X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
ร่มไม้ชายศาล
1 Mar 2003
"ยึดถนน"
สิ่งที่คนบ้านเราชินชาและเบื่อหน่ายอย่างยิ่งคือ "MOB ปิดถนน" หรือยึดถนนเป็นเครื่องต่อรองกับทางการเล่นเอาประชาชีที่สัญจรไปมาเดือดร้อนอย่างหนัก ขณะที่รัฐบาลก็กล้าๆ กลัวๆ ที่จะจัดการ มาถึงวันนี้ รัฐบาลนายกทักษิณเป็นมวย ไม่ยอมอ่อนข้อให้ MOB จนเกินไป ออกมาว๊ากและหามาตรการรับมือกับ MOB ปิดถนน ด้วยการเอาผิดเจ้าของรถราทั้งหลายที่นำมาปิดกั้นถนน เพราะ MOB ควรคำนึงถึงส่วนรวมด้วยเช่นกัน ปรากฏว่าสาธารณชนคนไทยเห็นด้วยกับแนวทางของนายกซีอีโอ จะเรียกร้องอะไรก็ตามแต่ ต้องพูดจากันแต่โดยดีไม่เกะกะระรานหรือใช้วิธีการรุนแรง ถ้ารัฐบาลไม่ฟังเสียงก็สามารถป่าวร้องให้คนรับรู้ได้ด้วยวิธีต่างๆไม่เอาความเดือดร้อนของผู้คนมาบีบ สำหรับคดีความเรื่องนี้น่าสนใจ โจทก์จำเลยต่างอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรเดียวกันฝ่ายจำเลยอยู่ท้ายสุดของถนนเส้นหนึ่งในหมู่บ้าน เมื่อเห็นว่าสุดทางติดกับบ้านของตนไม่มีรถผ่านจึงฉวยโอกาสขออนุญาตเจ้าของโครงการ ทำประตูเหล็กปิดกั้น พร้อมกับทำหลังคาขึ้นมาคร่อมไว้กลายเป็นโรงรถของตัวเองไปเลย กว้าง 3 เมตร ยาว 12 เมตรเศษ การทำหลังคาคร่อมถนนที่ว่านี้ ด้านหนึ่งของหลังคาอาศัยรั้วบ้านของฝ่ายโจทก์ซึ่งอยู่ถัดออกมาจึงสร้างความหาวเรอให้แก่ "นายอื้อฮือ" ผู้เป็นโจทก์อย่างยิ่ง เจ้าตัวถึงกับร้อง "อะไร ทำงี้ได้ไง" และหางานให้ศาลทำแก้เซ็งหรือเพิ่มความเซ็งอีกคดีหนึ่งเป็นคดีนี้ สาเหตุที่ นายอื้อฮือ ต้องกัดฟันพึ่งศาล เพราะหลังคาโรงรถปิดกั้นทางลมและแสงแดดไม่เข้ามาเท่าที่ควรเหมือนเมื่อก่อนที่ยังโล่ง ที่แย่อีกอย่างคือ นายอื้อฮือ ไม่สามารถใช้พื้นที่ถนนส่วนที่ "นายหัวเส" ยึดเป็นโรงรถเพื่อกลับรถได้สะดวกเหมือนอย่างเคย ต้องเปิดประตูที่ นายหัวเส ทำไว้ ถ้าประตูไม่เปิดอยู่ ในคำฟ้องระบุถึงความเดือดร้อนดังกล่าวเป็นพิเศษ โดยอ้างว่าถนนตรงส่วนนั้นเป็นสาธารณูปโภคของหมู่บ้านจัดสรรต้องใช้สอบร่วมกัน นายหัวเส ยึดเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคนเดียวไม่ได้หรอก ขอให้ศาลบีบเค้น นายหัวเสบังคับให้รื้อประตูและรื้อหลังคาออกเสีย พร้อมทั้งจ่ายค่าเสียหาย 6,500 บาท และค่าเสียหายรายวันๆ ละ 50 บาทจนกว่าจะรื้อออกไป นายหัวเสสู้คดี ให้การว่า ที่ดินตรงส่วนนั้นไม่ใช่ของ นายอื้อฮือ ถนนมาสุดทางที่บ้าน นายหัวเสไม่ได้มีไว้เพื่อให้นายอื้อฮือ ใช้สอย การทำประตูและหลังคาไม่ทำให้ นายอื้อฮือ เสียหาย ประตูก็ไม่ได้ใส่กุญแจปิดตายและได้รับอนุญาตจากเจ้าของหมู่บ้านแล้ว นายอื้อฮือ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ค่าเสียหายเรียกมาเยอะมาก ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ตัดสินให้ นายอื้อฮือ ชนะคดี บังคับให้จำเลยรื้อประตูเหล็กรื้อหลังคาออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ซึ่งใช้ร่วมกัน จำเลยคือ นายหัวเส ดิ้นรนด้วยการยื่นอุทธรณ์ ยกข้อต่อสู้เช่นเดิม ขอให้ยกฟ้อง ปรากฏว่าคราวนี้ได้เฮ ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า นายอื้อฮือ ไม่ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์คือ นายอื้อฮือ ต้องออกเหงื่อเป็นยกสุดท้ายด้วยการยื่นฎีกา เพื่อพลิกกลับมาชนะให้ได้ ศาลฎีกาเพ่งดูคดีนี้อย่างใช้สมาธิอยู่ไม่นาน แล้วชี้ขาดออกมาดังนี้ ถนนส่วนที่ นายหัวเส ทำประตูกั้น ทำหลังคายึดเป็นโรงรถถือว่าเป็นถนนของหมู่บ้าน เป็นสาธารณูปโภคเป็นถนนสาธารณะ อยู่ติดบ้านของ นายอื้อฮือ นายอื้อฮือ จึงมีสิทธิใช้กลับรถ จริงอยู่ นายหัวเส ไม่ได้ใส่กุญแจประตู แต่ไม่สะดวกในการที่ นายอื้อฮือ จะใช้สอย ถือว่า นายอื้อฮือได้รับความเสียหายเป็นกรณีพิเศษ นายหัวเส ต้องรื้อประตูออก สำหรับหลังคาที่ทำเป็นโรงรถ ปรากฏว่าด้านหนึ่งอาศัยรั้วของ นายอื้อฮือ ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวแม้จะมีช่องว่างระหว่างบ้านและรั้วให้ลมและแสงสว่างเข้าได้ไม่สะดวกเช่นเดิม นายอื้อฮือได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ นายหัวเสต้องรื้อออกไปเช่นกัน ศาลฎีกาจึงพิพากษากลับ ให้ นายอื้อฮือ ชนะคดีตามที่ศาลชั้นต้นว่าไว้ คดีนี้เป็นตัวอย่างของการอยู่ร่วมกันแบบหัวเส เอารัดเอาเปรียบเพื่อนบ้านและไม่เป็นธรรมเมื่อพูดจาแก้ไขปัญหาแต่โดยดีไม่ได้จำเป็นต้องพึ่งโรงศาล แน่นอน ความเป็นมิตรย่อมหมดไป ทั้งสองฝ่ายคงจะอยู่อย่างอึดอัด จนกว่าจะย้ายบ้านขายบ้านหนีหรือตายจากกันขาดความสุขไปโดยปริยาย สังคมเมืองกรุงหรือเมืองใหญ่มักจะเป็นอย่างกรณีนี้ นอกจากจะไม่มองหน้ากัน ไม่พยายามทำความรู้จักกันแล้วยังจ้องจะเป็นศัตรูกันซะอีก ผมจึงไม่ชอบสภาพของคนกรุงมาโดยตลอดฉะนี้แล จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2403/2534
อ่านต่อ
เรื่องโดย : "จอมยุทธ"
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/51515
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
ร่มไม้ชายศาล
ร่มไม้ชายศาล
15 Dec 2016
แย่งทางแยก/รถไฟฟ้า
ร่มไม้ชายศาล
11 Nov 2016
ต้องอย่างนี้สิน่า
ร่มไม้ชายศาล
7 Oct 2016
"นี่ละพี่ไทย !"