เซลล์เชื้อเพลิง พลังขับเคลื่อนไร้มลพิษ

ปีนี้ เจเนอรัล มอเตอร์ส หรือ จีเอม (GM) เฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ทั่วโลกเนื่องในโอกาสครบ 100 ปี สำหรับเมืองไทย ก็มีการจัดงานใหญ่เช่นกัน โดย จีเอม ได้ขนเทคโนโลยีใหม่ๆ มาให้คนไทยได้ชม เทคโนโลยีที่ว่า คือ รถรุ่น อีควินอกซ์ ที่ใช้ต้นกำลังขับเคลื่อนแบบ “เซลล์เชื้อเพลิง” (FUEL CELL TECHNOLOGY) นั่นเอง ปัจจุบันค่ายรถยนต์ใหญ่ๆ ในโลก ต่างโฟคัสพลังงานการขับเคลื่อนรถยนต์อนาคตไปที่ไฟฟ้า เนื่องจากเป็นพลังงานที่หาได้จากหลายๆ แหล่ง และนอกจากค่ายรถยนต์เองจะเป็นโต้โผในการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เหล่านี้ หน่วยงานของรัฐในหลายๆ ประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็เตรียมการสนับสนุนอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง โดยเฉพาะองค์กรที่เกี่ยวกับพลังงานของรัฐ จะมีบทบาทเป็นอย่างมากในการกำหนดแนวทาง และศึกษาความเป็นไปได้ เพื่อให้ความช่วยเหลือบริษัทรถยนต์พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เหล่านั้นให้สำเร็จลุล่วงไปโดยง่าย แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อมองกลับมาที่บ้านเราบอกได้คำเดียวว่า “ไม่เห็นทางสว่าง”   ทำไมถึงต้องเป็นพลังงานไฟฟ้า ? เพราะไฟฟ้าสามารถผลิตขึ้นได้จากหลายๆ แหล่งรอบตัวเรา ไม่ว่าจะผลิตจากพลังงานลม, แสงอาทิตย์,น้ำ หรือแม้แต่จากกระบวนการทางเคมีอย่างนิวเคลียร์ แต่กระบวนการเหล่านี้มักมีปัญหาติดขัดในเรื่องของการพัฒนาสู่การใช้งานจริง เนื่องจากต้องใช้ต้นทุนสูง ทั้งการวิจัยและขบวนการผลิต บรรดาค่ายรถยนต์ต่างๆ จึงพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์พันทาง (HYBRID) ออกขายเป็นจำนวนมากเพื่อขัดตาทัพไปพลาง อันที่จริง ผู้ผลิตรถยนต์มองหาพลังงานไฟฟ้า จาก 2 แหล่งหลักๆ อย่าง รถไฟฟ้าที่ใช้แบทเตอรีอย่างเดียว แบบนี้ต้องใช้ไฟฟ้าจากภายนอกชาร์จเข้าไปสะสม ข้อดี คือ ราคาถูก และระบบไม่ซับซ้อน แต่เหมาะกับการใช้งานในระยะสั้นๆ อย่างในเมือง ส่วนแบบที่ 2 อาศัยไฟฟ้าที่ผลิตได้จากตัวรถ ซึ่งไม่มีอะไรเหมาะกว่า เซลล์เชื้อเพลิง ที่ผลิตไฟฟ้าได้จากไฮโดรเจน ซึ่งสามารถหาได้จากรอบตัวเรา และไม่มีวันหมด ส่วนที่ทั่วโลกไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเชื้อเพลิงทางเลือกอย่าง เอธานอล หรือไบโอดีเซล สักเท่าไรเนื่องจากการผลิตเชื้อเพลิงต้องอาศัยวัตถุดิบจากธรรมชาติ และนำมาจากการเพาะปลูกพืชอาหารและไม่สามารถคาดเดาสภาพอากาศ หรือปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้   ทางออกที่ใกล้ความจริง ไฮโดรเจน-เซลล์เชื้อเพลิง เชฟโรเลต์ ถือว่าเป็นผู้นำลำดับต้นๆ ในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ เห็นได้จากรถเอมพีวี ซาฟีรา ที่เคยกลายเป็นที่ฮือฮาเมื่อคราวที่มีการเปิดตัวเทคโนโลยี ซาฟีรา ที่ใช้ต้นกำลังเป็นเซลล์เชื้อเพลิง แม้ในช่วงนั้นจะติดปัญหาชิ้นส่วนที่มีมากมาย และขนาดใหญ่เกินไป จนกินพื้นที่ห้องโดยสารไปเกือบครึ่ง แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีนี้ก้าวหน้าไปมาก ขั้นตอน และอุปกรณ์บางอย่างที่ยุ่งยากก็ถูกพัฒนาให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยนำไฮโดรเจนเหลวมาเป็นเชื้อเพลิง จึงไม่กินพื้นที่ตัวรถมากจนเกินไปนัก สามารถใช้พื้นที่ภายในรถยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เมื่อการพัฒนาก้าวหน้าจนถึงขั้นนำมาใช้จริงได้ถึงเพียงนี้ ค่ายรถยนต์ในยุโรป ที่มีแนวทางการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเหมือนกัน จึงร่วมกันสร้างปั๊มเติมไฮโดรเจนเหลวขึ้น เพื่อเป็นตัวแบบการใช้งานจริงในอนาคต เชฟโรเลต์ อีควินอกซ์ จัดอยู่ในกลุ่มของรถปลอดมลพิษ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 94 กิโลวัตต์ ขับเคลื่อนล้อหน้า แรงบิดสูงสุด 32.69 กก.-ม. สามารถไต่ความเร็วจากจุดหยุดนิ่งถึง 100 กม./ชม. ได้ใน 12 วินาที ความเร็วปลายไหลไปได้ถึง 160 กม./ชม. ซึ่งเพียงพอกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ที่เหนือกว่านั้น คือ ไม่ง้อน้ำมัน และไม่ปล่อยมลพิษออกมาเลย ขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนจาก เซลล์เชื้อเพลิง ท่อไอเสีย(จริงๆ ไม่ใช่ “ไอเสีย”) เพราะจะปล่อยเพียงความร้อนกับน้ำออกมาเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดมลพิษใดๆเลย การใช้งานในเมืองจะเดินทางได้ราว 250 กม./การเติมไฮโดรเจน 1 ครั้ง สำหรับการเดินทางไกลไปต่างจังหวัด จะเดินทางได้ราว 300-320 กม. นับว่าเพียงพอต่อการใช้งานแบบสบายๆ เทคโนโลยีต่างๆเหล่านี้ จึงเป็นความหวังของการเดินทางในอนาคตอันใกล้ ในบ้านเรา เทคโนโลยีที่นำมาใช้คั่นกลางระหว่างรอการพัฒนาจนถึงขีดสุด ก็คือ ซีเอนจี, อี 85 และไบโอดีเซล ส่วนในระดับโลก เราเห็นได้จากการพัฒนาเทคโนโลยี เซลล์เชื้อเพลิง ที่เริ่มอยู่ตัวแล้วแต่ภาครัฐกลับไม่ค่อยใส่ใจ มองแต่เพียงการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ทั้งที่การแก้ไขปัญหาเรื่องพลังงานต้องมองให้ขาด และมองไกลมากกว่า 10 ปีเป็นอย่างน้อย