พิเศษ(cso)
รู้ไว้ใช่ว่า...
ถ้าจะกล่าวถึงผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ป้องกันการขโมยรถยนต์ ได้นำเข้ามาในประเทศไทยหลายสิบปีแล้วโดยในระยะเริ่มแรกจะเป็นระบบ MACHANIC ซึ่งเป็นระบบการใช้งานอย่างเรียบง่าย ทนทาน แต่ก็มีข้อเสีย คือ น้ำหนักมาก เกะกะเวลาเก็บ ปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนาให้ยึดติดกับพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งเกียร์ หรือยึดกับแกนพวงมาลัย รวมถึงการตัดสตาร์ท แต่ก็ยังทำให้เกิดความสูญเสียทรัพย์สินในรถได้อยู่ดี แม้จะไม่สามารถขโมยรถไปได้ก็ตามที เนื่องจากเพราะไม่มีเสียงสัญญาณร้องเตือนนั่นเอง
ต่อมาวิศวกรจึงได้มีการพัฒนาไปสู่ระบบ ELECTRONIC ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ป้องกันตั้งแต่การเปิดประตู หรือการสั่นสะเทือนของตัวรถ รวมถึงการตัดสตาร์ท ทำให้สามารถป้องกันได้ทั้งตัวรถ และทรัพย์สินมีค่าภายในรถ
พัฒนาการของสัญญาณกันขโมยระบบ ELECTRONIC
สัญญาณกันขโมยที่ทำงานโดยใช้สวิทช์ลับ
เมื่อผู้บริโภคทำการติดตั้งสัญญาณกันขโมย จะทำการเชื่อมโยงกับจุดใดจุดหนึ่งที่เป็นสวิทช์ลับอาจจะติดตั้งสวิทช์ลับซ่อนไว้ในลิ้นชัก หรือใต้เท้าตรงคันเร่ง สัญญาณกันขโมยระบบนี้จะทำหน้าที่ในการตัดสตาร์ทได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าหาสวิทช์ลับไม่เจอก็จะไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ซึ่งถือเป็นระบบการป้องกันภัยเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น เพราะถ้าหากผู้บุกรุกหาสวิทช์ลับเจอก็จะสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ และขโมยรถไปได้
สัญญาณกันขโมยที่ใช้กุญแจยางเปิด/ปิดระบบที่ฝากระโปรงรถ
ระบบสัญญาณกันขโมยแบบนี้ มีเพียงกุญแจยาง จะเป็นกุญแจเฉพาะ มีดอกกุญแจยางที่ทำหน้าที่ในการเปิด/ปิดระบบสัญญาณ สัญญาณกันขโมยระบบนี้จะทำหน้าที่ในการตัดสตาร์ท และจะมีเสียงไซเรนร้องหากมีคนเข้ามาสตาร์ทเครื่องโดยไม่ได้ใช้กุญแจยางในการเปิด/ปิดระบบสัญญาณเสียก่อน ถือว่าระบบสัญญาณกันขโมยแบบนี้ดีกว่ารุ่นแรกที่ใช้สวิทช์ลับ เนื่องจากมีเสียงไซเรนร้องเตือนหากมีผู้บุกรุกเข้ามาสตาร์ทเครื่องยนต์โดยพลการ
สัญญาณกันขโมยที่ใช้แป้นกดรหัสตัวเลข
ระบบสัญญาณกันขโมยประเภทนี้ ต้องหาที่ซ่อนแป้นกดภายในตัวรถ เช่น ซ่อนไว้ที่กระโปรงท้าย ฯลฯ เพื่อป้องกันการบุกรุกและสุ่มกดรหัสที่แป้นกด สัญญาณกันขโมยระบบนี้จะทำหน้าที่ในการตัดสตาร์ท และจะมีเสียงไซเรนร้องหากมีคนเข้ามาสตาร์ทเครื่องยนต์ โดยไม่ทำการถอดรหัสที่แป้นกดก่อน ซึ่งเป็นการพัฒนามาจากการใช้กุญแจยางในการเปิด/ปิดระบบสัญญาณ มาเป็นการใช้แป้นกดรหัสตัวเลขแทน มีความทันสมัยมากขึ้น แต่ก็ยังมีจุดอ่อนตรงที่แป้นกดเพราะรหัสที่กดเป็นรหัสเดิม เมื่อมีการกดปุ่มแป้นบ่อยๆ จะทำให้ตัวเลขที่แป้นกดเกิดการจางหาย อีกทั้งทำให้เกิดรอยนิ้วมือ ง่ายต่อการโจรกรรม
สัญญาณกันขโมยที่ใช้รีโมท
ในยุคแรกๆ ของสัญญาณกันขโมย ลักษณะการทำงานจะคล้ายคลึงกับระบบที่ใช้แป้นกดเพียงแต่เปลี่ยนจากการใช้แป้นกดในการเปิด/ปิดมาเป็นใช้รีโมทแทน ด้วยคลื่นรหัสระบบดิจิทอล AM/FM แต่รหัสที่ใช้ยังเป็นรหัสตายตัว ทำให้ง่ายต่อการกอพพีรีโมท ที่มีเพียงการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงภายในเลย
ต่อมามีการพัฒนาระบบนี้ เพื่อช่วยป้องกันการกอพพีรีโมท โดยจะมีการเปลี่ยนรหัสทุกครั้งในการใช้รีโมทเปิด/ปิด ซึ่งจะมีรหัสกว่าพันล้านรหัส ทำให้ยากต่อการถูกกอพพี
สัญญาณกันขโมยแบบใช้รีโมท ยังได้แยกเป็น 2 แบบ คือ แบบสื่อสาร 1 ทาง และแบบสื่อสาร 2 ทาง การทำงานของสัญญาณกันขโมยแบบสื่อสาร 1 ทาง คือ ได้เพียงส่งคลื่นสัญญาณควบคุมคำสั่งปฏิบัติการทำงานเพียงด้านเดียวไม่สามารถตอบรับคำสั่งหรือแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินที่รีโมทได้
ส่วนแบบสื่อสาร 2 ทางทำงานด้วยการส่งคลื่นสัญญาณควบคุมคำสั่งปฏิบัติงานพร้อมตอบรับทุกคำสั่งและแจ้งเตือนเหตุผิดปกติด้วยสัญลักษณ์ภาพ และเสียงผ่านจอ LCD เรืองแสง และระบบสั่นสะเทือนที่รีโมทรวมถึงการตรวจสอบการทำงานของสัญญาณกันขโมย
สัญญาณกันขโมยที่ใช้การสแกนลายนิ้วมือ
ปัจจุบันได้มีการนำเข้าระบบสัญญาณกันขโมยที่ใช้การสแกนลายนิ้วมือเป็นรหัสผ่าน โดยไม่ใช่ระบบกันขโมยที่ป้องกันทรัพย์สินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นระบบที่สามารถควบคุมการทำงานของรถ ทั้งความเร็วและระยะทาง ที่สามารถตั้งระบบเอง หากรถถูกโจรกรรมคุณก็สามารถนำรถยนต์ของคุณกลับคืนมาได้จากระยะที่ไม่ไกลมากนัก เพราะระบบจะยับยั้งการทำงานของระบบอีเลคทรอนิคส์ และเครื่องกลที่สำคัญ จึงไม่มีใครสามารถขับรถยนต์ของคุณได้มากกว่าระยะทางที่กำหนดไว้หากไม่มีการใส่ลายนิ้วมือที่ถูกต้อง หรือไม่มีการใช้รหัสเพื่อขออนุญาตไว้ตั้งแต่แรก
หลังจากคุณทราบข้อมูลของอุปกรณ์กันขโมยแบบต่างๆ มาแล้ว ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าพวกโจรมีวิธีการโจรกรรมรถอย่างไร รวมถึงการป้องกัน และจะทำอย่างไรเมื่อเกิดกรณีรถหายขึ้นมาจริงๆ ?
กรรมวิธีการโจรกรรมต่างๆ
- งัดหูช้าง คนร้ายจะใช้เครื่องมืองัดหูช้างออก แล้วเอามือล้วงเข้าไปเปิดสลัก หรือตัวลอคประตูแล้วเปิดประตูรถเข้าไป จากนั้นใช้ไขควงงัดกระปุกกุญแจสตาร์ทออก และต่อไฟตรงเพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนี
- ใช้กุญแจปลอม คนร้ายจะทำกุญแจเลียนแบบกุญแจของรถชนิดที่ต้องการไว้หลายๆ ขนาด (รอยหยัก) แล้วลองเลือกใช้ทุกดอกที่ทำไว้ ถ้าเปิดประตูรถได้ คนร้ายก็จะเปิดประตูแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ขับไป
- สร้างกุญแจ คนร้ายจะทำกุญแจในแบบและรูปทรงต่างๆ โดยไม่มีรอยหยัก ของรถตามชนิดที่ต้องการ (ระบุไว้ในใบสั่งซื้อ) แล้วเอาน้ำหมึกอินเดียอิงค์สีดำทาไว้ ปล่อยให้หมึกแห้งสนิทเมื่อพบรถที่ต้องการ คนร้ายจะนำกุญแจแบบรูปทรงที่ทำไว้สอดเข้าไปในรูกุญแจประตูรถ แล้วบิดหมุนเพื่อให้เกิดร่องรอย ที่น้ำหมึก จากนั้นดึงกุญแจออก นำไปเซาะร่องตามรอยที่ปรากฎอยู่เพื่อวัดทำกุญแจเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนร้ายจะออกติดตามรถเป้าหมาย เมื่อสบโอกาสจะทำการโจรกรรมทันที
- ใช้ลวดเกี่ยวปุ่มลอคประตูรถ รถบางชนิดไม่มีหูช้าง คนร้ายจะใช้วิธีดึงกระจกที่บานประตูให้เผยอเล็กน้อย และถ้าเจ้าของปิดกระจกไม่สนิทก็ยิ่งเป็นโอกาสให้เกิดความสะดวกแก่คนร้ายมากขึ้นต่อจากนั้นคนร้ายจะใช้ลวดทำเป็นห่วงที่ปลาย สอดเข้าไปดึงปุ่มลอคประตูออก เปิดประตูเข้าไปในรถ ต่อไฟสายตรงสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
- ใช้ไขควงฉาก คนร้ายจะทำไขควงชนิดแบน ขนาดยาวประมาณ 1 ฟุต (รวมความยาวของด้าม) ที่ปลายไขควงความยาวประมาณ 1 ใน 3 ของความยาวไขควง ดัดงอเป็นมุมฉาก ใช้ปลายไขควงสอดเข้าไปในรูกุญแจประตูรถ งัดอย่างแรงกระปุกกุญแจประตูจะแตกและหลุดออกมา สามารถเปิดประตูรถเข้าไปต่อไฟสายตรงเพื่อติดเครื่องยนต์
- เปิดกระจกหลังรถ คนร้ายจะใช้ไขควงงัดยางขอบกระจกหลังรถออก แล้วเปิดกระจกออกด้วยแรงดึง ซึ่งกระทำด้วยความชำนาญ คนร้ายหรือลูกมือที่ใช้วิธีนี้จะเคยเป็นช่างถอดหรือใส่กระจกมาก่อนหลังจาก ถอดกระจกได้จะมุดตัวเข้าไปในรถแล้วใช้วิธีต่อไฟสายตรงเพื่อติดเครื่องยนต์
- ใช้เหล็กเขี่ยสลักลอคประตู คนร้ายจะใช้เหล็กเป็นลักษณะแบนหรือกลม ใช้ไขควงตัวเล็กๆ แหย่เข้าไปในรูใต้หูจับเปิดรถ แล้วเขี่ยสลักลอคประตูรถเปิดประตูเข้าไปต่อไฟสายตรง
- ใช้กุญแจพิเศษ คนร้ายจะใช้เหล็กปีกเครื่องบินที่แข็งเป็นพิเศษ ทำเป็นหยักหรือร่องถี่ๆ มีขนาดความหนาเท่ากับกุญแจรถทั่วๆ ไป เนื่องจากกุญแจปีกเครื่องบินมีความแข็งเป็นพิเศษเมื่อใส่เข้าไปในกุญแจประตูรถแล้วบิดด้วยความแรง ความแข็งของกุญแจชนิดนี้จะงัดร่องในกุญแจประตูรถจนหัก หรือไม่อยู่ในสภาพเดิม เมื่อเปิดประตูได้ก็ต่อสายตรงติดเครื่องยนต์
- จี้หรือชิงรถซึ่งหน้า คนร้ายประเภทนี้จะใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ปฏิบัติการครั้งละ 2 คน (ขับขี่ 1 คน ซ้อนท้าย 1 คน) ติดตาม สะกดรอยตามใบสั่ง เมื่อเจ้าของรถหรือเหยื่อขับรถคนเดียวไปจอด หรือผ่านในเส้นทางเปลี่ยว คนร้ายจะใช้วิธีขับรถไปเฉี่ยวชนรถของเหยื่อ ถ้าเหยื่อหยุดรถลงมาเพื่อตรวจสภาพความเสียหาย คนร้ายจะใช้อาวุธปืน หรือมีดปลายแหลมจี้เอากุญแจ จากนั้นขับหลบหนีไป
- มอมยาคนขับรถยนต์รับจ้าง คนร้ายจะแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ขั้นตอน ขั้นแรกส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง 4-5 คน จะไปทำการว่าจ้างรถยนต์ (ตามใบสั่ง) เพื่อไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ เสร็จงานก็จ่ายเงินให้คนขับรถตามปกติ ขั้นที่สองทิ้งช่วงอีกประมาณ 1 สัปดาห์ คนร้ายชุดเดิมจะว่าจ้างรถไปเที่ยวเหมือนกัน แต่จะนัดหมายกับคนร้ายพวกเดียวกัน 1-2 คน ไปรอ ณ จุดที่รับรถ คนร้ายผู้หญิงจะทำเป็นชวนคนขับรถกินข้าวจากนั้นใส่ยานอนหลับหรือยาชนิดอื่นที่ทำให้มึนเมาหมดสติ ลงไปในอาหารหรือเครื่องดื่ม จากนั้นจะส่งคนขับรถไปนอนที่โรงแรมซึ่งจองล่วงหน้าไว้แล้วนำกุญแจให้กับคนร้ายอีกกลุ่มซึ่งรออยู่ขับรถหลบหนีไป วิธีการนี้ค่อนข้างใหม่ในการโจรกรรมรถยุคปัจจุบัน
เทคนิคการป้องกันรถหาย
การซื้อรถใหม่ ท่านที่ซื้อรถใหม่ควรจะติดตั้งอุปกรณ์กันขโมยเพิ่มเติม เช่น เปลี่ยนกุญแจใหม่ติดตั้งชุดลอคเกียร์ ลอคคลัทซ์ ลอคพวงมาลัย และสัญญาณกันขโมย คนร้ายจะชอบรถใหม่ๆเนื่องจากขายต่อได้ง่าย มีราคาสูง โดยเฉพาะบรรดารถยอดนิยมต่างๆ อาทิ เช่น รถพิคอัพ รถขับเคลื่อน 4 ล้อ และรถเก๋งรุ่นใหม่ๆ เมื่อเจ้าของรถได้รถมาใหม่ๆ มักจะยังไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์สัญญาณกันขโมย คนร้ายก็จะฉวยโอกาสโจรกรรมรถไปได้โดยง่ายๆ
การซื้อรถเก่า เมื่อท่านได้ซื้อรถเก่าจากเจ้าของรถ หรือจากผู้ขายตามเตนท์ขายรถ ควรขอดูหมายเลขเครื่อง หมายเลขตัวถังรถ และสำเนาทะเบียนรถมาตรวจสอบกับหน่วยทะเบียนรถในท้องถิ่นที่รถนั้นจดทะเบียนไว้ก่อนซื้อ เพราะอาจเป็นรถที่ไม่ถูกต้อง หรือขโมยมาสวมทะเบียน เมื่อท่านได้ซื้อรถมาแล้ว ควรจะต้องเปลี่ยนลูกกุญแจ และติดตั้งอุปกรณ์กันขโมยเช่นเดียวกับรถใหม่ พึงระมัดระวังและระลึกอยู่เสมอว่า คนร้ายจ้องรอโอกาสขโมยรถท่านอยู่
การจอดรถ ควรจะระมัดระวังการจอดรถ ไม่ว่าจะจอดในที่ส่วนบุคคล หรือที่สาธารณะ แม้จะจอดทิ้งไว้ระยะสั้น หรือนานเพียงใด เพื่อไปทำธุระหรือทำงานก็ตาม ไม่ควรจะจอดไว้ห่างไกล ควรมีคนเฝ้าดูแล หรือมียาม (รปภ.) ก่อนทิ้งรถไปควรตรวจสอบการลอคกุญแจประตู และใช้อุปกรณ์กันขโมยให้ครบถ้วน ก่อนทิ้งรถไปทำธุระ และอย่าทิ้งสิ่งของมีค่าไว้ภายในรถ เพราะทำให้ล่อตาล่อใจคนร้าย บางครั้งรถไม่หายแต่ของอาจหายแทนก็ได้
จอดรถในบ้าน/นอกบ้านให้ปลอดภัย การจอดรถในบ้านต้องเอาท้ายรถออกนอกบ้าน ลอครถและใช้อุปกรณ์กันขโมย ติดตั้งโคมไฟส่องสว่างให้มองเห็นทั้งในและนอกรั้วบ้าน หากจำเป็นต้องจอดรถนอกบ้าน ควรจอดชิดขอบทางหน้าบ้าน ให้มองเห็นได้ ลอคกุญแจและอุปกรณ์กันขโมย และควรจะร่วมมือร่วมใจกับเพื่อนบ้านใกล้เคียง ช่วยกันจ้างยามรักษาความปลอดภัยคอยดูแล และให้ทุกคนในบ้านและเพื่อนบ้านช่วยกันดูแลซึ่งกันและกันด้วย
ข้อควรระวังในการจอด
- อย่าจอดรถทิ้งค้างคืนไว้บนถนน ไม่ว่าจะมีเครื่องป้องกันการโจรกรรมรถชนิดใดๆ ก็ตาม
- อย่าทิ้งกุญแจรถไว้ที่รถ เมื่อจอดรถลงไปทำธุระไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม
การนำรถไปซ่อม/รับการบริการ ควรจะต้องระวัง "แก๊ง" คนร้ายอาจจะเป็นช่างซ่อมรถ หรือผู้ให้การบริการตามอู่ซ่อมรถ หรือสถานบริการบำรุงรักษารถ เพราะว่าพวกนี้จะมีความชำนาญระบบกลไกของรถ อาจจะลักลอบทำกุญแจผี หรือทำลายระบบกันขโมย แล้วติดตามไปโจรกรรม รถของท่านภายหลัง จึงควรระวัง ควรอยู่ดูแลการซ่อมรถหรือการบริการของช่างตลอดเวลาอย่างใกล้ชิดหากจำเป็นต้องทิ้งรถไว้ให้ซ่อมหรือการบำรุงรักษาจะต้องเป็นผู้คุ้นเคยหรือไว้ใจได้เท่านั้น
กุญแจรถเป็นเรื่องสำคัญ รถบางคันใช้กุญแจดอกเดียวไขได้ทุกจุด ทั้งเปิดประตูรถสตาร์ทรถเปิดฝากระโปรงหลัง กระทั่งเปิดฝาน้ำมัน ซึ่งคนร้ายจะฉวยโอกาสทำปลอมแปลงได้ง่ายเพื่อการป้องกันจึงควรเปลี่ยนลูกกุญแจเสียใหม่ให้ใช้ได้เฉพราะแห่ง
ระวัง การใช้อุปกรณ์กันขโมย เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ กันขโมยแล้ว การใช้อุปกรณ์ ต้องเก็บเป็นความลับเฉพาะผู้ที่ไว้ใจได้ เพราะอุปกรณ์บางอย่างใช้รหัสเฉพาะ หรือ สัญญาณรีโมท การไปจอกรถในที่ต่างๆ จึงควรระมัดระวัง คนร้ายอาจคอยสังเกตวิธีการใช้อุปกรณ์กันขโมยของท่านและติดตามไปหาโอกาสโจรกรรมรถของท่านในภายหลัง
รถคุณถูกติดตามจะทำอย่างไร ?
กรณีนี้ ถ้าสังเกตรู้ว่ามีผู้ขับรถติดตามรถท่าน ให้สันนิษฐานว่าเป็นคนร้ายไว้ก่อน เพราะอาจตามไปฉวยโอกาส ขโมยรถเมื่อท่านจอดรถทิ้งไว้ในที่ไม่ปลอดภัย หรืออาจประทุษร้ายต่อ ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของท่าน ดังนั้น เมื่อรู้ว่าถูกติดตามจึงควรป้องกัน โดยพยายามขับรถเข้าไปในเขตชุมชน ขอความช่วยเหลือ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใกล้ที่สุดโดยด่วน
จดจำตำหนิรูปพรรณ
ท่านควรจดจำ ข้อมูล รายละเอียด เกี่ยวกับรถของท่านไว้ให้มากที่สุด โดยเฉพาะ ตำหนิ รูปพรรณพิเศษอื่นๆ โดยถ่ายเอกสารทะเบียนรถเก็บไว้ รวมทั้งถ่ายรูปรถของท่านให้ปรากฏรอยตำหนิพิเศษเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐาน กรณีรถหายจะได้นำมาแจ้งให้ตำรวจตรวจสอบสกัดจับได้อย่างรวดเร็วทันการ
ขบวนการโจรกรรมรถยนต์
ขบวนการโจรกรรมรถยนต์จะแบ่งหน้าที่และขั้นตอน ดังนี้
ฝ่ายประสานงาน หรือ "แมวมอง" หรือ "ต้นหน" ทำหน้าที่ตระเวนไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อดูช่องทาง ดูรถ (เป้าหมาย) ทางหนีทีไล่ แล้วบันทึกไว้เป็นข้อมูลเพื่อส่งต่อไปยังกลุ่มที่สอง
ฝ่ายโจรกรรม หรือ "มือผี/มือทอง" คือพวกที่ทำหน้าที่ขโมยรถ ระดับเซียนของวงการจะใช้กุญแจที่ทำจากปีกเครื่องบิน เพราะทนทานแข็งแกร่ง จะเน้นรถที่เพิ่งถอยออกมาจากโชว์รูม สามารถพารถออกได้ด้วยเวลาเพียง 30 วินาที(รถที่ไม่มีอุปกรณ์กันขโมย)
ฝ่าย "นักบิน" หรือ "นักบิด" รับช่วงต่อโดยขับรถไปตามเส้นทางเพื่อส่งให้นายหน้าตามจุดที่นัดหมายนายหน้า ส่วนใหญ่เป็นคนไทยอยู่ตามชายแดน เมื่อนักบินนำรถมาจอดพักไว้ในป่า หรือลานจอดรถห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน จากนั้นนายหน้าจะติดต่อไปยังกลุ่มที่ 5 คือกลุ่มคนที่ซื้อรถ
ทั้ง 5 กลุ่มนี้ ส่วนมากเกือบ 100 % ทุกคน ทุกหน้าที่ จะไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน แต่สามารถทำงานร่วมกันได้จากการนัดหมาย หรือนัดแนะผ่านสายโทรศัพท์ หรือเครื่องมือสื่อสารอื่นๆ ซึ่งยุทธวิธีดังกล่าวเป็นที่นิยมสำหรับเส้นทางโจรจากไทยไปเขมร และจากไทยไปลาว ไม่ว่าจะชายแดนด้านอรัญประเทศ หรืออีกหลายๆ พื้นที่ในภาคอีสาน
รถหายทำอย่างไร ?
ถ้ารถหายให้รีบแจ้งรายละเอียดแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุทราบโดยเร็ว หรือโทรหมายเลขพิเศษ "1192" (ศปร. ตร.) ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความรวดเร็วในการติดตามสกัดจับคนร้าย และเพื่อความรวดเร็วในการกระจายข่าวสาร/ข้อมูลของรถที่ถูกโจรกรรมไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ ตำรวจทางหลวง/ตำรวจตระเวนชายแดน/ ตำรวจภูธรภาค 1-9/กองบัญชาการตำรวจนครบาล/สถานีตำรวจภูธรตามแนวชายแดน/กองกำลังบูรพา/กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี และตราด
หลักฐานต่างๆ ที่ควรนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ คือ
1. ใบทะเบียนรถยนต์/รถจักรยานยนต์/เรือ หรือพาหนะอื่นๆ ที่หาย
2. ใบรับเงินหรือสัญญาซื้อขายเท่าที่มี
3. ถ้าเป็นตัวแทนห้างร้าน/บริษัท ไปแจ้งความควรมีหนังสือมอบอำนาจจากเจ้าของ หรือผู้จัดการของห้างร้าน/บริษัทนั้นๆ ไป รวมทั้งหนังสือรับรองบริษัทด้วย
4. หนังสือเกี่ยวกับการติดต่อ หรือเอกสารที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานได้ (ถ้ามี)
5. หนังสือคู่มือประจำตัวรถที่ทางบริษัท/ห้างร้านจ่ายให้เป็นคู่มือ ถ้าไม่มีหนังสือคู่มือรถให้จำยี่ห้อ สีแบบหมายเลขประจำวัน เครื่อง และตัวรถไปด้วย (ถ้ามี)
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : พิเศษ(cso)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/54408