X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
ฟ้ากว้าง ทางไกล (4wheels)
1 Nov 2003
อ่างกาหลวง
"ดอยอินทนนท์" ชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันดี สำหรับนักเดินทางทั้งไทย และเทศเชื่อว่าหลายคนคงเคยขึ้นดอยสูงที่สุดของเมืองสยามแห่งนี้กันมาแล้วแต่ทว่าน้อยคนนักที่จะเคยค้างแรมอยู่บนยอดดอยที่มีน้ำค้างแข็งเหนือยอดหญ้า หรือที่เรียกว่าแม่คะนิ้งในฤดูหนาว ตัวผมนั้นมีประสบการณ์มาแล้ว แต่ก็เป็นไปโดยบังเอิญไม่ได้ตั้งใจ เพราะเนื่องจากครั้งที่ผมขึ้นไปครานั้นรถโดยสารหมด และรถของนักท่องเที่ยวก็หมดแล้วเดือดร้อนไปถึงเจ้าหน้าที่ที่ต้องขออนุญาตทางทหารอากาศให้ผมนอนที่ยอดดอยหลายคนน่าจะจำได้ว่าข้างบนของยอดดอยเป็นฐานที่ตั้งเรดาร์ของกองทัพอากาศและมีป้ายห้ามถ่ายรูปติดอยู่ คืนนั้นนอกจากประสบการณ์ที่จะได้นอนขดอยู่ในถุงนอนกันลมแล้วผมก็มีโอกาสได้เดินชมป่าดิบเขาในตอนกลางคืนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของดวงดาวยามค่ำคืน จนเข้าใจคำนิยามของป่าดิบดึกดำบรรพ์เพราะป่าบนยอดดอยยามค่ำคืนที่ลำต้นไม้ปกคลุมด้วยมอสส์และเฟิร์น นั้นดูลึกลับที่ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานยิ่งไปกว่านั้นยังมีโอกาสให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเลี้ยงเหล้าแก้หนาวและได้รับเชิญจากร้อยอากาศเอกท่านหนึ่งให้เข้าเยี่ยมชมภายในฐาน แถมยังชวนให้นอนข้างในด้วยเพราะมีเครื่องทำความร้อน เช้าของวันต่อมา บรรยากาศที่ปราศจากนักท่องเที่ยวเหมือนสวรรค์ที่ไม่อาจลืม นกนานาพันธุ์หมอกจางๆ และน้ำค้างแข็ง แต่งแต้มป่ายามเช้าบนยอดดอย ดอยอินทนนท์ มีชื่อเดิมว่า "ดอยอ่างกาหลวง" เล่ากันว่ามีแอ่งน้ำห่างจากยอดดอยออกไปราวประมาณ300 เมตร สถานที่แห่งนี้มีน้ำตลอดปี ให้บรรดาสัตว์ใหญ่น้อย และฝูงกา มาอาศัยอาบกินด้านทิศใต้ของแอ่งมีลักษณะเหมือนอีกาจับอยู่ แอ่งน้ำแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า "อ่างกาหลวง"หลวงเป็นคำที่คนเมืองมักใช้เรียกดอยใหญ่จนเมื่อสมัยเจ้าครองนครเชียงใหม่คือ เจ้าอินทวิชยนนท์ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของป่ามีบัญชาให้ข้าราชบริพารนำพระอัฐิส่วนหนึ่งของพระองค์ภายหลังที่ทรงสิ้นพระชนม์ไปบรรจุอยู่บนยอดดอยเพื่อให้ประชาชนและชาวเขาเกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าบุกรุกทำลายป่า ต่อมาครานั้นจึงได้ชื่อว่า "ดอยอินทนนท์" จากแนวสันเขาอันไกลโพ้นในทิเบต คือเทือกเขาหิมาลัยอันยิ่งใหญ่ต่อทอดตัวยาวมาถึงประเทศไทยเป็นเทือกเขาถนนธงชัยกลาง คือที่ตั้งของดอยอินทนนท์ ลงไปสุดป่าในจังหวัดกาญจนบุรีเราได้จำลองแบบของป่าหิมพานต์มาไว้ที่นี่ ในโลกอันลี้ลับของป่าดิบดึกดำบรรพ์ สั่งสมเวลามานานนับพันปียังมีสิ่งแปลกประหลาดมหัศจรรย์ที่เรายังไม่รู้อีกมากมาย เต็มไปด้วยชีวิตใหญ่น้อยขอพืชพันธุ์ต่างๆ โดยปกติเหนือความสูง 1,800 เมตรขึ้นไป ต้นไม้จะเริ่มแคระแกร็น เล็กและเบาบางลงเรื่อยๆ ตามระดับความสูงทว่าที่นี่กลับเป็นป่าดิบเขา ที่ยิ่งสูงยิ่งทึบ ยิ่งสูงยิ่งอัดกันแน่นอย่างกับกะหล่ำปลีบนรถกระบะของชาวม้งไม่น่าแปลกใจเลยว่าพื้นที่แถบยอดดอยจะเป็นแหล่งกำเนิดสายธารหลายสายที่ไม่มีวันเหือดแห้ง ยิ่งสูงยิ่งหนาวยิ่งสูงก็ยิ่งชุ่มชื้น คือความจริงเห็นได้จากฤดูฝนหากใครเคยขึ้นไปสัมผัสยอดดอยจะเต็มไปด้วยหมอกขาวโพลนของเมฆ อาจกล่าวได้ว่าเราอยู่เหนือเมฆก็คงไม่ผิดนัก ปัจจุบันดอยอินทนนท์มีพื้นที่ 482 ตร. กม. สภาพพื้นที่ประกอบด้วยภูเขาสูงน้อยใหญ่ ยอดสูงสุดดอยอินทนนท์สูง 2,565 เมตร บนเทือกเขาที่สลับซับซ้อน และเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำหลายสายจึงเป็นที่อยู่อาศัยที่สำคัญทั้งของคนและสัตว์ป่า คนที่อาศัยอยู่ที่นี่มีทั้งชาวม้ง และกะเหรี่ยงผมเคยมีเพื่อนชาวม้งคนหนึ่งชื่อประหลัด จากบ้านขุนกลาง ผมได้นอนอยู่ที่บ้านขุนกลางหลายคืนทำให้เข้าใจชาวม้งเป็นอย่างดีแม้พวกนี้จะมีหัวพ่อค้า และบางครั้งเข้าใจยาก แต่อีกแง่มุมหนึ่งหากเราทำให้เขาไว้ใจแล้วเขาจะให้ความไว้วางใจและความร่วมมืออย่างดี ทุกวันนี้ชาวม้งบ้านขุนกลางและชาวกะเหรี่ยงจากบ้านตีนผาให้ความร่วมมือในการอนุรักษ์กวางผา ที่เราเข้าใจกันว่าได้สูญพันธุ์ไปจากดอยอินทนนท์แล้ว แต่ตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้นมามีรายงานการพบกวางผาที่หน้ากิ่วแม่ปานอยู่เรื่อยๆ นอกจากที่ดอยม่อนจอง ป่าอมก๋อยที่เคยเข้าใจกันว่าเป็นแหล่งเดียวที่ยังมีกวางผามีชีวิตอยู่ในประเทศไทยผมยังจำได้ว่าก่อนที่จะมีรายงานการพบกวางผาที่กิ่วแม่ปาน ผมมากิ่วแม่ปานก็เพียงเดินชมวิว และพันธุ์ไม้ต่างๆความหวังที่จะได้เห็นสัตว์ใหญ่อย่างกวางผานั้นเลือนรางเต็มที ผมยังจำประสบการณ์ที่นั่งซุ่มดูกวางผาที่ม่อนจองได้ดีผมนั่งสะท้านด้วยความหนาวเย็นของอากาศและสายลมแรงๆ บนหน้าผาทุ่งหญ้าบนดอย โดยไม่พบแม้แต่เงาของกวางจนผิวหน้าแตกยับเพราะลมหนาวและแสงแดด ประหลัดบอกผมว่ากิ่วแม่ปานสำหรับชาวม้งบ้านขุนกลางแล้วคือสถานที่สำหรับหนุ่มสาวชาวม้งจะชวนกันขึ้นมาชมกุหลาบพันปีที่ออกดอกบานสะพรั่งสีแดงไปทั่วหุบเขาในวันขึ้นปีใหม่ของชาวม้งแต่ทุกวันนี้คนกลุ่มเล็กขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไปพวกเขานั่งทนลมหนาวกันอย่างอดทนบนชะง่อนหินเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับกวางผาบนกิ่วแม่ปาน เราอาจมีโอกาสเห็นกวางผาเป็นร้อยๆ ตัวอย่างเช่นคนแก่เล่าก็เป็นได้เช่นในอดีต
อ่านต่อ
เรื่องโดย : สุเทพ กฤษณาวารินทร์
ภาพโดย : สุเทพ กฤษณาวารินทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2546
คอลัมน์ Online : ฟ้ากว้าง ทางไกล (4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/56249
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
ฟ้ากว้าง ทางไกล (4wheels)
ฟ้ากว้าง ทางไกล (4wheels)
1 Mar 2004
แดนหิมาลายันใต้ (1)
ฟ้ากว้าง ทางไกล (4wheels)
1 Feb 2004
เส้นทางปราสาทหิน
ฟ้ากว้าง ทางไกล (4wheels)
1 Nov 2003
อ่างกาหลวง