึ๋นอยู่บ้าง บริษัทไฟแนนศ์ เลยมั่วนิ่ม หันมาเชคบิลล์ นายมือหนึ่ง ดื้อๆ
บริษัทไฟแนนศ์ คงจะอ้างในแง่ที่ว่า สัญญาเช่าซื้อระหว่างบริษัทกับ นายร้อยเอก ยังไม่สมบูรณ์ เพราะ นายร้อยเอก เซ็นชื่อไว้เท่านั้น การแปลงหนี้ใหม่ยังไม่เกิด จึงต้องหวนกลับมาบี้นายมือหนึ่งแทน
การซื้อรถมือสองชนิดที่เขายังผ่อนไม่หมดเราผ่อนต่อ ต้องทำให้ดี ทั้งคนขายและคนซื้อ ไม่งั้นจะพัวพันในภายหลังให้เซ็งกันทุกฝ่ายเหมือนอย่างคดีนี้นั่นเลย
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2534
เรื่องโดย : "จอมยุทธ"
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2545
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51427