พิเศษ(formula)
เตรียมรถสู้ฝน
ทุกวันนี้การใช้รถช่วงหน้าฝน ต้องเจอกับสภาพถนนเปียกและลื่น ทัศนวิสัยต่ำ หรือเจอน้ำท่วมขัง ทำให้เครื่องยนต์ดับขณะลุยน้ำ บางคนโชคร้ายประสบอุบัติเหตุเนื่องจากรถเบรคไม่อยู่ ฯลฯ แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากประสบกับเหตุการณ์เหล่านี้ ดังนั้นการเตรียมรถช่วงหน้าฝนจึงเป็นวิธีลดความเสี่ยง เป็นการป้องกันก่อนประสบเหตุเพียงแค่ท่านตรวจสอบรถตามหัวข้อดังต่อไปนี้
ยางรถยนต์
ยางรถยนต์มีความสำคัญ เพราะเป็นอุปกรณ์ยึดเกาะผิวถนน ถึงแม้ไม่ใช่ช่วงหน้าฝนก็ควรหมั่นตรวจสอบเป็นประจำ ถ้ายางรถยนต์อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์
โอกาสเกิดอุบัติเหตุย่อมมีสูง บางท่านอาจมองว่ายางรถยนต์มีราคาแพง และใช้จนดอกยางสึกหมดถึงค่อยเปลี่ยน นั่นหมายถึงยางเส้นนั้นหมดประสิทธิภาพในการรีดน้ำ เวลาขับรถผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง อาจเกิดการลื่นไถล หรือเกิดอาการเหินน้ำ และเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาราคายางเทียบไม่ได้เลยกับชีวิต หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของท่าน
สำหรับขั้นตอนในการตรวจสอบยาง ให้ตรวจดูสภาพดอกยาง ร่องยางต้องมีความลึกไม่น้อยกว่า 2.0มม. ถึงจะมีประสิทธิภาพในการรีดน้ำ เราสามารถวัดได้โดยใช้เกจวัดความลึกตั้งฉากกับดอกยาง หรือสังเกตด้วยสายตา ถ้ามีเศษกรวด หรือของแข็งติดอยู่บริเวณดอกยางให้ใช้ไขควงงัดออกเพื่อเปิดร่องยางให้รีดน้ำได้ตามปกติ และตรวจสภาพโครงยาง ทั้ง 4 เส้น หากบวมผิดรูป หรือมีรอยฉีกขาดที่แก้มยาง ต้องเปลี่ยนยางใหม่เพื่อความปลอดภัย
สิ่งที่ควรทำเป็นประจำคือ วัดระดับลมยาง ต้องได้มาตรฐานตามที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์กำหนด (สำหรับยางมาตรฐานโรงงาน) แต่ถ้าเปลี่ยนยางขนาดอื่นต้องสอบถามบริษัทผู้ผลิต หรือร้านที่ท่านไปเปลี่ยนยางว่า ควรเติมลมระดับเท่าไรถึงจะเหมาะสมกับยางรุ่นนั้นๆ ส่วนวิธีวัดระดับและเติมลมยาง ควรทำขณะที่ยางรถยนต์เย็น และเติมจนได้ค่าที่กำหนด แต่ถ้าจำเป็นต้องเติมลมในขณะที่ยางร้อน ให้เพิ่มจากค่าที่กำหนดอีก 2 ปอนด์/ตารางนิ้ว และหลังจากตรวจวัดทั้ง 4 ล้อแล้ว อย่าลืมวัดลมยางอะไหล่ด้วย โดยเติมมากกว่าค่ากำหนดประมาณ 6 ปอนด์/ตารางนิ้ว ยกตัวอย่างเช่น ค่าที่กำหนด 30 ปอนด์/ตารางนิ้ว ให้เติม 36 ปอนด์/ตารางนิ้ว
ระบบเบรค
หลักการตรวจสอบเป็นไปตามปกติ คือ ดูระดับน้ำมันเบรค เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรคประมาณปีละ 1 ครั้ง ตรวจสอบความหนาของผ้าเบรค และอย่าลืมดูสภาพสายอ่อนเบรค ซึ่งรายการหลังนี้ ช่างบางคนยังมองข้าม เพราะเข้าใจว่าไม่มีรอยรั่วซึมหรือฉีกขาดก็เพียงพอ แต่สาเหตุหนึ่งของอาการเบรคแล้วดึงซ้ายหรือขวา บางครั้งเกิดจากสายอ่อนเบรคบวม บางทีสันนิษฐานอาการไม่ถูก เลยไล่เปลี่ยนไปเรื่อย กลายเป็นเรื่องใหญ่ หรือคิดว่าลูกสูบเบรคติด ต้องล้างกระบอกสูบเบรค เปลี่ยนชุดซ่อมใหม่ ถ่ายน้ำมันเบรค ไล่ลมใหม่ทั้งระบบก็ไม่หาย
ส่วนสาเหตุที่เกิดอาการดึงซ้ายดึงขวาเวลาสายอ่อนเบรคบวม เกิดขึ้นเนื่องจากขณะที่เราเหยียบเบรค แรงดันน้ำมันเบรคในระบบ ลงไปสู่ลูกสูบเบรคแต่ละล้อไม่เท่ากัน ทำให้เบรคจับไม่พร้อมกันทั้ง 4 ล้อ อาการดึงจึงเกิดขึ้นจากล้อฝั่งที่เบรคจับเร็วกว่า
หากท่านเหยียบเบรคแล้วรู้สึกถึงอาการไม่ปกติ เช่น เบรคลึก เบรคแล้วดึงซ้ายดึงขวา เบรคมีเสียงดัง หรือแป้นเบรคแข็งเหยียบไม่ลง ต้องรีบนำรถเข้าตรวจหาสาเหตุ ยิ่งเข้าหน้าฝนประสิทธิภาพในการเบรคจะลดลงเวลาถูกน้ำ ถ้าเบรคไม่ปกติ โอกาสเกิดอุบัติเหตุย่อมมีสูง
ระบบปัดน้ำฝน
การใช้รถมาตั้งแต่ต้นปี ไม่เจอฝนหรือสิ่งสกปรกมาเกาะกระจกหน้า เลยไม่ค่อยได้ใช้ระบบปัดน้ำฝน แต่พอเข้าหน้าฝน จะใช้งานจริงๆ กลับไม่ทำงาน ท่านคงหงุดหงิดไม่น้อยเวลาเจอปัญหาเช่นนี้ ดังนั้นเราควรตรวจสอบระบบปัดน้ำฝนเป็นระยะเพื่อความพร้อม ต่อมาคือใบปัดน้ำฝน ซึ่งหลายท่านมักลืม และต้องประสบปัญหาเวลาใช้ เพราะมันปัดไม่สะอาดเอาเสียเลย สาเหตุมาจากใบปัดหมดสภาพ บางท่านถามมาว่าทำไมมันหมดสภาพ ทั้งที่ไม่ได้ใช้เลยขอตอบว่าสภาพอากาศบ้านเราค่อนข้างร้อนและแดดแรงการจอดรถตากแดดเป็นตัวการสร้างความเสียหายให้กับใบปัดน้ำฝนเนื้อยางจะเสื่อมคุณภาพลงเรื่อยๆ จนกรอบแตก และหมดสภาพในที่สุด และเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก นอกจากจอดรถในที่ร่มตลอดเวลา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น เราควรเปลี่ยนใบปัดใหม่
ถ้าพบว่าเสื่อมสภาพแล้ว เพื่อทัศนวิสัยที่ดีขณะฝนตก
ระบบไฟส่องสว่าง
ไฟส่องสว่างมีส่วนสำคัญในช่วงหน้าฝน รถยนต์ที่อยู่โดยรอบ สามารถสังเกตเห็นรถเราได้เพียงแค่ไฟส่องสว่างเท่านั้นเมื่อยามที่ฝนตกหนัก เราควรตรวจสอบระบบไฟส่องสว่างทุกจุด ตั้งแต่ไฟหรี่ ไฟหน้า ไฟสูง ไฟเลี้ยว ไฟเบรค ไฟถอยหลังหรือแม้แต่ไฟส่องป้ายทะเบียน ซึ่งประโยชน์ของมันนอกจากจะเป็นจุดสังเกตในยามฝนตกแล้วยังถูกกฏหมายด้วย และการใช้ไฟสัญญาณฉุกเฉินในช่วงฝนตกที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นการเตือนให้รถที่ขับตามหลังทราบตำแหน่งของเรานั้นที่จริงแล้วมันเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะรถที่ตามหลังมาจะไม่ทราบเลยว่า รถที่เปิดสัญญาณไฟกำลังวิ่งอยู่ หรือจอด บางท่านก็เปลี่ยนเลนไปมาทั้งที่เปิดสัญญาณไฟ ซึ่งจะเกิดอันตรายสำหรับรถที่ขับตามหลังมา เพราะความไม่เข้าใจว่ารถกำลังจะเปลี่ยนไปเลนไหน
ระบบไฟจุดระเบิด
เป็นที่รู้กันดีว่า ระบบไฟจุดระเบิดเครื่องยนต์ รวมถึงกล่องควบคุมอีเลคทรอนิคส์ต่างๆ ไม่ถูกกับน้ำและความชื้น สาเหตุหลักๆ ที่รถยนต์ลุยน้ำแล้วดับ คือไฟฟ้าลัดวงจร แต่เราสามารถป้องกันได้โดยตรวจสอบอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ คอยล์จุดระเบิด จานจ่าย สายหัวเทียน และอุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์ควบคุมการจุดระเบิด ถ้าอุปกรณ์เหล่านี้อยู่ในบริเวณที่น้ำอาจกระเด็นมาถึง ให้หาทางป้องกัน ยกตัวอย่าง ในสมัยก่อนจะเคยเห็่นหลายคนใช้วิธีนำถุงมือยางมาตัดปลายออก แล้วห่อจานจ่ายไว้ ซึ่งก็ได้ผลดี แต่ปัจจุบันนี้ มีน้ำยาสเปรย์อเนกประสงค์เพื่อไล่ความชื้นหลายยี่ห้อทำออกมาจำหน่าย วิธีใช้ก็ง่ายมาก เพียงนำฉีดพ่นบริเวณอุปกรณ์ที่กล่าวมา รวมทั้งจุดเชื่อมต่อสายไฟต่างๆช่วยลดการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้
หากเราหมั่นตรวจสภาพรถตามรายการข้างต้น จะเป็นการเตรียมรถให้พร้อมในช่วงหน้าฝน จึงทำให้เรามั่นใจในการเดินทาง โอกาสเกิดปัญหาและอุบัติเหตุย่อมมีน้อยลง และอย่าลืมอุปกรณ์ที่เราควรมีติดรถในช่วงหน้าฝน คือ น้ำยาสเปรย์อเนกประสงค์ไล่ความชื้น ไฟฉาย ไขควง หรือประแจในกรณีที่จำเป็นต้องถอดฝาครอบจานจ่าย หรือถอดอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อไล่ความชื้น สายลากรถ ผ้าหรือกระดาษทิชชู่ใช้ซับน้ำ และที่สำคัญอย่าลืมร่ม หรือเสื้อกันฝนสำหรับตัวเราด้วย
ส่วนวิธีขับอย่างไรให้ปลอดภัยในช่วงหน้าฝน คือ ต้องขับด้วยความเร็วต่ำ อย่าใช้รอบเครื่องยนต์สูง โดยเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าปกติประมาณ 2-3 เท่า เนื่องจากประสิทธิภาพของเบรคจะลดลงเวลาจมอยู่ในน้ำ และเมื่อพ้นบริเวณน้ำท่วมแล้ว ให้ทดลองเบรคแล้วปล่อย ประมาณ 4-5 ครั้ง เพื่อไล่น้ำออกจากหน้าผ้าเบรค แต่วิธีดังกล่าวควรทำในขณะที่ไม่มีรถตามหลัง หรือถ้ามีก็ควรอยู่ในระยะปลอดภัย
ขอให้ปลอดภัยในการเดินทางช่วงหน้าฝนครับ
ชมนกชมไม้ในม่านฝน
"เที่ยวเมืองไทยไปได้ทุกเดือน" เป็นคำเชิญชวนให้คนไทยหันกลับมาท่องเที่ยวภายในประเทศ ดีกว่าไปเสียเงินตราในต่างแดน เพราะอันที่จริงแล้วในเมืองไทยของเรายังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสัมผัสอีกมากมาย
ฉบับนี้ "ฟอร์มูลา" ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวฤดูฝน ให้ผู้ที่สนใจจะเดินทางไปพักผ่อนระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน โดยส่วนใหญ่จะเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีอยู่ทั่วเมืองไทย ซึ่งจะมีน้ำตกอันสวยงาม และดอกไม้งามที่บานสะพรั่งไปทั้งป่า
สำหรับ 10 ยอดน้ำตกงามในเมืองไทย ได้แก่ น้ำตกแม่สุรินทร์ จังหวัด แม่ฮ่องสอน น้ำตกกรุงชิง จังหวัดนครศรีธรรมราช น้ำตกแม่ยะ จ.เชียงใหม่ น้ำตกขุนพอง จ. เลย น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น และน้ำตกเอราวัณ จังหวัด กาญจนบุรี น้ำตกทีลอซู จังหวัดตาก น้ำตกเขาสอยดาว และน้ำตกพลิ้ว จังหวัดจันทบุรี และน้ำตกเหวนรก จังหวัดนครนายก นอกจากนี้ยังมีน้ำตกที่สวยงามอีกหลายแห่ง เช่น น้ำตกสายรุ้ง อุทยานแห่งชาติเขาหลวง จังหวัดสุโขทัย นำตกทีลอจ่อ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุ้มผาง จังหวัดตาก
แหล่งอุทยานแห่งชาติที่ยังได้รับความนิยม และมีดอกไม้บานสะพรั่ง คือ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัด ชัยภูมิ ซึ่งจะมีทุ่งดอกกระเจียว และดอกเข้าพรรษาที่บานสะพรั่งให้เห็นเพียงปีละครั้งให้นักท่องเที่ยวนิยมไปชมเป็นจำนวนมาก หรือหากมีเวลามากก็ขอแนะนำ ไร่แม่ฟ้าหลวง ดอยตุง ดอยปุย และบริเวณยอดดอยต่างๆ ซึ่งล้วนมีดอกไม้นานาพันธุ์คอยต้อนรับท่านอยู่
เรื่องโดย : พีรพล วัยโรจนวงศ์
ภาพโดย : ราชวัตร แสงจันทรา
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2547
คอลัมน์ Online : พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52088