ฟ้ากว้าง ทางไกล
กาแฟหอมในหุบเขาโบลาวัน
ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นในยามเช้า เราเห็นผู้มาเยือนทั้งชาวไทยและชาวตะวันตกนั่งจิบกาแฟที่หอมกรุ่น บางคนจิบกาแฟไปพลางดมกาแฟจากถ้วยไปพลาง บางคนเหม่อมองน้ำตกคู่ ไม่ว่าจะเป็นอิริยาบถใด นักท่องเที่ยวเหล่านี้ต่างมีความสุขกลางป่าเขาของโบลาวัน
บนชั้นสองของศาลารีสอร์ท ตาดฟาน ซึ่งเป็นแหล่งพบปะของผู้ใฝ่หาธรรมชาติ และชื่นชมน้ำตกแฝด ที่รู้จักกันในชื่อ น้ำตกตาดฟาน ที่สูงถึง 200 ม. ในป่าดงหัวเสา ซึ่งเป็นหนึ่งใน 18 แห่งของพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติลาว ตั้งอยู่ที่ กม. 38 หรือหลัก 38 ระหว่างเมืองปากเซไปปากซ่ง แขวงจำปาสัก
เสน่ห์ของที่นี่มิใช่ธรรมชาติอันสมบูรณ์เท่านั้น หากเรายังได้พบเจ้าของรีสอร์ทคนไทยที่พร้อมจะให้ข้อมูลการเดินทางเดิมทีเราตั้งใจมาชมน้ำตกตาดฟาน และเก็บเรื่องราวบางส่วนไปบอกเล่าเพื่อนฝูง แต่กลับชื่นชอบกับกาแฟหอมที่มีคุณภาพสูงและรสชาติไม่เป็นรอง โดยเฉพาะมีคาเฟอีนต่ำเพียง 1.4 % จึงขอศึกษาเรื่องราวของกาแฟลาวไปด้วย
ที่ราบสูงโบลาวัน ครอบคลุมพื้นที่ 2,800 ตร. กม. มีความสูง 300-1,500 ม. จากระดับน้ำทะเล เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูกกาแฟพันธุ์อราบิกา มากที่สุดในลาว เพราะเป็นดินภูเขาไฟ อีกแห่งที่เป็นแหล่งเพาะปลูกสวนกาแฟอยู่แถบชายแดนลาวตอนกลางที่ติดกับประเทศเวียดนาม
กาแฟลาวที่มีชื่อเสียงในอดีตกลับมาเป็นที่นิยมอีกในช่วงนี้ ด้วยความหอมและสีสวยเหมือนชอคโกแลท ทำให้คนนิยมชงเป็นกาแฟดำ บางคนบอกว่า กาแฟลาวไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก เพราะส่วนมากส่งไปประเทศฝรั่งเศส ชาวฝรั่งเศสเป็นผู้นำเข้ามาในปี 2456 และเริ่มมีการเพาะปลูกอีก 4 ปี ต่อมาในหมู่บ้านเล็กๆ ของท่าเต็ง การปลูกกาแฟมีการพัฒนาเรื่อยมาในช่วงเป็นประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศส จนกระทั่งในปี 2493 ต้นอาราบิกาถูกทำลาย จากอากาศเย็นจัดต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง และโดนเชื้อรา ซึ่งอราบิกาไวต่อเชื้อโรคมาก ชาวบ้านจึงหยุดการเพาะปลูกไป อีก 40 กว่าปีต่อมา มีการนำต้นอราบิกา ที่ต้านทานโรคได้ดีเข้ามาปลูกในจำปาสัก
เราไปเยือนตาดฟาน ช่วงฤดูหนาว ตรงกับฤดูเก็บเกี่ยวเม็ดกาแฟพันธุ์ อาราบิกา ในลาว กาแฟอราบิกา เป็นพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุด และปลูกได้ดีในพื้นที่ที่มีลักษณะพิเศษเท่านั้น คือมีการผสมผสานของอากาศอบอุ่นและชี้นได้พอดี เช่นเดียวกับที่ราบสูงดบาวัน ที่มีหมอกเกือบตลอดปี
เราเดินข้ามไปเที่ยวหมู่บ้านรอบๆ ไม่ว่าเดินไปส่วนไหนของหมู่บ้านจะเห็นสวนกาแฟไม่มากก็น้อย บางต้นยังเพิ่งปลูก มีเปลือกเม็ดกาแฟโรยรอบโคนต้นกาแฟทำเป็นปุ๋ย เราทราบมาว่าบางที่ใช้มูลควาย มูลค้างคาวเป็นปุ๋ยและไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง
พอผ่านสวนกาแฟเราเห็นชาวบ้านกำลังเก็บเม็ดกาแฟด้วยมือเปล่า ซึ่งเป็นวิธีเก็บที่ถนอมคุณภาพของเม็ดกาแฟ บนต้นมีเม็ดกาแฟสดสีเขียวสีแดงเป็นพวงคล้ายกับเม็ดพวงพริกไทยแต่ใหญ่กว่า วัสดุที่ชาวบ้านนำติดตัวมาล้วนทำมาจากธรรมชาติ เช่น ตะกร้าใส่เม็ดกาแฟสด หรือ ตะขอเกี่ยวคานหามก็เป็นไม้ที่เหลาเอง
เมื่อเดินเข้าไปในหมู่บ้านเราเห็นลานบ้านแทบทุกบ้านตากกาแฟสดเม็ดสีเขียวสีแดงละลานตา เราสอบถามชาวบ้านเลยทราบว่าบ้านแถวนี้ไปถึงปากซ่ง ปลูกกาแฟกันทุกบ้านไม่มากก็น้อย แม้กระทั่งคนขับรถสองแถวที่ตลาดเมืองปากซ่ง พวกเขาจะตากกาแฟประมาณ 10-15 วัน เด็กกินเม็ดกาแฟที่ตากแห้งขณะช่วยพ่อแม่คัดเลือกกาแฟไป
250 หมู่บ้าน 1,700 ครอบครัว ปลูกกาแฟ เฉลี่ยแล้วแต่ละครอบครัวใช้พื้นที่ปลูก 0.5-3 เฮคเตอร์ การผลิตกาแฟในที่ราบสูงโบลาวันเพิ่มมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่อื่นใน จำปาสัก สาละวัน และเซกอง ในปี 2538 ลาวผลิตกาแฟพันธุ์อราบิกาได้ 230 ตัน
มีหน่วยงานต่างชาติและมูลนิธิของชาวตะวันตก เข้ามาช่วยเหลือและแนะนำในการผลิต บางหน่วยงานพยายามแนะนำให้มีการผลิตที่เพิ่มขึ้น มีการปลูกสตรอเบอร์รี ควบคู่ไปกับกาแฟอราบิกา และที่สำคัญ บางองค์กรอยากพัฒนาการเพิ่มผลผลิตในพื้นที่ แทนการแผ้วถางป่ามาปลูกกาแฟ
หลังจากฝรั่งเศสไปจากลาว ชาวบ้านเริ่มขายสวนกาแฟให้กับพ่อค้าคนกลางที่ส่งต่อประเทศรัสเซีย หรือ ประเทศในระบอบคอมมิวนิสต์ในขณะนั้น เมื่อกาลเวลาผ่านไปลูกค้าที่นิยมดื่มกาแฟก็แปรเปลี่ยนไป ในปี 2544 ประธานของสมาคมส่งออกกาแฟลาว ระบุว่า ได้ส่งออกกาแฟลาวไปแล้วกว่า 20 ประเทศทั่วโลกและมีลูกค้ารายใหญ่จากยุโรปตะวันออก และญี่ปุ่น ซื้อมากที่สุด
ปัจจุบัน กาแฟลาวส่งออกถึง 90 % ทั้งยุโรป เอเชีย และรัสเซีย มีฝรั่งเศสเป็นผู้นำเข้ามากที่สุด ส่งออกต่างประเทศจากท่าเรือในเมืองไทย ส่วนกาแฟอีกสิบเปอร์เซนต์ ที่เหลือไว้ใช้บริโภคภายในประเทศ
กาแฟลาวอราบิกา จากที่ราบโบลาวัน มีขายในสหรัฐอเมริกา หนึ่งปอนด์ ในราคา 10 เหรียญสรอ. ทางรัฐบาลลาวก็หวังว่ามันจะเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หวังแต่เพียงว่ามันจะช่วยให้คนลาวที่ยากจนส่วนใหญ่มีมาตรฐานชีวิตที่ดีขึ้น
สำหรับเราแล้วคู่รักคู่รสคงต้องเปลี่ยนเป็นกาแฟลาวอราบิกา เสียแล้ว
บรรยายภาพ
1. สภาพของที่ราบสูงโบลาวันซึ่งยกตัวแยกจากพื้นที่โดยรอบ มีหุบลึกและหน้าผาสูงชันทำให้เกิดน้ำตกสูงใหญ่หลายแห่ง และด้วยเป็นที่ราบสูงจึงมีอากาศเย็นตลอดทั้งปีเหมาะแก่การทำสวนกาแฟ
2. เม็ดกาแฟอราบิกา จากที่ราบสูงโบลาวันของลาว ที่ว่ากันว่าดีที่สุดในโลก
3. สองสามี-ภรรยาชาวอเมริกัน ดื่มกาแฟสดๆ จากสวนกาแฟที่ปลูกใกล้รีสอร์ท ตาดฟาน
4. น้ำตกตาดฟาน ที่สูงถึง 200 ม. บนที่ราบสูงโบลาวัน ซึ่งผู้คนขนานนามว่า น้ำตกแฝด
5. ชาวบ้านจะเก็บเม็ดกาแฟจากต้นในช่วงฤดูหนาวของทุกปี
6. ในลาว ชาวบ้านยังใช้วัสดุจากธรรมชาติมาทำเป็นตะกร้าใส่เม็ดกาแฟหลังเก็บเกี่ยว เช่น พี่น้องคู่นี้
7. กาแฟสดๆ จากต้นที่จะต้องนำไปตากให้แห้ง
8. เด็กน้อยจ้องมองผู้มาเยีอนสวนกาแฟในหมู่บ้านตน ซึ่งอยู่อีกฟากถนนของน้ำตกตาดฟาน
9. หลังจากเม็ดกาแฟที่ตากไว้กลางลานบ้านแห้งแล้ว คนในบ้านจะช่วยกันคัดเลือกเม็ดกาแฟ
10. แทบทุกบ้านในปากซ่งจะปลูกกาแฟ ไม่ว่าเดินไปทางไหนใกล้ป่าเพียงใดจะเห็นชาวบ้านนำกาแฟมาตาก
11. สภาพแวดล้อมที่มีอากาศชุ่มชื้นของป่าในที่ราบสูงโบลาวัน และธรรมชาติอันสมบูรณ์เป็นแหล่งหากินของสัตว์ป่า
ข้างหลังภาพ
การมาลาวของเราในครั้งนี้จะว่าไปแล้วเป็นการมาพักผ่อน และเที่ยวน้ำตก หากจะนำภาพกาแฟมาเป็นภาพเด็ดก็ดูกระไรอยู่ อย่ากระนั้นเลยน้ำตกที่เราเที่ยวมาหลายแห่งจึงน่าจะเป็นภาพที่ดึงดูดใจคนทั่วไปมากกว่า แต่จะเป็นภาพอย่างที่ถ่ายกันในเวลากลางวันทั่วไปก็คงไม่เหมาะ ภาพนี้เป็นภาพน้ำตกตาดเลาะแห่งเมืองสาละวัน ผมถ่ายภาพน้ำตกในเวลากลางวันไปจำนวนมากแต่ก็ยังไม่เป็นที่ถูกใจ เนื่องด้วยเป็นที่โล่ง จึงคิดได้ว่าน่าจะถ่ายในเวลากลางคืน โดยเฉพาะผมได้เอาสปอทไลท์มาด้วย คืนนั้นดาวพราวเต็มท้องฟ้าเนื่องจากเป็นคืนเดือนมืด และโชคดีไปกว่านั้นคือ ทางลาวใช้ไฟส่องไปที่น้ำตกด้วย ทำให้ผมใช้สปอทไลท์ที่เตรียมมาเพื่อเพิ่มในส่วนเงามืดเท่านั้น ผมตั้งถ่ายตั้งแต่ 1 นาที 2 นาที จนถึง 20 นาที ภาพที่ถูกใจผมที่สุดคือภาพนี้ ตั้งถ่ายประมาณหนึ่งนาทีครึ่ง เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความลึกลับของน้ำตกยามค่ำคืน และดาวที่พราวเต็มท้องฟ้า อย่าลืมนะครับ แม้ว่าคุณจะไปพักผ่อน และไม่ซีเรียสในการถ่ายภาพ แต่ก็อย่าให้ภาพที่ดีหลุดลอยไป
ABOUT THE AUTHOR
อ
อุษณีย์ กฤษณาวารินทร์
ภาพโดย : สุเทพ กฤษณาวารินทร์นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2546
คอลัมน์ Online : ฟ้ากว้าง ทางไกล (4wheels)




