เลกซัส อาร์เอกซ์ 400 เอช

ปัญหาเรื่องของมลภาวะ เป็นเรื่องที่คนทั่วโลกให้ความสนใจกันมาเนิ่นนานและต่อเนื่อง เห็นมีเพียง บ้านเราเท่านั้นที่เพิ่งเริ่มจะให้ความสนใจ แต่น่าแปลกตรงที่ผู้ให้ความสนใจกลับเป็นภาคเอกชนมากกว่าภาครัฐ ที่ผ่านมานั้นนโยบายของภาครัฐเกี่ยวกับเรื่องนี้มีออกมาน้อยมาก กลุ่มที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นภาคธุรกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่ให้ความสนใจเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ เห็นได้จากการพัฒนาที่ต่อเนื่องเกี่ยวกับการขับเคลื่อนที่ปล่อยมลพิษน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากมลพิษส่วนใหญ่มาจากการเผาไหม้ของรถยนต์   เลกซัส เป็นอีกค่ายหนึ่งที่พัฒนาเครื่องยนต์มลพิษต่ำมานานพอสมควร วันนี้เราจะแนะนำให้รู้จักกับ อาร์เอกซ์ 400 เอช (RX400H) เป็นการขับเคลื่อนที่ต้องการลดมลพิษ โดยมีจุดประสงค์ที่ต้องการคงไว้ซึ่งสมรรถนะที่ดีของการขับขี่ เครื่องยนต์และเกียร์ลูกเป็นไฮไลท์สำคัญในการขับเคลื่อน เครื่องยนต์ต้นกำลังเป็นแบบ วี 6 สูบ 3.3 ลิตร อาจจะดูเหมือนว่าไม่ได้มีความมุ่งเน้นในเรื่องของการลดการใช้เชื้อเพลิง เหมือนกับรถยนต์ไฮบริด ประเภทอื่นๆ ที่ลดความจุของเครื่องยนต์ลง แต่นี่ยังคงใช้เครื่องขนาดใหญ่เหมือนเดิม แต่ออกแบบระบบการสั่งจ่ายและควบคุมการใช้เชื้อเพลิงใหม่ คือ ระบบ DIRECT INJECTION และ PORT INJECTION เพื่อควบคุมการจ่ายน้ำมันให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ สามารถผลิตกำลังรวมได้ถึง 268 แรงม้า ระบบขับเคลื่อนนั้นเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบ ECVT ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยระบบเกียร์แบบไฮบริด และชุด TORSEN สำหรับการจัดสรรกำลังไปยังล้อหน้าและหลัง (AWD) ทำให้รุ่น AWD นั้นมีประสิทธิภาพในการส่งถ่ายกำลังสูงสุด ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้านั้นจะมีมอเตอร์เพิ่มขึ้นมาอีก 2 ชุด ทั้งด้านหน้าและหลัง โดยระบบจะทำ การจัดสรรการส่งถ่ายกำลังให้เหมาะสม เพื่อให้การขับขี่มีประสิทธิภาพสูงสุด รถไฮบริดโดยทั่วไปนั้น เวลาออกตัวจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งจะทำให้สมรรถนะของตัวรถไม่เป็นอย่างที่ควรจะเป็น คอนเซพท์ในการออกแบบรถรุ่นนี้ต้องการให้สมรรถนะใกล้เคียงรถที่ใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียว จังหวะการออกตัวยังคงใช้กำลังจากเครื่องยนต์เป็นหลักเช่นเดิม แล้วเสริมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยให้สมรรถนะไม่แตกต่างจากเดิม แต่ยังคงไว้ซึ่งคอนเซพท์ในการลดมลภาวะเช่นกัน ระบบการจัดสรรการขับเคลื่อนที่ชาญฉลาดนี้ ช่วยให้เจ้า อาร์เอกซ์ 400 เอช คันนี้ บริโภคน้ำมันต่ำกว่าเดิม ในเมืองนั้นทำได้เฉลี่ย 11 กม./ลิตร อัตราสิ้นเปลืองเดินทางเฉลี่ย 10 กม./ลิตร จะเห็นว่าอัตราสิ้นเปลืองในเมืองนั้นทำได้อย่างน่าพอใจ เพราะถ้าใช้เครื่องยนต์เบนซินธรรมดา อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 6-7 กม./ลิตร เท่านั้น แม้ว่าอัตราสิ้นเปลืองขณะเดินทางจะต่ำกว่า แต่การเดินทางที่ความเร็วคงที่นั้น มอเตอร์ไม่มีผลในการขับเคลื่อน มอเตอร์จะช่วยเพิ่มแรงบิดในช่วงความเร็วต่ำ ซึ่งก่อให้เกิดมลพิษมากที่สุด สำหรับ อาร์เอกซ์ 400 เอช คันนี้ ประสิทธิภาพก็เป็นไปตามที่วิศวกรออกแบบมา คือ คงไว้ซึ่งสมรรถนะ แต่ก่อให้เกิดมลพิษที่ต่ำกว่าเดิม   เครื่องยนต์ตัวนี้เป็นแบบ SUPER ULTRA-LOW EMISSION VEHICLE เป็นเครื่องยนต์ที่มีมลพิษจาก การเผาไหม้ต่ำมากๆ ใช้หัวฉีด 2 ตัว/1 สูบ ทำงานร่วมกันเพื่อควบคุมส่วนผสมไอดี และจังหวะในการจุดระเบิดให้สมดุลตามความต้องการของเครื่องยนต์ ให้การเผาไหม้ที่สะอาดหมดจด การป้อนอากาศเข้าสู่กระบอกสูบควบคุมด้วยระบบ ACIS (ACOUSTIC CONTROL INDUCTION SYSTEM) ทำหน้าที่ปรับเปลี่ยนความยาวภายในท่อร่วมไอดี เพื่อให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของอากาศสัมพันธ์กับรอบการทำงานของเครื่องยนต์ ทำงานควบคู่กับระบบ VVT-I ฝั่งไอดีเพียงอย่างเดียว แต่ในรุ่นใหญ่นั้นจะใช้ระบบ DUAL VVT-I ระบบดังกล่าวจะเป็นการนำวาล์วแปรผันมาใช้ทั้งฝั่งไอดี และไอเสีย สำหรับฝั่งไอดีนั้นใช้ระบบ VVT-IE (VARIABLE VALVE TIMING INTELLIGENT ELECTRIC) เป็นการนำมอเตอร์ไฟฟ้ามาควบคุมระดับการแปรผันแทนระบบไฮดรอลิค ที่ยังขาดความแม่นยำและฉับไวในการตอบสนองมากกว่า ซึ่งเราอาจจะได้เห็นในเครื่องยนต์ของ อาร์เอกซ์ รุ่นถัดไป เพราะระบบ VVT-IE มีข้อดีตรงที่ว่า บางจังหวะที่เครื่องยนต์ต้องมีการดับและสตาร์ทใหม่ ตลอดเวลาที่มีการเคลื่อนที่ช้าๆ สลับหยุดนิ่ง อากาศอาจจะไม่สามารถไหลเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้ทันตามความต้องการจริงของเครื่องยนต์ ผลที่ตามมาก็คือ มลพิษจากการเผาไหม้ที่สูงขึ้น ระบบนี้จะช่วยให้เครื่องยนต์สตาร์ทติดได้ง่ายขึ้น และก่อมลพิษน้อยกว่า สำหรับ อาร์เอกซ์ 400 เอช นี้ยังใช้ระบบวาล์วแปรผันประเภทที่ทำงานด้วยแรงดันน้ำมัน อาจจะทำงานได้ไม่สมบูรณ์นักในรอบต่ำ เพราะน้ำมันเครื่องมีความหนืด ยิ่งจังหวะที่เครื่องยนต์มีอุณหภูมิต่ำด้วยยิ่งแล้วใหญ่ เพราะความหนืดของน้ำมัน จะทำให้การทำงานของระบบไฮดรอลิคผิดเพี้ยนไป