สังคม + ธุรกิจ
สปอร์ทใหม่ของ โพร์เช
เยอรมนี-ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทของเมืองเบียร์ เปิดเผยโฉมหน้าและรายละเอียดของรถสปอร์ทแบบใหม่พร้อมเชิญผู้สื่อข่าวรถยนต์จากทั่วโลกไปทดลองขับในทวีปแอฟริกา และประกาศยืนยันว่าจะนำรถออกจำหน่ายในตลาดยุโรป ปลายปี 2005 นี้ แน่นอน
ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทของเยอรมนีตั้งชื่อรถสปอร์ทแบบดังกล่าวว่า โพร์เช เคย์แมน (PORSCHE CAYMAN) โดยให้อรรถาธิบายว่า เป็นชื่อของจระเข้สายพันธุ์หนึ่ง ไม่ใช่ชื่อของเกาะในทะเลแคริบเบียนดังที่บางคนเข้าใจ
คนของ โพร์เช ยืนยันกับผู้สื่อข่าวที่ได้รับเชิญให้เดินทางไปร่วมการทดสอบว่า สนนราคา สมรรถนะ และตำแหน่งในตลาดของรถแบบใหม่นี้ จะแทรกอยู่ตรงกลางระหว่าง รถคูเป โพร์เช 911 คาร์เรรา (PORSCHE 911 CARRERA) และ รถเปิดประทุน โพร์เช บอกซ์สเตอร์ เอส (PORSCHE BOXSTER S) รวมทั้งยังยืนยันอย่างหนักแน่นด้วยว่า โพร์เช เคย์แมน เป็น STAND-ALONE MODEL หรือรถอนุกรมใหม่ซึ่งแยกเป็นเอกเทศ ไม่ใช่มีฐานะเป็นเพียง รถ โพร์เช บอกซ์สเตอร์ที่เปลี่ยนจากตัวถังเปิดประทุนเป็นตัวถังคูเป อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจกันมาตั้งแต่ต้น
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า คำแก้เกี้ยวดังกล่าวฟังไม่ค่อยขึ้นสักเท่าไรเพราะเมื่อพิจารณากันอย่างละเอียดแล้ว ก็จะพบว่า รถคูเปแบบใหม่นี้ไม่เพียงแต่ใช้แชสซีส์และโครงสร้างตัวถังส่วนหน้าร่วมกับรถ โพร์เช บอกซ์สเตอร์ เท่านั้นบานประตูข้างส่วนล่าง ฝากะโปรงหน้า และไฟหน้าไฟท้าย ก็ล้วนแล้วแต่ขอหยิบขอยืมมาจากรถโพร์เช บอกซ์สเตอร์ ทั้งสิ้น
โพร์เช เคย์แมน มีตัวถังยาว 4.341 ม. กว้าง 1.801 ม. และสูง 1.305 ม. คือใกล้เคียงกันมากกับ โพร์เช บอกซ์สเตอร์ ซึ่งยาว 4.329 ม. กว้าง 1.801 ม. และ สูง 1.295 ม. ส่วนช่วงฐานล้อนั้นยาวเท่ากันพอดิบพอดีคือ 2.415 ม. และที่เหมือนกับ โพร์เช บอกซ์สเตอร์ อีกเรื่องหนึ่งก็คือ โพร์เช จะใช้สายการผลิตของ VALMET ในฟินแลนด์ เป็นที่ผลิตรถคูเปแบบใหม่นี้
ยังไม่มีการยืนยันอย่างแน่นอนว่า จะแยกโมเดลและมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้สักกี่แบบกี่ขนาดเท่าที่ทราบกันอยู่ในขณะนี้ก็คือ โมเดลหัวกระทิจะมีชื่อว่า โพร์เช เคย์แมน เอส (PORSCHE CAYMAN S) ติดตั้งเครื่องยนต์ DOHC 6 สูบนอนยัน(บอกเซอร์) ความจุ 3,387 ซีซี วางเครื่องกลางลำให้กำลังสูงสุด 295 แรงม้า ที่ 6,200 รตน. และแรงบิดสูงสุด 34.7 กก.-ม.ที่ 4,400 รตน.ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งทอดกำลังสู่ล้อคู่หลัง เลือกได้ระหว่างเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ทิพทรอนิค (TIPTRONIC) สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ใน 5.4 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ระดับ 275 กม./ชม.
คาดหมายกันว่า นอกจากเครื่องยนต์ 3.4 ลิตร 295 แรงม้า ดังที่กล่าวแล้ว โพร์เชอาจจะเสนอเครื่องยนต์ขนาดความจุ 2.7 และ 3.2 ลิตร ให้เลือกใช้ด้วยในรถแบบใหม่นี้รวมทั้งจะมีโมเดลที่น้ำหนักตัวเบาเป็นพิเศษให้เลือกใช้อีกต่างหาก
ส่วนกลยุทธ์ด้านราคา แหล่งข่าวในสหรัฐอเมริกาซึ่งจะเป็นตลาดสำคัญของรถแบบใหม่นี้ ระบุว่าโพร์เช จะตั้งค่าตัวของ โพร์เช เคย์แมน เอส ให้สูงกว่า โพร์เช บอกซ์สเตอร์ ประมาณ 4,000 เหรียญคืออยู่ที่ระดับ 58,000 เหรียญ (เท่ากับประมาณ 2.35 ล้านบาท) หรือสูงกว่ากันประมาณ 10,000 เหรียญ เมื่อเทียบกับรถประเภทเดียวกันที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาดเมืองมะกันขณะนี้ คือ เอาดี ทีที (AUDI TT) ไครสเลอร์ ครอสส์ไฟร์ (CHRYSLER CROSSFIRE) และ นิสสัน 350 เซด (NISSAN 350Z)
โพร์เช ตั้งป้าหมายการขายรถคูเปแบบใหม่นี้ไว้ที่ระดับ 15,000 คัน/ปี เป็นตัวเลขที่จะทำให้ยอดขายของรถ โพร์เช ในตลาดทั่วโลก พุ่งขึ้นสู่ระดับ 100,000 คัน/ปี เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์นั่นเอง
ย่อยข่าว
* ยุโรป-ตามตัวเลขที่ตีพิมพ์ในนิตยสารรถยนต์ชั้นนำฉบับหนึ่งของเมืองน้ำหอมในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ (มกราคม-มีนาคม 2005) มีการจดทะเบียนรถใหม่ในยุโรปรวมทั้งสิ้น 7,805,875 คัน หรือลดลงร้อยละ 0.4 จากตัวเลขในปี 2004 โดยแยกออกได้เป็นรถเครื่องยนต์เบนซินร้อยละ 49.5 และรถเครื่องยนต์ดีเซล ร้อยละ 50.5 เรอโนลต์ เมกาน (RENAULT MEGANE) รถยอดนิยมของฝรั่งเศส ยังรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยมียอดจดทะเบียนรวม 361,400 คัน โดยมีรถแบบอื่นๆ ทำตัวเลขรองลงไปดังนี้
1. เรอโนลต์ เมกาน 361,400 คัน
2. ฟอร์ด โฟคัส 300,870 คัน
3. โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ 300,170 คัน
4. โอเพล อัสตรา 253,710 คัน
5. เปอโฌต์ 206 229,300 คัน
6. ซีตรอง เซกัตร์ 201,380 คัน
7. เปอโฌต์ 307 198,500 คัน
8. ฟอร์ด ฟิเอสตา 174,500 คัน
9. เรอโนลต์ กลีโอ 164,000 คัน
10. โอเพล โคร์ซา 153,050 คัน
* ญี่ปุ่น-ฮอนดา มอเตอร์ แห่งประเทศญี่ปุ่น สนองประสงค์ผู้นิยมใช้รถตรวจการณ์ในเมืองยุ่นโดยนำรถห้าประตูตรวจการณ์ขนาดเล็กอนุกรมใหม่ออกจำหน่ายแล้วในญี่ปุ่น ฮอนดาตั้งชื่อรถอนุกรมนี้ว่า ฮอนดา แอร์เวฟ (HONDA AIRWAVE) มีตัวถังทรงสองกล่อง ยาว 4.350 ม. กว้าง 1.695 ม. และสูง 1.515 ม. มีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า และแบบขับ 4 ล้อ แต่มีเครื่องยนต์เพียงขนาดเดียว คือเครื่องยนต์ SOHC 4 สูบเรียง 1,496 ซีซี 110 แรงม้าถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง(เกียร์ CVT) โดยแยกโมเดลให้เลือกใช้ตามรสนิยมรวม 8 โมเดล สนนราคาค่าตัวที่ซื้อขายกันในเมืองปลาดิบอยู่ระหว่าง 1.49-1.95 ล้านเยน หรือเท่ากับประมาณ 0.55-0.72 ล้านบาทไทย
* เยอรมนี-บีเอมดับเบิลยู (BMW) ซึ่งร่วมมือกับทีม วิลเลียมส์ (WILLIAMS) ในการแข่งรถฟอร์มูลา-1 ชิงแชมพ์โลก มาตั้งแต่ปี 2000 ประกาศยืนยันแล้วว่า สัญญาความร่วมมือเป็นเวลา 6ปีกำลังจะสิ้นสุดลงในปีนี้ และจะไม่มีการต่อสัญญาต่อไปแต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ผลิตรถยนต์รายนี้กำลังจะถอนตัวจากวงการแข่งรถฟอร์มูลา-1 ตรงกันข้ามบีเอมดับเบิลยู เพิ่งตัดสินใจเข้าไปซื้อกิจการของทีม เซาเบร์ (SAUBER) ซึ่งหมายความว่าบีเอมดับเบิลยู จะเดินหน้าเต็มตัวและทวีบทบาทในวงการนี้ยิ่งขึ้นหลังจากผิดหวังมานานกับการป้อนเครื่องยนต์ให้แก่ทีม วิลเลียมส์ ซึ่งในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมาสามารถชนะแข่งขันเพียง 10 นัด และไม่สามารถก้าวสู่ตำแหน่งแชมพ์โลกดังที่คาดหวังไว้อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาของการผลัดเปลี่ยนนี้ บีเอมดับเบิลยูได้เสนอตัวที่จะป้อนเครื่องยนต์ให้แก่ทีม วิลเลียมส์ อีกหนึ่งปี คือในฤดูกาลการแข่งขันปี 2006 แต่ดูเหมือนว่าจะได้รับการปฏิเสธ และเชื่อกันว่า ทีม วิลเลียมส์กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตเครื่องยนต์รายอื่นๆ คือ โตโยตา (TOYOTA) ฮอนดา (HONDA) และ คอสเวิร์ธ (COSWORTH)
* ญี่ปุ่น-ตามตัวเลขของ JAMA (JAPAN AUTOMOBILE MANUFACTURERS ASSOCIATION) หรือสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน 2005)มีการผลิตรถยนต์ทุกประเภทในญี่ปุ่นรวมทั้งสิ้น 5,484,421 คัน คือเพิ่มขึ้น 178,308 คัน หรือ ร้อยละ 3.4 จากตัวเลขในช่วงเดียวกันเมื่อปี 2004 ยอดผลิตดังกล่าวนี้ แยกออกได้เป็น รถยนต์นั่ง 4,562,849 คัน (ร้อยละ 83.2) รถบรรทุก 883,684 คัน (ร้อยละ 16.1) และรถโดยสาร 37,888 คัน (ร้อยละ 0.7) และสามารถแยกจำนวนตามยี่ห้อของรถได้ดังนี้
โตโยตา 1,952,237 คัน
นิสสัน 798,302 คัน
มาซดา 410,611 คัน
มิตซูบิชิ 305,638 คัน
อีซูซุ 98,160 คัน
ไดฮัทสุ 367,902 คัน
ฮอนดา 652,824 คัน
ซูบารุ 228,085 คัน
นิสสัน ดีเซล 19,428 คัน
ฮีโน 45,601 คัน
ซูซูกิ 542,728 คัน
มิตซูบิชิ ฟูโซ 62,133 คัน
อื่นๆ 772 คัน
ในส่วนของยอดขาย ปรากฏว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2005 ตลาดรถใหม่ในญี่ปุ่นทำยอดขายได้รวมทั้งสิ้น 3,102,860 คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 จากตัวเลขในช่วงเดียวกันเมื่อปี 2004 ในจำนวนนี้ 2,541,392 คัน หรือร้อยละ 81.9 เป็นยอดขายของรถยนต์นั่ง
ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : สังคม + ธุรกิจ