เกาะกระแส(formula)
เติมลมยาง "ไนโตรเจน"
ปกติแล้วยางที่ติดอยู่กับรถยนต์ทั่วไปต้องมีลม (ไม่นับรวมรถจำพวกฟอร์คลิฟท์ หรือรถประเภทที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นยางตัน ไม่มีลมแน่ๆ) ไม่เช่นนั้นก็คงต้องวิ่งกระเด็นกระดอน หรือกระแทกกระทั้น จนระบบรองรับพังพินาศ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ไม่มีผู้ผลิตรถยนต์ หรือยางรายไหนในโลกคิดฆ่าตัวตายอย่างนั้น ยกเว้นยางไร้ลมยุคใหม่ที่ผู้ผลิตบางเจ้าเขาพัฒนาอยู่
การเติมลมยางของรถยนต์นั่งทั่วไปในปัจจุบัน มักจะพึ่งพิงสถานีบริการน้ำมันเป็นหลัก เรียกว่าเติมน้ำมันกันสัก 2-3 ครั้ง ก็วานเด็กปั๊มนั่งยองๆ ตรวจ และเติมลมกันสักคราวหนึ่ง แล้วแจกค่าเมื่อย 5 บาท 10 บาทก็ว่ากันไป
แต่เด็กปั๊มสมัยนี้หลายคนนอกจากจะถามเหมือนๆ กันว่า "เติมลมยางหน้า/หลัง กี่ปอนด์ครับ" แล้วอาจมีถามอีกด้วยว่า "คุณออกต่างจังหวัด หรือบรรทุกหนักหรือเปล่า ?" จะได้เติมลมยางเพิ่ม เพื่อให้ความดันเปลี่ยนแปลงน้อย หน้ายางจะได้มีเสถียรภาพ และลดความร้อนของยาง ส่งผลถึงการทรงตัวที่ดีกว่า
ฟังแล้วทึ่ง !
เพราะขนาดคนที่อ้างตัวว่าเป็นเซียนรถยนต์บางคนยังไม่รู้ ทางกลับกันยังบอกว่าวิธีที่ถูก ต้องปล่อยลมออกเรื่อยๆ เมื่อวิ่งทางไกลขึ้นเพราะกลัวยางร้อนแล้วจะระเบิด
นั่นเป็นวิธีที่ถูกต้องครับ แต่ต้องย้อนยุคไปตั้งแต่รุ่นคุณปู่ หรือคุณพ่อเรา ที่ใช้ยางยุคเก่าแบบมียางในเพราะบางครั้งเมื่อวิ่งยาวๆ ความร้อนจะสูงเกินไป ยางในจะเบ่งตัว เมื่อโดนอะไรทิ่มตำก็จะแตกระเบิดเอาได้ง่ายๆ แต่ยางเรเดียลยุคปัจจุบันใช้วิธีเดียวกันไม่ได้ เพราะถ้าขืนทำอย่างนั้น เมื่อลมยางน้อย และใช้ความเร็วสูงต่อเนื่องนานๆ ลมภายในยางจะเสียดสีกันเองจนเกิดความร้อน เสี่ยงต่อการระเบิดได้มากกว่า ที่ถูกต้องจึงควรเติมลมยางเพิ่มสัก 2-4 ปอนด์/ตรน. เพื่อให้ความดันลมเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด และลดความร้อนของยาง
ทางที่ดีที่สุดก็คือ ต้องทำให้ค่าความดันลมภายในยางมีความเสถียร เปลี่ยนแปลงน้อย หลายคนที่เติมลมยางไนโตรเจน บอกว่าสามารถช่วยได้ เพราะใช้แล้วค่าความดันไม่ค่อยเปลี่ยน ไม่ต้องเติมลมบ่อยวิ่งนุ่มขึ้น เสียงไม่ดัง และสึกหรอช้าลงกว่าเดิม เดี๋ยวนี้ผู้ใช้รถนิยมเติมลมไนโตรเจนมากขึ้น เราจะมาดูว่า การเติมลมไนโตรเจนนี้มีดีอย่างไร ?
อากาศรอบตัวเรา มีส่วนผสมของไนโตรเจนอยู่แล้วประมาณร้อยละ 78 นอกนั้น คือ ออกซิเจน และแกสอื่นๆ รวมถึงน้ำ หรือความชื้น เมื่อเราเติมลมเข้าไป ความชื้นนี่แหละที่เป็นปัจจัยหลักในการทำให้ค่าความดันไม่คงที่
แต่ถ้าเป็นเครื่องเติมลมไนโตรเจน จะช่วยสกัดไนโตรเจนจากอากาศได้ในระดับร้อยละ 95-99 แกสอื่นๆ และความชื้นจึงหลงเหลืออยู่น้อยมาก
เดิมทีรถยนต์ที่ใช้ไนโตรเจนเติมลมยาง จะมีเพียงรถ สูตร 1 เพราะจำเป็นต้องควบคุมอุณหภูมิภายในยางอย่างละเอียดถี่ถ้วน เนื่องจากรถใช้ความเร็วสูงมาก และวิ่งติดต่อกันนาน ถ้าหากมีความร้อนสะสม ยางจะระเบิดเอาได้ง่ายๆ นอกนั้นจากไนโตรเจนยังใช้เป็นลมยางของเครื่องบิน เพราะต้องประสบกับภาวะที่เสี่ยงต่อการระเบิด เช่นการเร่งความเร็วเพื่อเทคออฟ หรือการรับน้ำหนักตัวเครื่องขณะร่อนลงจอด
อุปกรณ์ที่ใช้ในร้านรับเติมลมไนโตรเจนทั่วไป จะเป็นเครื่องที่สามารถสกัดออกซิเจน แกสอื่นๆ และความชื้นให้เหลือเพียงไนโตรเจน ซึ่งจะใช้กับปั๊มลมปกติที่ต่อสายมายังเครื่องกรองเพื่อดักน้ำ/ฝุ่น/ลมให้สะอาด สุดท้ายจึงผ่านอุปกรณ์สกัดแกสอื่นให้เหลือแต่ไนโตรเจนล้วนๆ
วิธีการเติม จะปล่อยลมเก่าออกให้หมดทุกเส้น แล้วเติมไนโตรเจนเข้าไปจนเต็ม ปล่อยลมออกครั้งหนึ่งเพื่อไล่ลมเก่าออกให้หมด แล้วเติมไนโตรเจนอีกครั้ง วัดค่าความดันลมยางให้เหมาะสมเป็นอันเสร็จพิธี หลายร้าน หลังจากเติมไนโตรเจนเสร็จแล้วจะเปลี่ยนฝาจุกลมยางของจุบเลสส์จากสีดำเป็นสีเขียวเพื่อบ่งบอกว่ารถคันนี้เติมลมไนโตรเจน ถ้าดูแล้วขัดตาบอกให้ร้านไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้ ค่าบริการ 50 บาท/ล้อเหมือนกันหมดทุกร้าน รวม 4 เส้น เป็น 200 บาท
ถ้าเทียบกันแล้ว การเติมลมแบบไม่ต้องเสียอะไรเลยจากบริการของสถานีบริการน้ำมัน กับเสียเงิน 200 บาท เพื่อเติมลมไนโตรเจน ดูจะแตกต่างกันมาก และหลายคนอาจตั้งคำถามว่าจำเป็นหรือไม่ ?
คำตอบ คือ ข้อดีของไนโตรเจน ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วมีแน่ แต่จะจำเป็น หรือคุ้มหรือไม่กับ 200 บาทที่ต้องจ่ายเพิ่ม อยู่ที่ความพึงพอใจ และการใช้งานของแต่ละตัวบุคคล ต้องทดลองใช้ดูเองครับ
ใครควรใช้ไนโตรเจนเติมลมยาง
เนื่องจากไนโตรเจนมีความเสถียร ค่าความดันเปลี่ยนแปลงน้อยมาก ผู้ที่ขับรถด้วยความเร็วสูงต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน เช่นการเดินทางข้ามต่างจังหวัดบ่อยๆ หรือผู้ที่ใช้รถบรรทุก และพิคอัพที่ต้องบรรทุกหนัก ส่งของทั้งในเมือง และนอกเมืองจะได้รับประโยชน์เต็มที่กับการเติมลมไนโตรเจน
แต่สำหรับผู้ที่ไม่เข้าข่ายนี้ก็สามารถใช้ได้ เพราะไนโตรเจนทำให้การขับขี่มีประสิทธิภาพขึ้นจริง อาจได้ประโยชน์ไม่เต็มที่ แต่ก็ไม่เป็นไรถ้าคุณพอใจที่จะจ่าย
ตรวจสอบง่ายๆ ว่าใช่ไนโตรเจนแท้หรือเปล่า ?
ว่ากันว่า เมื่อคนนิยมเติมลมไนโตรเจนมากขึ้น "ของปลอม" ก็ต้องเกิดขึ้นตามระเบียบ มีข้อสังเกตง่ายๆที่จะตรวจสอบว่าที่เติมเข้าไปเป็นไนโตรเจนปลอมแหงๆ
1. หลังเติมไนโตรเจน ไม่รู้สึกแตกต่างในความนุ่มนวล และเสียงที่เงียบลง แม้เพียงนิด
2. ความดันลมยางเพิ่มสูงขึ้นอย่างน้อย 3-4 ปอนด์/ตรน. เมื่อวิ่งระยะไกลด้วยความเร็ว
3. ความดันลมยางลดลงภายใน 1-2 สัปดาห์
แต่ถ้าจะให้มั่นใจ ก่อนเติม ควรตรวจสอบเครื่องหมายแสดงมาตรฐานอุตสาหกรรมบนเครื่อง จะได้ไม่ต้องหลงเสียเงินไปโดยใช่เหตุ
เรื่องโดย : ศิธา เธียรถาวร
ภาพโดย : เอกลักษณ์ จุลสุคนธ์
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : เกาะกระแส(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52887