เทคนิคตีนโต
แลรถหลังลุย
การขับรถไปเพื่อการพักผ่อนท่องเที่ยวในวันหยุด คงไม่มีใครที่จะไม่ตรวจเชคสภาพรถเพื่อให้พร้อมสำหรับ
การใช้งาน เพราะหากรถเกิดเดี้ยงขึ้นมาขับกลับบ้านไม่ได้คงไม่ดีแน่ ฉะนั้นการตรวจเชคสภาพรถก่อนเดิน
ทางเป็นสิ่งที่ต้องทำ พอๆ กับการตรวจเชคสภาพรถหลังเสร็จจากการใช้งาน เพราะบนเส้นทางวิบากนั้น
สภาพเส้นทางจะแตกต่างกับทางเรียบโดยสิ้นเชิง มีทุกสภาพเส้นทางที่เราจะต้องวิ่งลุยไป จึงมีโอกาสเป็น
ไปได้ที่ช่วงล่างรถหรือแม้แต่ตัวถังรถจะได้รับความเสียหาย ที่ตรงนี้เรามีคำแนะนำในเรื่องการตรวจเชค
รถหลังการใช้งานมาให้ทราบเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป
ระดับของตัวถังเอียงหรือไม่ ?
จอดรถบนพื้นทางระนาบไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง แล้วตรวจสอบด้วยสายตาตัวเองดูว่าหลังจากที่ไปลุยมา
แล้ว ระดับของรถเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งหรือไม่ ยิ่งถ้าคุณนำรถไปลุยมาบนเส้นทางวิบากอย่างหนักหน่วง
ด้วยแล้ว มีโอกาสเป็นไปได้มากที่คอยล์สปริงหัก ปีกนกช่วงล่างคดงอ หรือชอคอับอาจจะน้ำมันรั่ว ทำให้มี
ปัญหากับบางส่วนของระบบช่วงล่างรถ ถ้าตรวจสอบดูแล้วพบว่าระดับของรถเอียงผิดไปจากสภาพเดิมๆ
ต้องรีบหาต้นเหตุของปัญหา และหาทางแก้ไขโดยเร็ว
ล้างรถไล่โคลน
เมื่อต้องขับรถไปเที่ยวชายทะเลกลับมา อย่าได้ปล่อยรถทิ้งข้ามวันโดยไม่มีการทำอะไร เพราะคราบเกลือ
ของไอเค็มจากน้ำทะเลจะทำให้ตัวถังรถเป็นสนิมได้ หรือถ้าคุณขับรถไปลุยขี้โคลนมา ก็ต้องรีบล้างโคลน
เลนที่เกาะอยู่ตามส่วนต่างๆ ของตัวถังออกให้หมด รวมไปถึงที่ติดอยู่ตามช่วงล่างของรถด้วย ก่อนที่นำรถ
กลับมาขับอีกทีบนถนนทางเรียบ ถ้าไม่ล้างโคลนที่เกาะตัวถังออกก่อน โคลนที่เกาะอยู่ตามตัวถัง และช่วง
ล่างจะถูกสลัดออกเมื่อวิ่งบนถนนด้วยความเร็วสูง ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้ท้องถนนสกปรกเท่านั้น ยังทำให้
ผู้ร่วมใช้ถนนเดียวกับคุณได้รับความรำคาญอีกด้วย นอกจากนี้ถ้ายังปล่อยให้โคลนเกาะอยู่ตามตัวถังรถ ขี้
โคลนยังเป็นเหตุให้ตัวถังรถเป็นสนิมได้อีก และยังทำให้ชิ้นส่วนของรถบางอย่างทำงานได้ไม่เต็มที่ ถ้า
เลี่ยงล้างโคลนทั้งคันไม่ได้ ก็ให้ล้างส่วนที่เป็นไฟหน้า ไฟท้าย กระจกหน้าต่างรอบคัน รวมไปถึงกระจก
มองข้างด้วย เพื่อความปลอดภัยในขณะขับบนท้องถนน
ตรวจล้อ และยาง
รู้หรือไม่ว่าโคลนที่เกาะอยู่บริเวณล้อ และยางนั้น มันทำให้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้นเพียงไร และโคลนที่เกาะนั้น
ยังไปทำให้ล้อเกิดความไม่สมดุลในขณะวิ่ง ขณะที่กำลังฉีดล้างโคลนออกจากล้อ และยางนั้น ต้องแน่ใจด้วย
ว่าไม่หลงเหลือก้อนกรวด หรือสิ่งแปลกปลอมตกค้างอยู่บนร่องดอกยาง และให้ตรวจตราดูสภาพของยางว่า
เสียหายหรือไม่ ตรวจดูรอบๆ วาล์วเติมลมยาง และขอบยาง ว่ามีจุดให้ลมรั่วซึมออกมาได้หรือไม่ด้วย ถ้า
ยางได้รับความเสียหายมาก มีโอกาสที่ลมภายในยางรั่วออกได้มาก ดังนั้นทางที่ดีควรเปลี่ยนสลับเอายาง
อะไหล่มาใส่แทนยางที่เสียหายก่อนที่จะขับรถกลับบ้าน
เชคแรงดันลมยางให้มั่นใจ
วิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้ยางเกาะพื้นผิวทางวิบากมากขึ้นก็คือ การลดแรงดันลมภายในยางลง แต่การทำเช่น
นั้นกลับเป็นผลร้าย เมื่อต้องกลับมาขับบนทางเรียบอีกครั้งโดยไม่มีการเติมแรงดันลมยางกลับมาสู่แรงดันปก
ติดังเดิม ถ้าในรถไม่มีปั๊มเติมลมติดรถมา ก็ควรจะหาสถานีบริการน้ำมันที่ใกล้ที่สุด เพื่อเติมลมยางกลับคืน
โดยเร็ว และต้องตระหนักไว้ว่า ระหว่างที่คุณขับไปหาสถานีบริการน้ำมันนั้น ให้ขับด้วยความเร็วต่ำที่สุด
เท่าที่จะทำได้เพื่อความปลอดภัย
หารอยรั่วของของเหลว
บนเส้นทางวิบากนั้นโอกาสที่ช่วงล่างของรถจะไปกระแทกเข้ากับอะไรบางสิ่งบางอย่างนั้นเป็นไปได้มาก
ซึ่งเป็นสาเหตุให้น้ำมันรั่วไหลออกจากเครื่องยนต์ เกียร์ หรือดิฟเฟอเรนเชียล ถ้ารอยรั่วนั้นไม่ใหญ่มาก
อาจขับกลับบ้านได้โดยไม่ต้องทำอะไร แต่ถ้ารอยรั่วนั้นค่อนข้างจะใหญ่ เพื่อเหตุผลทางด้านความปลอดภัย
ควรรีบนำรถเข้าร้านซ่อมก่อนที่จะไปที่ไหนๆ ต่อไป และน้ำมันเบรค น้ำกลั่นแบทเตอรี น้ำหล่อเย็นในหม้อ
น้ำ ควรได้รับการตรวจเชคปริมาณให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ
ตรวจเชคประสิทธิภาพห้ามล้อ
สำหรับรถที่ใช้เบรคแบบดุม ถ้ามีน้ำหรือโคลนแทรกตัวเข้าไปอยู่ในดุม หรือกระทะเบรคแล้ว มันจะส่งผล
เสียต่อประสิทธิภาพของการห้ามล้อเป็นอย่างมาก โดยอาจทำให้เบรคข้างใดข้างหนึ่ง หรือล้อใดล้อหนึ่งไม่
ทำงาน ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับรถของคุณ ให้ขับไปช้าๆ ก่อนในขณะที่ใช้เท้าซ้ายแตะแป้นเบรคเบาๆ
ไปตลอด เพื่อให้ผ้าเบรคเสียดสีกับดุมจนร้อนแล้วไปไล่น้ำ และความชื้นออกจากด้านในของดุมเบรค ใน
ช่วงจังหวะที่คุณขับไปรีดน้ำออกจากดุมเบรคนี้ ต้องแน่ใจด้วยว่าคุณไม่ไปทำให้การจราจรบริเวณนั้นได้รับ
ความยุ่งยาก
คำบรรยายภาพ
1. ก่อนอื่นให้จอดรถบนทางระนาบแล้วลงจากรถมาสำรวจดูว่า รถเอียงไปจากเดิมหรือไม่
2. ทางที่ดีควรล้างโคลนออกก่อนที่มันจะแห้งโดยใช้น้ำฉีดแรงๆ เพื่อไล่โคลนที่เกาะอยู่ออกให้หมด
3. เมื่อวิ่งบนถนน ไม่เพียงแต่ทำให้ถนนสกปรกเท่านั้น ยังทำให้รถคันหลังได้รับอันตรายอีก
4. ถ้าล้อมีโคลนเกาะเต็มไปหมดเช่นนี้ ย่อมส่งผลถึงความสมดุลของยางในขณะที่หมุนแน่นอน
5. ตรวจเชคให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมตกค้างอยู่ระหว่างล้อ และขอบยาง
6. เติมแรงดันลมยางในยางอะไหล่ให้มากเข้าไว้ เพื่อให้เป็นที่เก็บลมยางสำรองสำหรับเติมใส่ล้ออื่นได้
7. ถ้าในรถไม่มีที่เติมลม ควรหาที่เติมลมจากสถานีบริการน้ำมันที่ใกล้ที่สุด
เรื่องโดย : วิโชค ควรรักษ์เจริญ
ภาพโดย : 4x4MAG.-INT.46
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2545
คอลัมน์ Online : เทคนิคตีนโต
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/55442